เชียงใหม่ - กรุงเพพฯ อยู่กันคนละภาคเลยนะ เชียงใหม่ เมืองแห่งความสโลวไลฟ์ เมืองที่เหมาะสำหรับการหลีกหนีความวุ่นวาย แล้วไปปล่อยตัวปล่อยใจไปกับธรรมชาติ วัฒนธรรมล้านนา และความเป็นมิตรของชาวเมืองและชาวพื้นที่สูง แต่ก็ยังคงความสะดวกสบาย ตอบโจทย์ชาวกรุงเช่นกัน กรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทยสยาม เป็นจุดศูนย์กลางของทุกด้าน เป็นแหล่งดึงดูดผู้คนทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาตั้งตัว ท่องเที่ยว ทำธุรกิจ ดังนั้นสตรีทฟู้ด ของกินในกรุงเทพฯคือครบครัน ทั้งรสชาติและราคา ถูก แพง แล้วแต่จำนวนเงินในกระเป๋าและความพึงพอใจของคุณเลย และวันนี้แอดจะพาทุกคนออกเดินทาง เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ ในงบไม่เกิน 310 บาท งบสบายกระเป๋ามากๆเลยค่ะ เกริ่นมาซะยาวเหยียด เอาเป็นว่า แอดขอเริ่มพาทุกคนออกเดินทาง จาก เชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ กรุงเทพฯ ด้วยบัจเจทที่คุ้มค่ามากๆและตอบโจทย์เหล่านักเดินทางที่เป็นแบ็คแพ็คเกอร์สุดๆ ในงบไม่เกิน 310 บาท ในขณะที่ค่าตั๋วเครื่องบิน เชียงใหม่-กรุงเทพฯ พุ่งสูงไปถึง สองพันกว่าบาท เนื่องจากช่วงนั้นยังคงเป็นช่วงไฮซีซั่นอยู่ ซึ่งก็อาจไม่สามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเซฟบัดเจทและเหล่าแบ็คแพ็คเกอร์ได้ การเดินทางครั้งนี้ แอดเดินทางด้วยรถไฟประเภทด่วนพิเศษขบวนที่ 14 เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ ชั้นสามพัดลม ซึ่งเป็นที่นั่งชั้นประหยัด ในราคาเพียง 310 บาท ใช้เวลาเดินทางราว 15 ชั่วโมง เป็นระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร นั่งยาวๆไปค่ะ ฮ่าๆๆ ซึ่งรถไฟสายเหนือขบวนที่ 14 (ขบวนรถขาเข้า)เริ่มต้นที่สถานีเชียงใหม่ ผ่านสถานีลำพูน ขุนตาน นครลำปาง บ้านปิน เด่นชัย(จังหวัดแพร่) ศิลาอาสน์ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ลพบุรี อยุธยา รังสิต ดอนเมือง และสถานีปลายทางคือกรุงเทพอภิวัฒน์ นอกจากนี้สามารถดูกำหนดเวลาเดินรถ สายเหนือ (ขบวนขาเข้า) ไม่ว่าจะเป็นขบวนรถที่ 14และขบวนรถอื่นๆได้ที่ เว็บไซต์การรถไฟแห่งประเทศไทยกำหนดเวลาเดินรถ สายเหนือ (ขบวนขาเข้า)เส้นทางรถไฟสายเหนือ เชียงใหม่ - กรุงเทพฯซึ่งปกติแล้ว รถไฟสายเหนือ เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ จะมีด้วยกันด้วยกันทั้งหมด 5 ขบวน ได้แก่ขบวนที่ 102 เป็นประเภทรถเร็ว ใช้เวลาเดินทางตามกำหนดการประมาณ 14 ชั่วโมงขบวนที่ 8 เป็นประเภทรถด่วนพิเศษดีเซลราง ใช้เวลาเดินทางตามกำหนดการประมาณ 8 ชั่วโมงขบวนที่ 52 เป็นประเภทรถด่วน ใช้เวลาเดินทางตามกำหนดการประมาณ 13 ชั่วโมง 40 นาทีขบวนที่ 14 เป็นประเภทรถด่วนพิเศษ ใช้เวลาเดินทางตามกำหนดการประมาณ 15 ชั่วโมงและขบวนที่ 10 เป็นประเภทรถด่วนพิเศษ CNR ใช้เวลาเดินทางตามกำหนดการประมาณเกือบ 15 ชั่วโมงรายละเอียดขบวนรถไฟและเวลาสามารถตรวจสอบเพิ่มเติมและจองที่นั่งได้ที่ เว็บไซต์การรถไฟแห่งประเทศไทย โดยเฉลี่ยแล้วไม่ว่าจะขบวนรถไฟไหนก็จะใช้เวลาเดินทางราว 14-15 ชั่วโมง หรือใช้เวลามากกว่า ยกเว้นขบวนที่ 8 ซึ่งเป็นประเภทรถด่วนพิเศษดีเซลราง ใช้เวลาเดินทางตามกำหนดการประมาณ 8 ชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่ารถบัสทั่วไปประมาณ 1-2 ชั่วโมงค่ะ การเดินทางด้วยรถไฟจะมีทั้งแบบนั่ง และแบบนอน ซึ่งก็จะแบ่งออกเป็นชั้นหนึ่งแอร์ ชั้นสองแอร์ มีทั้งแบบนอนและแบบนั่ง และอีกประเภทซึ่งราคาก็จะถูกกว่าแบบแรกคือ ประเภทที่นั่งที่เป็นชั้นสองพัดลม และชั้นสามพัดลมค่ะ ซึ่งแอดก็เลือกที่นั่งประเภทชั้นสามพัดลม เป็นประเภทที่นั่งที่ถูกที่สุด เก้าอี้เป็นเบาะยาวสำหรับสองคนและไม่สามารถปรับระดับพนักพิงหลังได้ เก้าอี้สองตัวหันหน้าเข้าหากัน ซึ่งก็เหมาะสำหรับเหล่าแก๊งเพื่อนและการเดินทางที่ไม่ไกลมากนัก เช่น กรุงเทพฯ - พัทยา ก็สามารถนั่งไปได้นะคะ เมาท์มอยพูดคุยกับเพื่อนๆระหว่างทางสะดวกดี ซึ่งก็อาจจะร้อนนิดนึง แต่หากเป็นสายลุยอยู่แล้วก็ชิลๆค่ะ นอกจากนี้การเดินทางด้วยรถไฟชั้นสามพัดลมยังเหมาะกับเหล่านักเดินทางที่ต้องการเซฟบัดเจทอีกทั้งชาวแบ็คแพ็คเกอร์ด้วยค่ะ สำหรับขบวนรถไฟที่ 14 เดินทางจากเชียงใหม่สู่กรุงเทพฯ ในขบวนก็จะมีหลายโบกี้ มีทั้งรถโบกี้นั่งและนอนชั้น 1 ปรับอากาศ รถโบกี้นั่งและนอนชั้น2 ปรับอากาศ รถโบกี้นั่งชั้น 2 พัดลม และรถโบกี้นั่งชั้น 3 พัดลม ซึ่งแต่ละโบกี้ก็จะมีห้องน้ำและอ่างล้างมือประจำแต่ละโบกี้ค่ะ เมื่อซื้อตั๋วรถไฟที่อยู่ทางด้านหน้าของสถานีรถไฟเชียงใหม่เสร็จแล้ว มีตั๋วรถไฟเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เดินไปยังชานชลาที่รถไฟจอดอยู่ ซึ่งด้านหน้าก็จะมีป้ายรายละเอียดของขบวนรถว่าเป็นขบวนรถที่เท่าไหร่ เริ่มจากที่ไหนเดินทางถึงไหน จากนั้นก็ให้เดินไปขึ้นโบกี้ตามที่ระบุไว้ในตั๋วได้เลยค่ะ ซึ่งแต่ละโบกี้จะมีเลขที่โบกี้ระบุอยู่ด้านนอกรถโบกี้ สามารถเดินหาได้ง่ายๆเลยค่ะ แต่ถ้าไม่มั่นใจสามารถสอบถามนายสถานีเพิ่มเติมได้เลยนะคะ พอหาเลขที่โบกี้เจอแล้วก็เดินเข้าไปในรถไฟได้เลยนะคะ จากนั้นให้หาเลขที่นั่งให้ตรงกับตั๋วของเรา พอหาเจอแล้วก็สามารถวางสัมภาระจัดที่นั่งให้เรียบร้อยได้เลยค่ะ ซึ่งการหาที่นั่งในรถไฟรถโบกี้ชั้น 3 พัดลม คล้ายๆในเครื่องบินเลยค่ะ ก็จะมีที่นั่งริมหน้าต่างและที่นั่งริมทางเดิน เมื่อถึงเวลาที่รถไฟจะออกตามตารางเวลาแล้ว ขบวนรถไฟจะค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากชานชลา แต่ก่อนที่รถไฟจะเคลื่อนตัวออกไปก็จะมีนายสถานีเข้ามาตรวจตั๋วอีกที พอตรวจตั๋วเสร็จไม่นานรถไฟก็เคลื่อนตัวออกจากชานชลา ระหว่างทางจะมีพ่อค้าแม่ขาย หาบเครื่องดื่มของคาวหวานขึ้นมาจำหน่ายเป็นระยะๆด้วยค่ะ ซึ่งราคาก็ไม่ได้แพง หากใครไม่ได้ทานข้าวมาหรือกลัวหิวระหว่างทางสามารถซื้อเก็บตุนไว้ก่อนได้ค่ะ อิอิ แต่คราวนี้แอดไม่ได้ทานข้าวมา เลยซื้อข้าวเหนียวหมูทอด 40 บาท กับไส้อั่วมาไม้นึงราคา 20 บาท และน้ำเปล่าอีก1ขวดราคา 10 บาทค่ะ รถไฟขบวนที่ 14 เดินทางจากเชียงใหม่สู่กรุงเทพฯ บางสถานีจอดแป๊บเดียว บางสถานีที่เป็นสถานีใหญ่ๆหน่อยก็จะจอดนานนิดนึง ถึงแม้จะเป็นการเดินทางในช่วงกลางคืนช่วงเวลาพักผ่อนของผู้คน แต่ในขบวนรถไฟสำหรับเหล่านักเดินทางแล้ว การที่จะเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาผัดเปลี่ยนให้เห็นอยู่เรื่อยๆถือเป็นเรื่องปกติค่ะ แต่เมื่อถึงยามวิกาลเหมือนทุกอย่างเริ่มเคลื่อนไหวช้าลง คนที่เหลืออยู่ในโบกี้ดูเหมือนกรุงเทพฯจะเป็นจุดหมายปลายทางของพวกเรา การเดินทางครั้งนี้แอดเดินทางในช่วงฤดูหนาวเดือนมกราคม อากาศก็จะหนาวๆเย็นๆหน่อยนะคะ หากเดินทางช่วงนี้เตรียมผ้าห่มบางๆไว้สักผืนกำลังดีค่ะ แต่แอดไม่ได้นำมานะคะ เลยใช้เสื้อคลุุมแทนค่ะ ช่วงกลางคืนอาจมีเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ท้ายสุดของโบกี้บ้าง ส่วนพ่อค้าแม่ขายที่มักจะเดินขึ้นมาขายอาหารของกินของหวานคงได้เวลาพักผ่อนของพวกเขาด้วยเช่นกัน แต่เมื่อถึงเช้าตรู่ซึ่งฟ้ายังสางๆอยู่เลย ก็น่าจะเป็นช่วงเวลาประมาณตี4-5 ขบวนรถไฟก็จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ในขบวนรถไฟเริ่มได้ยินเสียงน้ำมั้ยครับข้าวเหนียวหมูปิ้งมั้ยคะอีกครั้ง เนื่องจากน้ำดื่มของแอดหมดพอดี แอดเลยตื่นขึ้นมาซื้อน้ำขวดนึง ถึงอยุธยาแล้วสินะ ไม่นานมากนัก ขบวนรถไฟก็ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่กรุงเทพฯ ซึ่งก็ยังเช้ามากๆ แอดเลยทันได้เห็นและเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้น แสงสีส้มตุ่นที่ค่อยๆไล่เรียงสีขึ้นไปดุจภาพวาดของจิตรกรมากฝีมือ แต่นี่คือความงามของธรรมชาติโดยไร้การแต่งแต้มใดๆ หน้าต่างบานใหญ่ของรถไฟทำให้แอดสามารถมองเห็นความงามนี้ได้อย่างเต็มตามากๆเลยค่ะ สำหรับสถานีรถไฟในกรุงเทพฯ ที่รถไฟขบวนที่ 14 นี้ขับผ่าน ก็จะมีสถานีรังสิต สถานีดอนเมือง และสถานีปลายทางคือสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์หรือที่เรารู้จักในนาม สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเป็นสถานีที่กว้างใหญ่มากๆ และมีวิธีการเดินทางเข้าไปยังเมืองได้หลายวิธีก็แล้วแต่ว่าปลายทางของเราอยู่ที่ไหน แต่สำหรับแอด การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน MRT แล้วค่อยไปเปลี่ยน BTS ก็คงจะง่ายและสะดวกที่สุดแล้ว ในที่สุดแอดก็มาถึงกรุงเทพฯจนได้ การเดินทาง เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ ค่อนข้างใช้เวลานาน แต่ระหว่างทางแอดนำโน๊ตบุ๊คขึ้นมาทำงานไปด้วย มองทิวทัศน์ ฟังเพลง และเก็บภาพระหว่างทางๆเป็นระยะๆ ที่สำคัญแอดนอนหลับด้วยค่ะ เลยทำให้การเดินทางด้วยตัวเองคนเดียวในครั้งนี้ไม่ได้เหนื่อยจนเกินไปค่ะ และเมื่อเทียบกับงบที่จ่ายไปคือถือว่าคุ้มค่ามาก แต่สุดท้ายแล้ววิธีการเดินทางก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินในกระเป๋า ไลฟ์สไตล์ และวัตถุประสงค์ในการเดินทางของเราด้วยค่ะก่อนจากกัน แอดมีข้อมูลเส้นทางและระยะเวลาโดยเฉลี่ย สำหรับการเดินทางจาก สถานีรถไฟเชียงใหม่ ถึง สถานีกลางอภิวัฒน์มาฝากส่งท้ายด้วยค่ะ ข้อมูลก็อิงตามพี่กูเกิ้ลแมพเลยนะคะ และขอบคุณที่อ่านจนถึงตรงนี้นะคะ >< พิกัด สถานีรถไฟเชียงใหม่ - สถานีกลางอภิวัฒน์ (เส้นทางรถไฟ) พิกัด สถานีรถไฟเชียงใหม่ - สถานีกลางอภิวัฒน์ (เส้นทางรถยนต์) พิกัด สถานีรถไฟเชียงใหม่ - สถานีกลางอภิวัฒน์ (เส้นทางเครื่องบิน) ภาพทั้งหมดโดย (Mei Solo Nomad) และขอบคุณภาพจาก เว็บไซต์การรถไฟแห่งประเทศไทย และ Google Mapsวันลาเหลือใช่ไหม อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !