“มีที่เดียวเท่านั้นแหละ ที่คนเกิดวันอังคารจะต้องไปกราบไหว้ แต่จะได้ไปหรือเปล่ายังไม่รู้นะ” พระอาจารย์ที่มาร่วมทริปเชียงตุงครั้งนี้บอกผม การจะได้กราบไหว้พระพุทธไสยาสน์ในเมืองเชียงตุงนี้ ซึ่งเป็นพระประจำวันเกิดคนเกิดวันอังคารนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายนัก เพราะในเมืองเชียงตุง พระพุทธรูปส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีปางดังกล่าว แต่ที่คนรู้จักมากคือพระปางยืน เช่น พระเจ้าชี้นิ้วที่ดอยจอมสักด้านทิศตะวันตกของหนองตุง พระมหามัยมุนีจำลองที่วิหารกลางสี่แยกเมืองเชียงตุง ปางนั่งสมาธิที่ดอยปางควาย ซึ่งเป็นพุทธอุทยานและจุดพักรถจากเมืองท่าขี้เหล็กก่อนจะวิ่งลงเขาเข้ามาในตัวเมืองเชียงตุง ดังนั้น สำหรับคนเกิดวันอังคารอย่างผม มีเพียงสถานที่เดียวเท่านั้นที่จะทำให้ได้กราบไว้พระพุทธไสยาสน์คือต้องไปที่ “จุ๊กเปงฟ้า” เท่านั้น แล้ว “จุ๊กเปงฟ้า คือ อะไร” ทำไมคนเกิดวันอังคารต้องไปกราบไหว้พระพุทธเจ้าปางไสยาสน์หรือพระพุทธเจ้าปางปรินิพพานที่นั่น มาครับผมจะพาไป ในที่สุดก็ได้ไป “จุ๊กเปงฟ้า” หรือแปลเป็นไทยว่า “ณ สุดขอบฟ้า” จนได้ ผมนั่งรถจากตัวเมืองเชียงตุงประมาณเที่ยงกว่า ๆ บนถนนเส้นเชียงตุง-เอิ่ง(อำเภอ)กาดเต่า รถน้อยทางค่อนข้างแคบ จะหลีกกันที รถคันที่เล็กกว่าต้องเบี่ยงขวาหลบให้คันใหญ่สวนมาหรือไปก่อนเสมอ ออกมาได้ไม่นานก็มาถึงบ้านกาดเต่า จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายตามป้ายที่บอกว่า “ไปจุ๊กเปงฟ้า” รถวิ่งไปอย่างช้า ๆ ผ่านทุ่งนา นาขั้นบันได หมู่บ้านชาวเขา จากนั้นก็ไต่ระดับความสูงจากเชิงเขาขึ้นไปเรื่อย ๆ จนผ่านป่าทึบกลางเขาและถึงยอดเขาในที่สุด ใช้เวลาในการเดินทางร่วม 2 ชั่วโมง บนยอดเขานี้ เป็นที่ตั้งของพระธาตุจุ๊กเปงฟ้าและอารามที่พักของท่านฤษีนามว่า “สี่ธาตุ” ซึ่งเป็นฤษีที่มากบารมีและเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเชียงตุงมากที่สุด สิ่งก่อสร้างทั้งหมดบนเขาลูกนี้รวมถึงถนนจากบ้านกาดเต่าถึงที่นี่ท่านเป็นผู้ริเริ่มประสานงานและร่วมก่อสร้างมาโดยตลอด แม้ปัจจุบันทางอาจจะยังไม่ดีมากนักแต่ก็ถือว่าสะดวกกว่าแต่ก่อนร่วมเท่าตัว หลังจากสนทนากันไม่นาน ท่านฤษีสี่ธาตุบอกว่า บ่ายนี้ว่างพอดี ท่านจะเป็นคนนำทางพาพวกเราเดินเท้าไปสักการะพระเจ้านอนที่กลางเขาด้วยตนเอง ซึ่งต้องเดินขึ้นเขาไปอีกราว 2 กิโลเมตร คณะเราจึงเป็นกลุ่มพิเศษที่นาน ๆ ท่านจะนำทางไปด้วยตนเองแบบนี้ ผมตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะนึกไม่ถึงว่าสิ่งที่คิดไว้จะเป็นจริงได้อย่างอัศจรรย์เพียงนี้ เส้นทางเดินไปที่พระเจ้านอนหรือพระพุทธไสยาสน์นั้น เป็นเส้นทางเดินป่าที่น่าเดินมาก เพราะร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านทอดเงาบังแสงแดดให้อย่างดี มีลำธารเล็ก ๆ ให้ข้ามและเดินเลาะทวนเส้นทางน้ำไหล ผ่านสวนผักผลไม้ที่ท่านมาปลูกไว้เพื่อเป็นอาหารของอาราม ผ่านจุดที่เคยเป็นเมืองเก่า ท่านยังแนะนำพืชสมุนไพรในป่าหลายอย่าง บางอย่างก็ทานได้มีรสชาติเปรี้ยวและทำให้สดชื่น ใช้เวลาพอสมควรคณะเราก็มาถึงพระเจ้านอนหรือพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ ประดับบรรทมสีหไสยาสน์บนก้อนหินก้อนใหญ่ ที่ปลายยอดด้านบนราบเรียบเหมือนเตียงบรรทมยังไงยังงั้น โดยท่านสี่ธาตุบอกว่า ก่อนจะสร้างพระนอนไสยาสน์นี้ ท่านได้รับนิมิตจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มาสร้างบนก้อนหินรูปร่างดังกล่าว ท่านจึงได้เดินเท้าป่าปีนเขาเพื่อตามหาหินที่มีลักษณะตามนิมิต ในที่สุดท่านก็มาเจอและได้สร้างจนสำเร็จในเวลาไม่นานอย่างที่เห็น ที่น่าแปลกอย่างหนึ่งคือ พระนอนองค์นี้แทนที่จะบรรทมตะแคงใช้พระหัตถ์ขวารองรับพระเศียรอย่างที่เคยเห็นทั่วไป แต่กลายเป็นใช้พระหัตถ์ซ้ายแทน ผมกราบสักการะที่พระบาท 3 ครั้งด้วยความเคารพยิ่งและความรู้สึกอัศจรรย์อิ่มเอมใจที่ได้เจริญพุทธานุสติและธรรมยาตรามาสักการะพระพุทธไสยาสน์จนได้ หลังจากร่วมกับคณะ ท่านฤษีสี่ธาตุและพระอาจารย์สวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิแผ่เมตตาแล้วก็พากันเดินทางกลับ ประโยคนี้ก็ดังก้องในหัวผม “ศรัทธาคือความเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น แต่รางวัลของศรัทธาคือได้เห็นในสิ่งที่เชื่อ” พร้อมกับภาพของอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ ผู้พูดประโยคดังกล่าว ยืนยิ้มอย่างมีความสุข ที่ตั้ง : บ้านกาดเต่า เมืองเชียงตุง รัฐฉาน ประเทศเมียนมาร์ การเดินทาง : เชียงตุง-ตลาดบ้านกาดเต่า(เลี้ยวซ้ายก่อนถึงตลาด)มีป้ายบอกตลอดทาง เวลาเปิด-ปิด : 06.00-19.00 น. โดยประมาณ สิ่งที่น่าสนใจ : พระปางไสยาสน์/ทางเดินป่า/สวนผักผลไม้ธรรมชาติ/พืชสมุนไพร/ซากชุมชนเก่ากลางเขา/ตาน้ำ สิ่งที่ต้องห้าม : ห้ามนำอาหารประเภทเนื้อสัตว์และของมึนเมาเข้าเขตอาราม ภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน : อนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาได้ฟรี