หลังจากที่เมื่อวานได้เที่ยวอิสตันบูลไปบ้างแล้ว วันนี้ก็ได้เวลาเดินทางไปเมืองอื่นบ้าง.... วันที่สองของการเดินทาง ผมตื่นมาตั้งแต่ตี 4:45 น. เพราะว่าจะต้องเก็บกระเป๋าไปสนามบิน เพื่อที่จะบินไปอีกเมืองหนึ่งที่ชื่อว่า อิสเมียร์ (Izmir) ที่ตื่นมาเช้าขนาดนี้เพราะกรุ๊ปผมต้องออกจากโรงแรมตอน 6:45 น. เลยคิดว่า “เออ ตื่นมาจัดกระเป๋าก่อนดีกว่า จะได้ไม่ต้องรีบ” พอทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็จะลงไปกินข้าวเช้า ปรากฏว่า ผมมาก่อนพนักงานโรงแรม/เชฟที่ห้องอาหาร (เดี๋ยวนะ เรามาเป็นคนเปิดห้องอาหารเหรอ 55555) สักพักก็มีคนมาเปิดห้องอาหาร ผมก็เข้าไปทานตามปกติ ไม่มีอะไรมาก หลังจากทุกคนในกลุ่มทานเสร็จแล้ว ก็ไปขึ้นรถบัสที่มารอเราอยู่หน้าโรงแรม รถออกตามเวลาที่กำหนดไว้ พอขับไปสักพักนึง คนขับเขานึกได้ว่าเขาเลี้ยวผิด (บนทางด่วนมีเลนให้ตรงกับเลี้ยวขวา แล้วคนขับดันขับตรงไป) เพราะเขานึกว่าจะไปสนามบินอตาเติร์ก (ที่ตอนนี้กลายเป็นสนามบินคาร์โก้แล้ว) คนขับก็เลยเบรครถทันที เข้าเกียร์ R แล้วก็ถอยบนทางด่วนนั้นเลย เสร็จแล้วก็เลี้ยวขวาไปสนามบินใหม่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมก็นั่งคิดในใจแหละว่า “เขาก็หน้าด้านใช้ได้นะเนี่ย....” ขับไปอีกสักไม่ถึง 10 นาที ก็เจอรถติดบนทางด่วน แล้วไม่ใช่ติดธรรมดา ติดแบบสาหัสมาก สาหัสจนไกด์ชาวตุรกีของเรายังสงสัยว่าติดอะไรกัน สักพักผมตื่นมา ไกด์ก็กำลังบอกทุกคนในรถว่าเขาปิดถนนกัน แต่เขาไม่บอกสาเหตุว่าทำไมปิดถนน พอใกล้ถึงสนามบินแล้ว ไกด์ก็บอกเราว่าเดี๋ยวเขาจะรีบเข้าไปเช็คอินไฟลท์ให้ เราเอากระเป๋าลงมาแล้วค่อยวิ่งเข้าไป เพราะตอนนั้น 8:40 น. แล้วเครื่องออก 9:00 น. สุดท้ายพอเข้าไปแล้วเป็นไง? เช็คอินปิดค้าบบบ ตกเครื่องไปสิ 5555 สักพัก พอไกด์เราคุยกับพนักงานแล้ว ก็จองไฟลท์ต่อไปให้เรียบร้อย ซึ่งออกจากอิสตันบูล 10:00 น. ทุกอย่างก็ราบรื่น ไม่มี accident อะไรเกิดขึ้นอีก พอไปถึงที่อิสเมียร์แล้ว ก็นั่งรถบัสที่ทัวร์จัดไว้ให้ แล้วนั่งรถไปเมืองเก่าเอเฟซุส ซึ่งอารมณ์ประมาณเหมือนอยุธยาบ้านเรา ที่มีซากปรักหักพังให้เราเดินชม (และเดินสะดุด) ตอนที่ผมไปถึง มีคนขายอยู่ที่ร้านขายของบอกว่าให้ซื้อร่ม เพราะฝนจะตก ผมก็คิดในใจว่า “เขาคงแค่อยากขายแหละ ฟ้าก็ใส ไม่มีอะไรนิ” สักพักเท่านั้นแหละ ฝนตกครับ -_- แล้วคือมีกล้อง compact ที่ใช้ถ่ายวิดิโออยู่ด้วย โชคดีมากที่กล้องไม่พัง *สำหรับทริปที่ผมไป ผมไปกับทัวร์ เลยไม่ต้องจ่ายค่าเข้าทัวร์เมืองเก่าเอเฟซุส แต่ถ้าไปเอง ค่าเข้าจะอยู่ที่ 12 ยูโร หรือ 72 ลิร่า (ประมาณ 375 บาท) ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ ephesustravelguide.com (http://www.ephesustravelguide.com/denizhans-blog/ephesus-entry-tickets) พอฝนหยุด ฟ้าเริ่มเปิดอีกครั้ง ก็เดินเล่นตามทางที่เขาทำไว้ ระหว่างทางก็จะมีรอยแกะสลักสมัยก่อนให้เราถ่ายรูป มีรูปปั้นต่างๆ มีซากปรักหักพัง มีอาหารแมว... “เดี๋ยวนะ อาหารแมว?” ผมเดินไปคิดไป สักพักถึงได้รู้ว่าที่นี่มีแมวอาศัยอยู่ แล้วไม่ใช่ 2-3 ตัวนะ อันนี้อย่างน้อย 10 ตัวขึ้นไป แล้วความที่ผมเป็นทาสแมวด้วย ก็อดไม่ได้ที่จะเล่นกับมัน แต่ละตัวก็ไม่กลัวคนด้วยนะ ยอมให้เราเกาคาง เล่นขน (อยากเอากลับมาสักตัวมาก 5555) เดินไปสุดทางอีกฝั่ง ผมก็นั่งรถไปทานข้าวกลางวัน (ไม่ได้ถ่ายรูปมา TT) แล้วก็ตีรถยาวไปปามุคคาเล่เลย เป็นที่ประมาณว่าให้แช่น้ำพุร้อน คล้ายๆดอยสะเก็ด แต่ว่าใหญ่กว่ามาก (เดี๋ยวอธิบายเพิ่มในบทความต่อไป) เข้าไปในโรงแรมแล้วก็เก็บกระเป๋า เดินออกมาแถวหน้าโรงแรมเพื่อที่จะไปตลาดใกล้ๆ ซื้อพวงกุญแจมา 2-3 อัน (ถ้าต่อราคาได้ ต่อไปเลย ที่นี่เขายอม) กับไอศกรีมมา 1 ลูก (หนาวขนาดนั้นยังจะกินเข้าไปอีก 5555) หลังจากนั้นก็กลับมาโรงแรม เปลี่ยนใส่ชุดว่ายน้ำ แล้วออกไปแช่บ่อน้ำพุร้อนในร่มของโรงแรม (หรือใครอยากจะแช่ข้างนอกก็ได้) ก่อนที่จะไปนอน Side note: วันนั้นหลังจากอาบน้ำแล้ว ก็กดทีวีดูไปเรื่อยๆ แล้วไปเจอข่าว Norte Dame Paris ไฟไหม้ ผมก็ตกใจ แล้วโทรไปหาแม่ผมทันที (ที่ตอนนั้นอยู่นิวซีแลนด์) แล้วเล่าข่าวให้ฟัง แม่ก็บอกว่าเห็นข่าวแล้ว ตื่นมาดูนึกว่าข่าวปลอม ตกใจเหมือนกัน