เชื้อโรคจ๋าลาก่อน! เผย 4 จุดสกปรกที่หลายคนมองข้ามที่ควรทำความสะอาดทุกวัน ในช่วงนี้สถานการณ์ของไวรัสโคโรนา หรือ Covid-19 นั้นยังทวีความรุนแรงขึ้นทั้งในแถบเอเชีย อย่างประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น และส่งผลไปถึงยุโรปอย่างประเทศอิตาลีด้วย ซึ่งหลายคนก็ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความสะอาดกันมากขึ้น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และสถานที่หลายแห่งก็นำเจลล้างมือมาวางให้บริการกับลูกค้า หรือตามอาคารสำนักงานก็เริ่มมีการตรวจไข้พนักงานทุกคนก่อนเข้าไปทำงานในตึกด้วย แต่นอกจากการรักษาความสะอาดที่มือของเราแล้ว ยังมีอีกหลายจุดที่หลายคนอาจจะมองข้ามและไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก โดยรู้หรือไม่ว่าแต่ละจุดที่เรากำลังจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้นั้นมีการทำวิจัยพบแล้วว่ามีเชื้อโรคมหาศาล และควรจะต้องทำความสะอาดกันทุกวัน หรือถ้าเป็นไปได้วันละ 2-3 ครั้งเลยก็ยิ่งดี เรามาเริ่มกันที่จุดแรกกันเลย 1. คีย์บอร์ด อันดับแรกของจุดที่สกปรกที่สุดไม่แพ้ชักโครกในห้องน้ำขอยกให้กับ คีย์บอร์ดโน้ตบุค หรือ คอมพิวเตอร์ นี่เอง สาเหตุนั่นเป็นเพราะแม้ว่าเราจะล้างมือมาแล้วก็ตาม แต่การที่มาใช้คีย์บอร์ดพิมงานทั้งวันนั้น ซึ่งบางเครื่องใช้ร่วมกันหลายคนด้วย เกิดการสะสมของแบคทีเรีย ฝุ่น เศษอาหาร หลายคนที่ทำงานในออฟฟิศมักจะทานอาหารบนโต๊ะทำงาน พิมงานไป หยิบอาหารเข้าปากไป กลายเป็นการนำเชื้อโรคเข้าปากโดยไม่รู้ตัว หรือบางครั้งหยิบผลไม้ ขนมทาน แล้วก็พิมงานต่อ ทำให้เศษขนม เศษอาหารเหล่านี้ตกลงไปในร่องคีย์บอร์ด สะสมกันเป็นเชื้อโรคและไม่ได้ทำความสะอาดเลย ดังนั้นทุกวันควรจะเช็คล้างทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ เพื่อฆ่าเชื้อโรคเป็นประจำ ที่สำคัญอย่าทำความสะอาดแค่เครื่องตัวเองเท่านั้น เครื่องส่วนรวมต่าง ๆ ที่เป็นสาธารณะต้องใช้ร่วมกันก็ยิ่งต้องดูแล เพราะอาจจะเป็นจุดแพร่เชื้อโรคได้อย่างน่าตกใจ photo: https://unsplash.com/photos/vZJdYl5JVXY 2. ฟองน้ำล้างจาน ถ้าเราเปลี่ยนแปลงสีฟันกัน 2 เดือนครั้ง แล้วเราเปลี่ยนฟองน้ำล้างจานล่าสุดเมื่อไหร่คะ? นี่เป็นหนึ่งจุดที่หลายคนมองข้ามและใช้กันมายาวนานเหมือนเป็นมรดกตกทอดรุ่นสู่รุ่น เพื่อสุขอนามัยที่ดีนั้นนอกจากจะเปลี่ยนฟองน้ำเดือนละครั้งแล้ว แนะนำให้เก็บไว้ในที่มิดชิด ไม่ใช่วางในที่เปิดโล่ง เพราะฟองน้ำล้างจานประกอบไปด้วยเส้นใยละเอียดจำนวนมากที่ดักจับเศษอาหาร และเรามักจะทำความสะอาดไม่ทั่วถึง ดังนั้นช่วงกลางคืน ฟองน้ำล้างจานอาจจะกลายเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้รับเชิญมากินอาหารบนฟองน้ำได้ แล้วตอนเช้าเราก็นำไปล้างจานต่อ กลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคมหาศาลที่เรานำเข้าปากไม่รู้ตัว ดังนั้นการเปลี่ยนฟองน้ำล้างจาน และการเก็บก็สำคัญพอ ๆ กับแปรงสีฟันส่วนตัวของเราเลย photo: https://unsplash.com/photos/WU9dA3C4R28 3. เครื่องกดอาหารอัตโนมัติ พนักงานออฟฟิศหลายคนมีอาการป่วยบ่อย เดี๋ยวเป็นหวัด เดี๋ยวเจ็บคอ ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงโดยหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันอาจจะมาจากเชื้อโรคที่อยู่รอบ ๆ ตัวเราเนี่ยแหละ อีกหนึ่งจุดที่กลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้นั่นก็คือ ตู้กดอาหารอัตโนมัตินั่นเอง สำหรับออฟฟิศใจกลางกรุงอาจจะคุ้นชินกันดีสำหรับ เครื่องแมชชีนขายอาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่ม ขนม ผลไม้ ที่เราเพียงแค่ทัชที่หน้าจอ สแกนจ่ายเงิน อาหารก็หล่นลงมาพร้อมเสิร์ฟทันที แต่ได้สังเกตไหมว่าแต่ละวันมีผู้คนเข้ามาใช้บริการกันมากขนาดไหน แล้วเคยมีการเช็ดหน้าปัดทัชสกรีนบ้างหรือไม่ ดังนั้นหากใครที่ภูมิคุ้มกันต่ำ พักผ่อนน้อย อ่อนแอ อาจจะเสี่ยงที่จะรับเชื้อโรคเหล่านี้ไปเต็ม ๆ ยิ่งถ้าไม่ได้ล้างมือแล้วหยิบอาหารเข้าปากแล้วล่ะก็ อาจจะป่วยได้ ดังนั้นนี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ควรจะให้ความสำคัญด้วย photo: https://unsplash.com/photos/JG35CpZLfVs 4. ขอบยางกระติกน้ำ จุดสกปรกสุดท้ายที่หลายคนอาจจะต้องตกใจ เพราะมันคือ ขอบยางของกระติกน้ำ นั่นเองค่าา ใครมีติดตัวอยู่รีบไปถอดออกมาดูกันเลย เพราะว่าตรงส่วนนี้หลายคนเวลาล้างไม่ได้มีการถอดออกมา เพราะขี้เกียจถอด ใส่ยาก กลัวหาย หรืออะไรก็ตามแต่ แต่จุดนี้เป็นจุดที่เราล้างไม่ออก หรือมันไม่แห้งนั่นเอง ยังมีน้ำขังอยู่ในบริเวณนั้นพอนานวันเข้าเลยเกิดเป็นคราบเหลือ เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคมากมาย ถ้าใครชอบทานน้ำปั่น น้ำหวาน หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของนม ก็อาจจะเกิดการบูดเน่าของคราบเหล่านี้ได้ อันตรายมาก อาจจะทำให้ท้องร่วงได้เลย ดังนั้นเวลาล้างก็ควรจะถอดขอบยางออกมาขัดล้างและเช็ดให้แห้ง ก่อนจะนำไปดื่มต่อนะคะ photo: https://unsplash.com/photos/2AgviBGD4eY เห็นหรือไม่ว่ายังมีอีกหลายจุดสกปรกที่สะสมเชื้อโรคแบบที่เราคาดไม่ถึง หลายคนกังวลเรื่องของชักโครก ที่จับประตู เลยเช็ดทำความสะอาดอย่างดีทุกครั้ง แต่กลับลืมไปว่ายังมีอีกหลายจุดที่เป็นแหล่งสะสมได้เหมือนกัน ดังนั้นอย่าลืมใส่ใจสิ่งของรอบ ๆ ตัว หรือของสาธารณะที่ต้องใช้ร่วมกันทั้งในบ้าน หรือในที่ทำงาน ช่วยกันทำความสะอาดทุกวัน ลดความเสี่ยงในการป่วยอย่างแน่นอน :)