การต่อต้านโลกาภิวัตน์ (Anti-Globalization) เป็นแนวคิดทางการเมืองอย่างหนึ่งที่มีทัศนคติด้านลบต่อกระแสโลกาภิวัตน์ เป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมระดับโลก ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก เป็นผลกระทำที่ทำให้เห็นว่าเกิดการกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกัน เกิดการเอารัดเอาเปรียบกันระว่างผู้ที่มีทุนมากกว่ากับผู้ที่มีทุนน้อยกว่า การต่อต้านโลกาภิวัติน์นั้นเป็นความพยายามของกลุ่มคนในระดับรากหญ้าที่มีความแตกต่างหลากหลายเป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเรียกร้องต่อการเสียเปรียบภายใต้ระบบเสรีนิยม ที่ก่อให้เกิดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำสูงระหว่างจนกับคนที่มีทุนสูง เช่น การเรียกร้องเพื่อสิทธิของแรงงาน การเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแล้วล้อม การเรียกร้องด้านความปลอดภัยทางด้านโภชนาการ และการต่อต้านเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมพืชเป็นต้น ถึงแม้ว่ากลุ่มต่อต้านโลกาภิวัตน์นั้นจะมีอุดมการณ์ที่หลากหลาย แต่ก็มีจุดมุ่งหมายและค่านิยมร่วมกันอยู่ 4 ประการคือ 1. ความยุติธรรม เป็นเป้าหมายที่สำคัญ ซึ่งความยุติธรรมนั้นจะต้องประกอบไปด้วย เสรีภาพ, ความเสมอภาค และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หากทำให้เกิดทั้ง 3 ข้อนี้ขึ้นในสังคมได้ ความยุติก็จะเกิดขึ้น 2. ความมีประสิทธิภาพ การสร้างระบบเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ โดยสามารถกระจายและจัดสรรทรัพยากรและผลผลิตได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันในสังคม 3. ความเป็นประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่กลุ่มต่อต้านโลกาภิวัตน์ต้องการเป็นอย่างมาก เพื่อต้องการให้เกิดการกระจายอำนาจการปกครอง การตัดสินใจ ให้สามารถปกครองตนเอง เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มสังคมตนเองได้อย่างครบถ้วนที่สุด และในขณะเดียวกันก็ต้องการให้การเมืองการปกครองระดับชาติมีความเป็นประชาธิปไตย โดยคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก มีการบริหารจัดการที่โปรงใสสามารถตรวจสอบได้ 4. ความยั่งยืน เป็นการยึดหลักการใช้ทรัพย์การในระดับที่สามารถควบคุมได้ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ต้องไม่กระทบสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะจนยากแก่การควบคุมได้ ในปัจจุบันมีสิ่งที่เห็นชัดของการขับเคลื่อนของ Anti-Globalization ก็คือ นโยบาย America First ของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นการแสดงออกถึงท่าทีชาตินิยมได้ชัดเจน นั่นก็เท่ากับว่าได้มีท่าทีจะวางมือจากความเป็นประชาธิปไตยในประเทศอื่นที่เป็นเป้าหมายสูงสุดของรัฐบาลก่อน ๆ การออกกฏหมายต่าง ๆ เพื่อลดดุลการค้ากับนานาประเทศของสหรัฐ ทำให้มีผู้ออกมาโต้แย้งจำนวนมาก เพราะนั่นอาจทำให้สหรัฐอเมริกามีความเสี่ยงต่อการถูกคว่ำบาตรได้ แต่การทำเช่นนี้ก็เป็นการคำนึงถึงปัญหาของปากท้องของประชาชนมาก่อนอันดับแรก ณ ตอนนี้สหรัฐอเมริกาเล็งเห็นว่าการรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะในตอนนี้สหรัฐอเมริกาได้ตระหนักดีว่าประเทศกำลังตกอยู่ในวิกฤตอย่างถึงขีดสุด ทั้งภาวะเศษรฐกิจตกต่ำอย่างรุงแรง และโดนซ้ำกับปัญหาราคาน้ำมันดิ่งลงเหว อีกทั้งคู่แข่งทางด้านมหาอำนาจอย่างรัฐเซียกับจีนก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้สหรัฐอเมริการมีทางเลือกไม่มากนักกับปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ อีกทั้งประแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของประเทศอังกฤษที่ได้มีการถอนตัวจากสมาชิก EU เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็มีหลายปัญหาที่ทำให้อังกฤษต้องตัดสินใจเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นความ - ความต้องการรักษาเสรีภาพและอธิปไตยของอังกฤษจากสหภาพ EU เพราะปัญหาเรื่องการอพยพไปมาในกลุ่ม EU ทำให้อังกฤษรู้สึกเบื่อหน่าย และยังต้องเผชิญกับปัญหาการว่างงาน ที่ผู้อพยพเข้ามาแย่งงานคนอังกฤษ และยังได้รับสวัสดิการเหมือนคนอังกฤษอีกด้วย อีกทั้งยังมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวมากับผู้อพยพจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้อังกฤษไม่อยากเสี่ยงอีกต่อไป - อังกฤษไม่ต้องการอุ้มชูประเทศที่เศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งทำให้อังกฤษต้องเสียงบประมาณจำนวนมากให้แก่ EU เป็นผลให้คนอังกฤษไม่พอใจเพราะเห็นว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ - อังกฤษต้องการเสรีภาพในการตกลงการค้ากับประเทศอื่น ๆ เพราะข้อตกลงของสมาชิก EU ไม่สามารถทำการตกลงการค้ากับประเทศอื่น ๆ ได้อย่างเสรี ส่งผลให้แผนพัฒนาเศรษฐกิจทำได้อย่างยากลำบาก การออกจากการเป็นสมาชิก EU จะทำให้อังกฤษมีโอกาสทางการค้ามากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดีการกระทำของอังกฤษในครั้งนี้ก็มีประชาชนของประเทศอังกฤษที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่อังกฤษก็ยืนยันว่าเป็นการทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และรักษาความเป็นสิทธิเสรีภาพภายในราชอาณาจักรไว้ ถึงแม้ว่าจะต้องเจอปัญหาอีกมากมายที่ทำให้ต้องเสียเปรียบทางด้านภาษีต่อสหภาพยุโรปก็ตาม ในทัศนะของผู้เขียนแล้วมองว่าการเคลื่อนไหวของ Anti-Globalization หลัง Covid-19 อาจมีผลดีในระยะสั้นเพราะเป็นช่วงเวลาที่ดีในการปฏิรูปสังคมให้เกิดความเท่าเทียม เป็นสร้างพื้นฐานที่ดีให้คนทุกชนชั้นไม่ว่าจะมีทุนมากทุนน้อยหรือไม่มีเลย ได้มีโอกาสเข้าถึงผลประโยชน์เท่าเทียมกันหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข ด้านการลงทุนและการอาชีพเป็นต้น ซึ่งก็จะทำให้ประชนมีศักยภาพที่เท่าเทียมกันมากขึ้นด้วย แต่สำหรับในระยะยาวแล้วอาจมีความเสี่ยงด้านความมั่นคง และความสามารถทางการแข่งขันด้านเศรษฐกิจ เพราะอย่างไรก็ดีหลังจากที่ผ่านช่วงวิกฤต Covid-19 ไปได้แล้ว ประเทศจำเป็นต้องเร่งฟื้นฟูอีกทั้งยังมีหนี้สินจากงบประมาณที่ใช้เยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนจำนวนมาก การขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยกลุ่มนายทุนจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะคนเหล่านั้นมีขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีเศรษฐกิจที่สูง ซึ่งนั่นก็จะเป็นผลกระโยชน์ต่อส่วนรวมด้วย เพียงแต่จะต้องมีการกำหนดนโยบายที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ ให้ผลประโยชน์กระจายถึงกลุ่มคนทุกชนชั้นให้ได้มากที่สุด ซึ่งผู้เขียนเองก็เชื่อว่ากลุ่ม Anti-Globalization เองก็เข้าใจในประเด็นนี้ดีเช่นกัน ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ได้ผ่านพ้นไป จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็น ข้อมูลอ้างอิง : ห่วงกระแส anti-globalization ตัวใครตัวมัน หลังจบโควิด Anti-Globalization Movementsขบวนการเคลื่อนไหวต่อต้านโลกาภิวัตน์ สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปแล้ว America First บ่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจจีน-สหรัฐฯ ภาพประกอบที่ 1 : ภาพโดย Gerd Altmann จาก Pixabay >>> link ภาพ ภาพประกอบที่ 2 : ภาพโดย Gerd Altmann จาก Pixabay >>> link ภาพ ภาพประกอบที่ 3 : ภาพโดย Bruce Emmerling จาก Pixabay >>> link ภาพ ภาพประกอบที่ 4 : ภาพโดย My pictures are CC0. When doing composings: จาก Pixabay >>> link ภาพ ภาพหน้าปก : ภาพโดย Gerd Altmann จาก Pixabay >>> link ภาพ