ความโควิด-19 ไม่ทันหาย ความ(ข่าว)ไข้เลือดออกระบาดเข้ามาแทรก ปัจจุบันแค่การดูแลรักษาสุขภาพด้วยอาหารดี ออกกำลังกายให้แข็งแรงไม่พอแล้วค่ะ ต้องระแวดระวังหาทางป้องกันให้ปลอดภัยจากโรคทั้งเก่า-ใหม่ เพราะเรื่องโรคภัยไข้เจ็บไว้ใจไม่ได้เลยนะคะ นึกจะมาเยือนเมื่อไรก็มาเฉยเลย "โรคไข้เลือดออก" ก็เช่นกัน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เข้าฤดูฝน แต่กลับระบาดมาอีกแบบนี้ - จากข้อมูลข่าวที่ว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงเดือนเมษายน 2563 มีผู้ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกตัวเลขเกือบหมื่น และมีผู้ป่วยที่เสียชีวิตไปแล้ว 4 ราย และคาดการณ์ว่าจะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และจะมีอาการรุนแรง ถึงขั้นเสียชีวิตสูงขึ้นตามอีกด้วย ใครเจอข่าวนี้เข้าก็ต้องตกใจไม่แพ้โควิด-19 เลยละค่ะ แค่เจ้ายุงลายตัวเล็กๆ กลายเป็นโรคร้ายทำให้เสียชีวิตได้อย่างคาดไม่ถึง แต่สำหรับผู้เขียนแล้วคาดถึงแน่นอนค่ะ เพราะเป็นคนหนึ่งที่เคยผ่านประสบการณ์นี้มา ถึงเรียกได้ว่า..เฉียดตายกับโรคไข้เลือดออก! ที่มาของโรคไข้เลือดออก ฝนมา ยุงมาก ปัญหานี้เกิดขึ้นทุกปี ทุกแห่งทุกที่ที่มีน้ำขังจะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงชั้นดี ซึ่งผู้เขียนเองไม่รู้แน่ชัดว่าได้รับเชื้อไข้เลือดออกจากยุงที่ไหน เพราะระยะเพาะเชื้อประมาณ 5-8 วัน เป็นช่วงที่ขึ้นเหนือไปเที่ยวปีใหม่พอดี แต่ความเป็นไปได้ว่าน่าจะที่บ้านนี่แหละ เพราะช่วงเย็นๆ ชอบไปวิ่งออกกำลังกายที่ริมคลอง หลังหยุดปีใหม่ก็เริ่มวิ่งวันที่ 6-16 ม.ค.62 พอวันที่ 17 ม.ค.รู้สึกอ่อนเพลียก็คิดว่าเป็นเพราะวิ่งหนักเกินไปทำให้เป็นแบบนี้ อาการแรกเริ่มก็เหมือนป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดา ใครจะรู้ว่านั่นคือ..สัญญาณของไข้เลือดออก ไทม์ไลน์ของอาการ 17 ม.ค. 62 เช้าวันแรกอาการก็เหมือนเป็นป่วยเป็นไข้หวัด รู้สึกปวดหัว ตัวร้อนๆ ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย ทานยาลดไข้อยู่ 2 วันก็ไม่ดีขึ้น 19 ม.ค. 62 เห็นแก่ความสะดวกเลยเลือกที่จะไปหาหมอที่คลีนิก หมอวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัด ได้ยาลดไข้มาพร้อมกับฉีดยา 1 เข็ม แต่ก็ไม่หาย - ประเด็นคือ ผู้เขียนมีประจำเดือนร่วมด้วย ซึ่งถือว่ามาเร็วกว่าปกติไม่กี่วัน แต่ก็ไม่รู้สึกว่าผิดปกติอะไร กลับคิดว่าที่ไม่สบายอาจเป็นเพราะเป็นไข้ทับระดู(ป่วยขณะที่มีประจำเดือน) คงไม่เป็นอะไรมาก แต่นั่นคือสัญญาณอันตราย เฉียดความตายที่ว่าก็เพราะเลือดที่ออกจากร่างกายทางประจำเดือนนี่แหละค่ะ 21 ม.ค. 62 ล้มทั้งยืนเลยค่ะ ตอนนอนก็เหมือนป่วยปกติ มารู้ว่าอาการเริ่มหนักเพราะพอลุกยืนกลับเป็นลมหน้ามืด ต้องไปโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที หมอขอเจาะเลือดตรวจพบว่าเป็นไข้เลือดออกและผลออกมาว่าเกล็ดเลือดต่ำ อันตรายมากต้องรับการรักษาโดยด่วน จะรักษาที่รพ.เอกชนนี้ได้ แต่ค่าใช้จ่ายน่าจะร่วมแสน! ใช่ค่ะแสนแพงขนาดนั้น ผู้เขียนเลยขอให้ส่งตัวไปโรงพยาบาลของรัฐที่ผู้ป่วยมีสิทธิ์ประกันสังคมอยู่ เลยเป็นประสบการณ์แรกที่ขึ้นรถ Ambulance ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนในเรื่อง การไปหาหมอเลยค่ะว่าป่วยไข้ มีอาการผิดปกติต้องรีบไปหาหมอที่โรงพยาบาล อย่าลังเล ชักช้า อย่าคิดไปเองค่ะ เป็นบทเรียนครั้งสำคัญ หากป่วยไข้ หรือมีอาการผิดปกติ ต้องรีบไปหาหมอที่โรงพยาบาลทันที ระหว่างเข้ารับการดูแลรักษาในโรงพยาบาล 21-23 ม.ค. 62 ระหว่างที่อยู่โรงพยาบาล อย่างที่รู้คือไม่มียารักษาโรคไข้เลือดออกโดยตรง เป็นเพียงการรักษาและประคับประคองตามอาการเท่านั้น ช่วง 2-3 วันแรก อาการที่เป็นก็จะมีความดันต่ำ ปวดหัวเล็กน้อย เพลียบ้าง มียาแก้ปวด ยาลดไข้ พยายามดื่มน้ำให้มากที่สุดทั้งน้ำเปล่าและน้ำเกลือแร่ ระหว่างนอนให้น้ำเกลือนั้น ห้ามลุกออกจากเตียงจะขับถ่ายอย่างไรก็ต้องบนเตียงเท่านั้น อย่าให้เกิดบาดแผลหรือเหตุที่จะทำให้เลือดออกเด็ดขาด เช่น ห้ามแปรงฟัน ห้ามแคะ แกะ เกาแรงๆ ที่สำคัญต้องทานยาหยุดประจำเดือนทันที 24 ม.ค. 62 ที่เห็นชัดๆ ในวันนี้คือ ตามเนื้อตามตัวมีจุดลายแดงๆ จากเคยเข้าใจผิดมาตลอดว่าคนเราจะเป็นไข้เลือดออกไหมนั้นต้องใช้วิธีการรัดที่ต้นแขน ถ้ามีจุดแดงๆ แสดงว่าเป็นโรคไข้เลือดออก แต่ที่เราเจอคือ ป่วยมาหลายวันแล้วแต่เพิ่งมีจุดแดงๆ เกิดขึ้นเต็มตัว แดงและเยอะมากจนน่าตกใจ เจอภาวะเกล็ดเลือดต่ำ(Thrombocytopenia)เกือบทำให้เสียชีวิต และที่น่าตกใจกว่าคือ เจาะเลือดแล้วพบว่าเกล็ดเลือดต่ำถึงขั้นวิกฤต จากข้อมูลคือเลือดที่มีปริมาณเกล็ดเลือดปกติคือ 150,000 -450,000 เกล็ดต่อไมโครลิต แต่เรามีแค่ 16,000 เท่านั้น หมอและพยาบาลวิ่งเข้าออกกันให้วุ่น หากเกล็ดเลือดต่ำกว่าเกณฑ์แบบนี้โอกาสเสียชีวิตสูงมาก อ้าว! เราอาการหนักขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย เริ่มตื่นตะหนกและหวาดกลัวมากขึ้น ฉะนั้นต้องดื่มน้ำให้มากๆ ทั้งน้ำเปล่า น้ำเกลือแร่ ห้ามลุกจากเตียง ห้ามให้เลือดออก ต้องหายไข้ให้เร็วที่สุด เกล็ดเลือดจะได้เพิ่มขึ้น 26 ม.ค. 62 จำนวนเกล็ดเลือดขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเกณฑ์ปกติ เป็นความโชคดีที่ผู้เขียนได้รับการดูแลรักษาอย่างดีจากทีมหมอและพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญ และเคยมีประสบการณ์รักษาโรคไข้เลือดออกมาก่อน รวมทั้งเราปฏิบัติตามที่หมอสั่ง ได้คนดูแลและครอบครัวที่เอาใจใส่อย่างดี ทำให้ผลการรักษาดีขึ้นๆ 27 ม.ค.62 หมอให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ และมีนัดเจาะเลือดอีกครั้งวันที่ 13 ก.พ.62 ซึ่งผลก็คือ เกล็ดเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติแล้ว อาการป่วยไข้ไม่มี หายจากโรคไข้เลือดออกจริงๆ แล้วค่ะหวังพึ่งวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกเพื่อความอุ่นใจหากเป็นอีก หนักจะได้เป็นเบา ฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ไข้เลือดออกเป็นแล้วเป็นอีกได้ และถ้าเป็นอีกอาการอาจรุนแรงกว่าเดิม อันนี้น่ากลัวอีกแล้วค่ะ ก็เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก มีค่ะ แต่จะมีบางโรงพยาบาลเท่านั้น ฉีดทั้งหมด 3 เข็มๆ ละประมาณ 3,500- 5,000 บาท ราคาอาจแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย - วัคซีนไข้เลือดออกไม่สามารถป้องกันได้ 100% เป็นเพียงการลดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตเท่านั้น และต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็ม โดยระยะห่าง 6 เดือน คนที่สามารถรับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกนี้ได้ต้องมีอายุ 9-45 ปี ที่สำคัญต้องเคยมีประวัติเป็นโรคไข้เลือดออกมาก่อน ใช่ค่ะ ผู้เขียนอยู่ในเกณฑ์ที่รับวัคซีนได้ เพื่อความสบายใจของครอบครัวและตัวเราเอง เลยขอฉีดป้องกันไว้ก่อนดีกว่า เริ่มฉีดเข็มแรกเมื่อ 9 มี.ค.62 และตอนนี้ผู้เขียนได้รับวัคซีนครบ 3 เข็มแล้วค่ะ เข็มล่าสุดเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมานี้เอง (สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนไข้เลือดออกได้จาก https://www.paolohospital.com/th- ) ถึงแม้จะได้รับวัคซีนครบแล้ว ทั้งที่ไม่น่าจะต้องกังวลอะไร แต่ทำไมยุงมาเกาะทีไรก็ยังนึกกลัวอยู่ดีค่ะ เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ทำให้มั่นใจมากขึ้นเท่าไรนัก เพราะพาหะคือยุงลาย ตราบใดที่ยังมียุงลาย ยังไงก็ยังมีเชื้อไข้เลือดออก ย่อมป่วยไข้ด้วยโรคนี้ได้อีกนั่นเอง ฉะนั้น มาร่วมด้วยช่วยกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง หากมีผู้ป่วยจากโรคไข้เลือดออกต้องรีบแจ้งผู้ใหญ่บ้าน หรืออสม.ในพื้นที่ เพื่อให้มาพ่นหมอกควันกำจัดยุงทันที เพื่อคนในชุมชนปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออกค่ะ ขอขอบคุณ ภาพปกและภาพประกอบ1 : Егор Камелев on Unsplash ภาพประกอบ2 : Olga Kononenko on Unsplash ภาพประกอบ3 : โดยผู้เขียน ภาพประกอบ4 : CDC on Unsplash ภาพประกอบ5 : Dimitri Houtteman on Unsplash