สายท่องเที่ยวน้อยคนมากที่จะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ ดอยหลวงเชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพราะช่วงหนึ่งสถานที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ยอดฮิตขึ้นมาอย่างตั้งตัวไม่ทัน เปิดกระทู้ไหนๆถ้าติดป้ายว่า เชียงใหม่ ต้องมีเชียงดาวเป็นลิสอยู่ในนั้น ฮอตฮิตถึงขนาดที่ว่า ที่พักต้องจองล่วงหน้ามากกว่าครึ่งปี เราเป็นหนึ่งในคนที่อยากรู้ว่าทำไมถึงฮิตกันนัก เริ่มต้นเสริชหาที่หลับที่นอนก่อนเลยเพราะหลายคนเตือนมาว่าเต็มบ่อยเหลือเกิน และที่เห็นในรีวิวบ่อยๆก็ไม่พ้น บ้านพักแถบ วิวดอยหลวงตื่นมาเจอวิวภูเขาอยู่ข้างหน้า มีที่พักให้เลือกหลายแบบทั้งนอนเต้นท์ บ้านเดี่ยว ห้องรวม ห้องน้ำแยก ก็ว่ากันไป เราโทรถามหลายที่ ทุกที่ก็บอกเสียงเดียวกันว่า "เต็มค่ะ" แต่มีที่พักที่หนึ่งแนะนำให้เราไป พักกับเขา ฟาร์มสเตย์ ไกลออกไปอีกหน่อย ดูในรูปแล้วโอเคเลย ดูท่าน่าจะหลีกหนีความวุ่นวายดี จอง จ่าย แล้วเดินทางเลย การเดินทาง ลงเครื่องที่สนามบินเชียงใหม่ เราเช่ารถมอเตอร์ไซต์กับร้าน Bikky ร้านอยู่ที่ลานจอดรถของสนามบิน ทางออก 1 สอบถามราคากับพนักงานได้เลยเพราะแต่ละรุ่นราคาต่างกัน เฉลี่ย 300 - 450 บาท/ต่อวัน เราบอกว่าจะขับไปเชียงดาว พี่เขาก็แนะนำรถเกียร์แมนนวล หรือ เกียร์เท้าที่เราเข้าใจกัน เพราะต้องขับขึ้นทางชันรถเกียร์ออโต้ขึ้นไม่ไหว น้ำมันเต็มถัง ตอนส่งคืนก็ต้องเติมคืนให้เต็ม แนะนำว่าให้ถ่ายรูปรอบๆรถที่เราเช่าทุกครั้งก่อนนำออกจากร้าน เพราะถ้าชำรุดหรือมีรอยจากร้านมาก่อนแล้วเราไม่รู้ เวลาเอามาคืนเขาสามารถเรียกค่าเสียหายได้ เพราะเราไม่มีหลักฐานไงว่าเราไม่ได้ทำ ระยะทางจากสนามบินเชียงใหม่ ไปเชียงดาว อยู่ที่ประมาณ 88 กิโลเมตร ขับไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็แวะ แต่แดดเอาเรื่องเหมือนกัน ถนนดี ขับขี่สะดวกแต่พอเริ่มเข้าเขต อ.เชียงดาว ถนนเริ่มเล็กลงจาก 4 เลน เหลือ 2 เลน ถนนเริ่มขึ้นเขาและชัน รถใหญ่ขับสวนแต่ละทีรถมีส่าย บางจุดเสียวอยู่เหมือนกัน ใครขับไม่แข็งเราแนะนำว่าอย่าขับมอเตอร์ไซต์มาเอง แวะกินข้าวหนีแดดร้อนที่ ร้านกาแฟฮิมน้ำ ที่ตั้ง: ตำบล แม่นะ อำเภอ เชียงดาว จังหวัด เชียงใหม่ ริมน้ำสมชื่อ บรรยากาศผ่อนคลายเหมาะกับมานั่งชิล แวะดื่มแปปนึงก็เดินทางกันต่อ เดี๋ยวจะมืดซะก่อน มากันที่ วัดถ้ำเชียงดาว เพราะอยู่ระหว่างทางพอดี ภายในมีถ้ำขนาดกลางให้เข้าชม ชื่อว่า ถ้ำพระนอน ค่าเข้าชม 20 บาท ไม่อนุญาติให้นำเครื่องดื่มเข้าไป ช่วงแรกของถ้ำมีไฟฟ้าตามจุดต่างๆ สว่าง เมื่อเดินมาสักพัก จะมีพี่ๆมาถามว่าอยากเข้าไปดูข้างในรึเปล่า ถ้าจะเข้าต้องมีคนนำทางเพราะถ้ำมืดมาก (อันนี้ไม่บังคับว่าจะไปหรือไม่ไป) ถ้าสนใจต้องจ่ายค่าตะเกียงกับคนนำทาง เราไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ แต่ไม่เกิน 300 บาท เราก็โอเค มาทั้งที ไปต่อละกัน พี่เขาพาไปดูหลายจุด อธิบายนี้คืออะไร คนที่นี่เรียกว่าอะไร ในขณะที่เราใส่ผ้าใบยังกลัวลื่น แต่พี่เขาใส่แค่รองเท้าแตะ เซียนจริงภายในถ้ำมีพระพุทธรูปตามความเชื่อมากมาย ยิ่งบวกกับบรรยากาศภายในถ้ำ ทำให้อะไรๆดูน่าเกรงขามไปหมด พอเดินดูในถ้ำเสร็จก็ควบรถ ออกเดินทางกันต่อ วิวข้างทางสวยมาก ถึงถนนจะขับยากหน่อยแต่เห็นวิวก็ยกโทษให้ ที่พักเราต้องขับเลย วิวดอยหลวง (แถบที่พักสุดฮิต) ไปอีก ขับเข้าไปในเขตดูแลพิเศษ เปิดกูเกิ้ลแมพ แอพบอกว่า ขับไปอีก 5 กิโลเมตร เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่า 5 กิโลเมตร เป็นอะไรที่ไกลมาก เพราะถนนไม่ได้ราดยาง เนินชันมาก กำเบรคตลอดเวลา บางครั้งต้องมีคนนึงลงเดินเพราะรถเร่งขึ้นไม่ไหว โค้งหักศอก และที่สำคัญสัญญาณมือถือเข้าไม่ถึง ขับมานานไม่เจอใคร ไม่เจอบ้าน ไม่เจออะไรเลย สักพักเจอวัวฝูงนี้ดีใจมาก มีวัวต้องมีเจ้าของสิ แสดงว่ามีคนให้ถามทาง เราภาวนาว่าขอให้ยังอยู่ในประเทศก็พอ ไม่หลุดชายแดน สรุปเจอพี่เจ้าของวัว พี่เขาก็บอกว่าพี่ไม่รู้ว่าที่น้องหมายถึงคือที่ไหน แต่น่าจะขับตรงไปอย่างเดียว เพราะถนนเส้นนี้มีเส้นเดียว ขับมาเรื่อยๆ 5 กิโลเมตรใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงครึ่ง (มันใช่ 5 กิโลเมตร จริงๆถูกไหม) ถนนเริ่มเปลี่ยนหน้าตา รั้วคนทำแบบนี้ แสดงว่าเรามาถูกทางสิ! ขับเข้าไปเรื่อยๆเจอหมู่บ้านเล็กๆ มีป้ายชี้ไปที่พัก ตามป้ายไป น้ำตาจะไหล มาถูกทาง และแล้วเราก็มาถึง พักกับเขา ฟาร์มสเตย์ ที่พักของเราในวันนี้ อยู่ที่ เมืองคอง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ อยู่สุดถนน สุดหมู่บ้านไปอี๊กกก สวย สงบ ท่ามกลางธรรมชาติ ที่นี่อยู่หลังใครหลังมัน ไปถึงพี่พนักงานก็มาต้อนรับ พาเราไปเลือกหลังที่อยากพักเราเลือกหลังที่หันหน้าใส่ภูเขา วิวข้างหน้าคือพื้นที่โล่ง ที่นาทำกินชาวบ้านและมีวิวภูเขาอยู่ไกลๆ ราคาที่พักสามารถสอบถามกับทางเพจเฟสบุ๊คที่พักได้เลย เพราะเราไม่มั่นใจว่าราคาจะปรับขึ้นลงหรือเปล่า'นายมาจากไหนอ่ะ เราเป็นเจ้าบ้านนะ ยินดีต้อนรับ' น้องเฟรนลี่มากๆ เรานั่งดูวิวอยู่หน้าบ้าน น้องก็มาเล่นด้วย บรรยากาศช่วงเย็น ก็ดี๊ดี เงียบสงบ ช่วงไม่ใช่เทศกาล แขกไม่เยอะ พื้นที่โฮมสเตย์ไม่กว้างเลยได้เจอกับแขกคนอื่นที่มาพัก คุยไปคุยมาพี่ๆชวนกินหมูกระทะที่ทำมาเอง ขนใส่รถมาเอง ขอซื้อถ่านแล้วยืมเตากับที่พัก สรุปแขกทุกคนในวันนั้นนั่งกินด้วยกัน คุยกันเหมือนรู้จักกันมาก่อน มิตรภาพเกิดเพราะหมูกระทะ เราสามารถเห็นทางเข้าที่เราขับมาได้ตอนกลางวันเพราะพื้นยกสูงกว่าในเขตหมู่บ้าน ในหมู่บ้านใช้โซลาเซลกัน ตกดึกแสงสว่างมีไม่มาก ใครขับรถเข้าออกเรารู้หมด ที่ขำคือวันที่เราไป สามีของคุณป้าแม่ครัวไม่มารับกลับบ้านสักทีจนดึกมืดค่ำ เรานั่งกินหมูกระทะไป ช่วยลุ้นไป พอมีแสงรถจากในหมู่บ้านเราก็เดากันว่า นั้นไงๆคุณลุงรึเปล่า นานๆทีจะมีรถมาสักคัน สรุปคืนนั้นทุกคนกว่าจะได้นอนก็ดึกมากแล้ว เพราะนั่งรอคุณลุงพร้อมกับป้า ฮ่าาา ที่พักมีโปรแกรมเสริม ไปดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น เราก็โอเคไป วันถัดมาตื่นเช้ามากๆ ไม่แน่ใจว่ากี่โมง เพราะเบลอไปหมด คุณลุง (คนละคนกับที่นั่งรอเมื่อคืน) มาพร้อมรถสองแถว พาพวกเราไปที่ ม่อนทีวี คุณลุงบอกว่า สมัยลุงเป็นหนุ่ม ในหมู่บ้านไม่มีสัญญาณมือถือ ไม่มีสัญญาณโทรทัศน์ ไม่มีไฟฟ้า ใครอยากดูทีวีหรือฟังวิทยุต้องมาบนนี้เพราะเป็นที่เดียวที่สัญญาณทีวีจากในเมืองมาถึง สมัยนั้นลุงมานั่งดูรายการมวยตรงนี้แหล่ะ แต่อย่าก่อไฟเด็ดขาด ผึ้งแตนแถวนี้ชุมจะมาต่อยได้ ตอนเรามาถึงมืดมาก หนาวมาก คุณลุงต้องเปิดไฟหน้ารถส่องให้ แต่เปิดไม่นานเดี๋ยวผึ้งจะมา ในรูปคือพี่ๆแก้งค์หมูกระทะเมื่อคืน พระอาทิตย์เริ่มขึ้น ความเบลอที่มีเมื่อเช้าหายไปหมด เมฆลอยช้าๆ สะกดเราไปได้พักนึง ถึงเวลากลับ หมอกหนามากและลุงก็แอบซิ่งเพราะชำนาญทาง ฮ่าาา จอดแวะในหมู่บ้าน จะมีร้านขายของชำ ขนมปังปิ้ง โอวัลตินร้อน และที่เราชอบที่สุดคือน้องคนนี้ วิ่งเข้ามาเล่นด้วย น่ารักอีกแล้ว ร่ำลาน้องเสร็จกลับเข้าที่พัก แยกย้ายกัน ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่ธรรมชาติและมิตรภาพของคนที่นี้และเพื่อนใหม่มีค่ามากสำหรับเรา คำว่าธรรมชาติบำบัดมีอยู่จริง ภาพถ่ายและคำบรรยายโดยผู้เขียน