เชื่อว่าหลายคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้มีตั้งแต่ ม.4 ถึง ม.6 แน่นอน เพราะอีกไม่กี่ปีน้อง ๆ ก็ต้องเตรียมตัวสำหรับในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยทางสายการแพทย์นี้ ซึ่งคะแนนที่จำเป็นที่สุดในสายนี้ก็คงหนีไม่พ้นกับคะแนนความถนัดแพทย์ที่ใช้คิดคำนวณตั้ง 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว แค่ได้คะแนนเยอะก็ก้าวไปครึ่งก้าวแล้วภาพโดย Chuk Yong จาก Pixabay พี่ในฐานะพี่หมอที่เคยผ่านจุดนี้มาก่อนอยากจะแนะนำว่าควรเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ถ้ารู้ตัวเองแล้วว่าอยากเรียนทางสายนี้จริง ๆ ก็มุ่งมั่นให้เต็มที่ หาข้อมูลว่าต้องใช้คะแนนอะไรบ้าง บริหารเวลาจัดการดี ๆ ไม่งั้นจะหนักช่วงสองสามเดือนก่อนสอบแบบพี่ อิอิ มาดูกันเลยว่าคะแนนความถนัดแพทย์แบ่งเป็นส่วนไรบ้าง ความถนัดแพทย์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนละ 10 เปอร์เซ็นต์ภาพโดย lecroitg จาก Pixabay ส่วนแรก คือ การเชื่อมโยงความสัมพัทธ์ มี 1 บทความใหญ่ ๆ ส่วนนี้จะเป็นการให้เชื่อมข้อความที่เขากำหนดมาให้จากบทความที่เราได้อ่านด้วยคียเวิร์ดต่าง ๆ เช่น ส่งผลให้ ยับยั้ง เป็นส่วนประกอบ ส่วนที่สอง คือ จริยธรรมแพทย์ part นี้ โจทย์เยอะมาก เกือบๆ 100 ข้อ เป็นข้อสอบ 5 ตัวเลือก และส่วนสุดท้าย คือ เชาว์ปัญญา แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ part จับใจความสำคัญ กับ part เชาว์ปัญญา เช่น มิติสัมพันธ์ อนุกรม สถิติและกราฟ เป็นต้น อันนี้โจทย์จะน้อยกว่าจริยธรรมแพทย์ แต่คิดนานกว่านิดนึง แล้วแต่คน อิอิ ที่นี้ก็มาพูดถึงเคล็ดลับที่เราจะจัดการกับข้อสอบทั้ง 3 ส่วนนี้ยังไงให้ได้ 20 + เริ่มที่ส่วนแรกเลย ภาพโดย F1 Digitals จาก Pixabay part เชื่อมโยงความสัมพันธ์ เป็น part เป็นส่วนที่คนส่วนใหญ่ได้คะแนนเต็มกันเยอะมาก เพราะมันเหมือนข้อสอบ GAT เชื่อมโยงเลย ต่างกันที่ GAT มี 2 บทความ แสดงว่า part เชื่อมโยงความสัมพันธ์มีเนื้อความให้อ่านเยอะกว่า ใช่ครับ มีให้อ่านเยอะ แต่บอกเลยเวลาเหลือเฟือ แค่เผื่อเวลาฝนไว้ก็พอสักครึ่งชั่วโมงทันแน่ part นี้ไม่ใช่ตัววัดว่าจะได้คะแนนมากกว่าคนอื่น ควรทำให้เกาะกลุ่มไว้ก็พอ คือ ไม่ต่ำกว่า 90 คะแนน part จริยธรรมแพทย์ อันนี้คะแนนกระจายกันมากควรเก็บ จะเป็นคำถามที่แบบพบเห็นเหตุการณ์ได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน โดยให้เลือกแนวทางการปฎิบัติ ซึ่งตัวเลือกกำกวมโคตร ๆ แบบข้อนี้ก็ถูกข้อนั้นก็ถูก แต่ข้อไหนถูกที่สุดล่ะ ถ้าได้เรียนมาบ้างก็จะรู้ตัวเลือกทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ส่วนใหญ่จะตัดช้อยส์เหลือ 2 ข้อ ขอแนะนำว่าให้เลือกคำตอบที่แบบดีสุดโต่งอ่ะ แต่ทำได้จริง ให้สวมวิญญาณคนดีไว้เลย อย่าใช้เวลาคิดนาน เพราะอาจเกิดความลำเอียงได้ให้เชื่อสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ไปเลย และบางข้อก็จะถามเหมือนให้เลือกประเด็นหลัก ก็ให้ตอบที่คลอบคลุมมากที่สุดไม่ใช่สนแค่เรื่องเดียว ระวังเรื่องเวลาด้วย part เชาว์ปัญญา อย่างที่บอกไปมีแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเลยคือ การจับใจความสำคัญ การเติมคำ เลือกใช้คำ อาจจะสัดส่วนน้อยกว่าเชาว์ปัญญามาก แต่อันนี้ควรเก็บให้ได้เกือบหมด เพราะเหมือนหลักภาษาไทยทั่วไป แนะนำให้ทำข้อสอบเก่า ๆ เพราะคำถามเหมือนกันเลย แค่เปลี่ยนบทความ จับหลักให้ได้ว่าถามแบบนี้ควรตอบแบบไหน รับรองได้แต้มต่อคนอื่นแน่ถ้าได้เต็ม ต่อมาคือเชาว์ปัญญาแท้ ๆ เลย อันนี้เหมือนคณิต ม.ต้น ทำให้ไว แน่ใจแล้วตอบ อ่านโจทย์แล้วงงไม่รู้ว่าต้องเริ่มอย่างไรให้ข้ามไปก่อนเลย เพราะส่วนนี้แทบไม่มีใครทำทันแน่ แนะนำให้ทำโจทย์บ่อย ๆ จับเวลาด้วย เวลาสอบจริงจะทำได้ทันทีไม่เสียเวลาคิดหาวิธี เพราะมีความเคยชิน เรียกได้ว่ามองโจทย์แล้วตอบได้เลย แนวข้อสอบเหมือนกันเกือบทุกปี แต่ความเยอะน้อยไม่เท่ากัน อาจมีโจทย์ใหม่เพิ่มมาข้อสองข้อ เน้นความชำนาญพลิกแพลงเก่ง สุดท้ายนี้ขอให้น้องโชคดีกับการสอบนะ สู้ ๆ จากพี่หมอที่ part เชาว์เกือบท็อป อิอิภาพปกโดย Chuk Yong จาก Pixabay