หากจะพูดถึงผู้จัดการทีมที่ ประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบัน และเป็นผู้จัดการทีมที่ปลุกเร้านักเตะในสนามและแฟนบอลเพื่อให้อินไปกับบรรยากาศ และเกมที่เข้มข้น เขาก็คือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ขอบคุณภาพจากเพจ แฟนลิเวอร์พูล เจอร์เก้น คล็อปป์ เกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ปี 1967 ที่เมืองสตุ๊ดการ์ท ในประเทศเยอรมัน และคล็อปป์เคยเล่นให้กับสโมสรไมนซ์ 05 ในปี 1990-2001 และเป็นสโมสรเดียวที่เขาเล่น ก่อนจะแขวนสตั๊ดในวัย 34 ปีและมีสถิติยิงประตู 52 ลูก และคล็อปป์ก็ผันตัวเองมาคุมสโมสร ไมนซ์ 05 ก่อนจะพาสโมสรไมนซ์ 05 เลื่อนชั้น โดยใช้เวลาคุมทีมเพียง 3 ฤดูกาล และสิ้นสุดการรอคอยถึง 41 ปี ของไมนซ์ 05 ที่รอการเลื่อนชั้นได้สำเร็จเมื่อคล็อปป์เข้ามาคุม ในปี 2008 โบรุสเซีย ดอร์ทมุน ได้ตัดสินใจเลือกเจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามาคุมทีม และมาแก้วิกฤตของทีมที่กำลังตกต่ำในฤดูกาลนั้น และในฤดูกาล 2010 - 2011 ทำแต้มได้ 81 คะแนนและเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับสโมสร และ 2011 - 2012 เขาก็ได้พา โบรุสเซีย ดอร์ทมุน คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของ เยอรมัน ได้ 2 สมัยติดต่อกัน และพาโบรุสเซีย ดอร์ทมุน เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิคในฟุตบอลถ้วย เดเอฟเบ ซูเปอร์คัพได้อีกด้วย ขอบคุณภาพจากเพจ แฟนลิเวอร์พูล ความท้าทายครั้งใหม่ก็เริ่มขึ้น เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้ตัดสินใจย้ายไปคุมทีมลิเวอร์พูล ในปี 2015 และผลงานช่วงแรกที่เขาเข้ามาดูเหมือนจะยังไม่ค่อยดีเท่าไร แต่เขาก็ค่อย ๆ สร้างทีมมาเรื่อย ๆ และมีนักเตะ ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในยุคที่ คล็อปป์ เข้ามาคุมทีมไม่ว่าจะเป็น "อลิซอน เบคเกอร์" ผู้รักษาประตูที่เหนียวหนึบ ปฏิเสธลูกสำคัญที่จะเสียประตูได้ดี กองหลังคือ "เวอร์จิล ฟานไดล์" กองหลังร่างยักษ์ เปรียบเสมือนกำแพงเหล็กที่คู่ต่อสู้ผ่านยาก เเบ็คซ้ายก็มี "แอนดรูว์ โรเบิร์ตสันต์" ที่วิ่งอย่างบ้าคลั่งไม่มีหมด ทั้งรุกและรับจัดการได้หมด แบ็คคือ "เทรนด์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์" ที่เปิดบอลอย่างแม่นยำ ช่วยเติมไปช่วยเกมรุกได้ดีและลงมาช่วยเกมรับได้เยี่ยมอีกด้วย กองกลางมี "จอร์แดน เฮนเดอร์สัน" "ไวน์นาดุม, ลัลลานา" ที่ช่วยกันสอดประสานทำให้กลางที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ขอบคุณภาพจากเพจ แฟนลิเวอร์พูล ส่วนแนวเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากเพราะช่วยกันทำประตู และ ไม่มีใครเอาอยู่ในยุคปัจจุบันคือ "โมฮาเหม็ด ซาลาห์", "โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่", "ซาดิโอ มาเน่" 3 ประสาน แนวรุกที่ช่วยกันผลิตสกอร์เป็นว่าเล่น เป็นปัจจัยสำคัญที่พาลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2018 - 2019 ด้วยการเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ด้วยสกอร์ 2-0 และก่อนหน้านั้นได้สร้างปาฎิหาริย์ที่แอนฟิลด์ ด้วยการเอาชนะ บาร์เซโลน่าไป 4-0 โดยนัดแรกไปแพ้บาร์เซโลน่าที่คัมป์นูก่อนถึง 3-0 เรียกได้ว่าสะใจสาวก เดอะค็อป เป็นอย่างมาก และล่าสุด ได้คว้าแชมป์ฟุตบอล สโมสรโลก ด้วยการเอาชนะ ฟลาเมงโก้ทีมแชมป์ฟุตบอลถ้วยสโมสรเมริกา ใต้ ด้วยสกอร์ 1-0 คว้าแชมป์สโมสรโลกไปแบบยิ่งใหญ่ และตอนนี้เป็นจ่าฝูงในฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อยู่ในปัจจุบัน และทิ้งห่างอันดับ 2 อยู่หลายช่วงตัว และว่ากันว่าถ้า ลิเวอร์พูล ไม่สดุดขวาตัวเองล้ม ไม่มีอะไรผิดพลาดที่จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก หลังจากที่รอมานาน ขอบคุณภาพจากเพจ แฟนลิเวอร์พูล ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมในปัจจุบัน ต้องยกเครดิตให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอดกุนซือชาวเยอรมัน ทั้งการปลุกเร้านักเตะ คอยกระตุ้นนักเตะอยู่ข้างสนาม และทำให้นักเตะวิ่งไม่มีหมด และวิ่งอย่างบ้าคลั่ง ด้วยสไตล์ฟุตบอลแบบ เฮวี่ เมทัล ที่มีเกมรุกที่ดุดัน ไล่เพลสตั้งแต่แดนคู่ต่อสู้ เกมรับที่แข็งแกร่ง เสียประตูยาก เกมรุกที่ยิงได้เยอะ ต้องบอกว่า ลิเวอร์พูลในยุคปัจจุบัน แข็งแกร่งมาก ยากต่อการต่อกรของคู่แข่ง และทำให้แฟนบอลมีความสุขและชื่นใจกับผลงานของทีมรักที่ดีวันดีคืน ภาพหน้าปกจากเพจ แฟนลิเวอร์พูล ได้รับอนุญาตจากเพจแล้ว