มีโอกาสได้มาเป็นส่วนหนึ่งของการทำสะพานข้ามแม่น้ำโรคี่ หมู่บ้านเกาะสะเดิ่ง ตำบลไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ที่อยู่ในป่า เดิมทุกๆ ปีพอเข้าสู่ฤดูฝนชาวบ้านก็เตรียมทำสะพานไม้ไผ่เพื่อใช้สัญจรยามน้ำหลาก แต่ก็ต้องทำการแก้ไขเสมอๆ ชาวบ้านชาวเกาะสะเดิ่งเห็นความสำคัญบวกกับมีผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันสร้างสะพานนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นประโยชน์ส่วนรวม เป็นเวลาถึง 6 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จสักที ชาวบ้านเลยต้องใช้สะพานไม้ไผ่สำรองเพื่อเข้า-ออกจากหมู่บ้านเชื่อมต่อไปยังหมู่บ้านอื่นๆ ใกล้เคียงกันในตำบลไล่โว่และสามารถไปสู่ตัวอำเภอเพื่อติดต่อราชการและตลาดสังขละบุรี แต่สะพานสร้างได้เพียงแค่เสาฐานหลักทั้ง 2 ฝั่ง ก็ต้องหยุดชะงักไป ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องงบประมาณ น้ำป่าหลาก และสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ทำให้ไม่สามารถสร้างต่อเนื่องได้ ด้วยบริบทพื้นที่เป็นป่า การจะซื้ออุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการก่อสร้าง ต้องเดินทางไปซื้อถึงตัวอำเภอ หากนับระยะทางจากสะพานไปตัวอำเภอสังขละบุรีไม่ถึง 30 กิโลเมตรแต่ต้องใช้เวลาออกจากเส้นทางป่าด้วยรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้เวลาชั่วโมงกว่าถึงจะออกสู่ถนนใหญ่ได้ ดังนั้นการดำเนินการเพียงแค่กำลังคนในพื้นที่ก็ไม่เพียงพอ จึงต้องหาช่างที่มีฝีมือจากนอกชุมชนมาเป็นแม่งานให้ ปีนี้เลยได้ช่างมาไกลจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยามาคอยกำกับและลงมือทำ (ขออนุญาตเรียกว่า "ช่างใหญ่") โดยมีลูกมือจากชาวบ้านเกาะสะเดิ่งมาเป็นกำลังหลัก ส่วนใครมีมีจิตศรัทธาอยากมาร่วมก็สามารถมาช่วยเหลือ สนับสนุนทุนทรัพย์ กำลังพล แรงกาย แรงใจ ส่งเสบียงมาร่วมได้ตลอดเวลาในช่วงที่ทำสะพาน ผู้เขียนมีโอกาสได้ไปช่วยเป็นวันแรก แปลกใจที่เจอช่างใหญ่ที่ไม่เหมือนช่างทั่วไป มาคนเดียว พร้อมที่จะเปิดใจให้ทุกคนมาเป็นลูกทีมของตนเอง ขอแค่อยู่ในบริเวณนั้นก็พอ ช่างใหญ่กล้าที่จะให้เราลงมือทำ โดยมีหลักคิดที่ว่า "พวกคุณคือคนในพื้นที่ ต้องเกิดความรู้เพื่อที่จะได้ใช้ทำในครั้งต่อไป" สงสัยอะไรช่างใหญ่เสียเวลาตอบให้ทุกคำถาม บางอย่างปรับเปลี่ยนได้ก็ปรับเอา เช่น เทคนิคการปิดหัวน็อตด้วยการใช้ผ้าเทปดำกันสนิม ก็ให้ใช้สายยางตัดไปเสียบแล้วลนไฟแทนก็สามารถป้องกันทั้งฝนและดึงออกเพื่อแก้ไขน็อตภายหลังได้ ใช้หลักคิดที่ว่า "ไม่ได้มาแก้ไขแบบเดิม แต่มาเสริมแบบเก่าให้ดีกว่าเดิม" ช่างใหญ่มีเทคนิคอะไรก็ถ่ายทอดออกมาหมดไม่มีกั๊กไว้ ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ต่างจากช่างทั่วไป ที่ไม่เคยรู้จักก็จะไม่ปล่อยให้ทำอะไรเอง ไม่บอกเทคนิคอะไรมาก แต่ช่างใหญ่คนนี้มีความเชื่อมั่นในลูกทีมทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ประชุมวางแผนกันมาก่อนด้วยซ้ำ ถือว่าเป็นอีกบุคคลที่น่าจะเป็นนายช่างที่ใครๆ ก็อยากร่วมงาน ไม่ได้ถือตัว เป็นช่างใหญ่ที่มีความรู้ มีประสบการณ์มานาน บางคนต้องออกปากสั่งเท่านั้นคนอื่นถึงจะกล้าได้ แต่ไม่ใช่กับช่างใหญ่คนนี้เลย มีการเชื่อมั่นในการมีส่วนร่วมของคนอื่น ถือเป็นการให้เกียรติผู้ร่วมงานเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันผู้ที่เป็นมือสมัครเล่นหรือลูกทีมเขาก็ต้องรู้จักที่จะสอบถามก่อนทำอะไรที่ไม่มั่นใจเสียก่อนด้วยเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในภายหลัง แนวทางการทำงานของช่างใหญ่คนนี้ อยากให้เจ้าของพื้นที่เป็นงาน สามารถที่จะลงมือทำอะไรได้ด้วยตนเอง มากกว่าที่จะมาให้สร้างให้เสร็จๆ แล้วก็กลับไปถึงแม้ว่าการพบกันระหว่างผู้เขียนกับช่างใหญ่จะเป็นครั้งแรก ยังไม่รู้จักกันแม้แต่ชื่อก็ตาม มาถามด้วยว่าเรียนจบอะไรมา ผู้เขียนก็บอกว่าจบทางศาสนามา (ศาสนศึกษา) ซึ่งไม่ตรงกับงานช่างอะไรเลย แต่ก็ยังสนับสนุนให้มีความรู้ ทำให้เกิดประโยชน์กับชุมชนในอนาคตได้ ส่วนตัวให้ความนับถือกับวิธีการทำงานของช่างใหญ่คนนี้จริงๆ ก็หวังว่าสะพานบุญแห่งนี้จะสำเร็จได้ด้วยความตั้งใจของช่างใหญ่คนนี้ และชาวบ้านได้ใช้ทันในช่วงฤดูฝน ถือว่า "ช่างใหญ่" ได้ทั้งค่าตอบแทนจากการทำงานและได้บุญจากการช่วยให้ชาวบ้านได้สัญจรอย่างสะดวกขึ้นต่อไป นี่อาจจะเป็นอีกแนวทางของคำว่าเป็น "สะพานบุญ" อย่างแท้จริงได้ด้วยเช่นกัน ทุกภาพประกอบ โดยผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !