ภาพโดย pixabay การเดินทางโดยรถไฟนับเป็นวิธีการเดินทางที่ประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมาก หากเปรียบเทียบกับการเดินทางโดยรถยนต์ รถทัวร์ หรือเครื่องบิน ไม่น่าเชื่อว่าในยุคที่ราคาก๋วยเตี๋ยวชามละ 40-50 บาท เข้าไปแล้ว แต่การรถไฟแห่งประเทศไทยยังพาเราเดินทางข้ามจังหวัดได้โดยใช้เงินเพียงสิบกว่าบาทเท่านั้น (ค่าโดยสารรถไฟแต่ละชั้นไม่เท่ากัน ควรตรวจสอบก่อนขึ้น) รถไฟทำให้เราสามารถเดินทางไปทัศนศึกษาพร้อมเพื่อนทั้งชั้นเรียน หรือทั้งคณะวิชา หรือแม้แต่การท่องเที่ยวแบบเน้นประหยัดงบประมาณก็มักเลือกเดินทางด้วยรถไฟเช่นกัน ก่อนจะเริ่มเดินทางโดยรถไฟนั้นทุกคนควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้นให้มาก เพื่อจะได้วางแผนการเดินทางไว้เสียแต่เนิ่น ๆ พอเดินทางจริงทุกอย่างจะได้สะดวกปลอดโปร่ง ภาพโดย pixabay 1. ติดตั้งแอปพลิเคชัน SRT Timetable ของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่โทรศัพท์มือถือไว้ก่อน สามารถค้นหาแอปพลิเคชันได้โดยพิมพ์คำว่า “SRT Timetable” หรือ “ตรวจสอบเวลาการเดินรถ” ทั้งมือถือระบบ iOS และ Android เมื่อติดตั้งแอปพลิเคชันแล้วจึงเข้าไปเลือกต้นทางและปลายทางที่ต้องการ ตรวจสอบเวลาการเดินรถ ชั้นโดยสาร ราคาค่าโดยสารและจดบันทึกไว้ หรือหากต้องการตรวจสอบรายละเอียดการเดินรถผ่านคอมพิวเตอร์ก็สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์การรถไฟแห่งประเทศไทย http://www.railway.co.th/Home/Index หรือโทรสายด่วน 1690 เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย วิธีการสุดท้ายนั้นเป็นวิธีการที่สะดวกและมั่นใจได้ว่าจะได้ข้อมูลการเดินทางที่ถูกต้องและอัปเดตที่สุดอย่างแน่นอน ภาพโดย pixabay 2. อย่าทำตัวหรูหรา การเดินทางโดยรถไฟนั้นต้องยอมรับว่ามีผู้คนร่วมเดินทางกับเรามากมาย ในจำนวนนั้นอาจมีมิจฉาชีพปะปนอยู่กับ ผู้โดยสาร ดังนั้นจึงควรพกแต่สิ่งของที่จำเป็นสำหรับการเดินทางไปเท่านั้น เก็บสิ่งของมีค่าให้มิดชิดและนำติดตัวไปด้วยเสมอ อย่าแต่งตัวหรือนำของมีค่าออกมาล่อตาล่อใจผู้ร่วมเดินทาง เวลานั่งต้องหูไวตาไว ใครนั่งใกล้เรา เขามีท่าทีอย่างไร ส่อเค้าอันตรายหรือไม่ เราต้องระมัดระวัง อย่าปล่อยตัวตามสบายจนเกินเหตุ ภาพโดย pixabay 3. ควรไปถึงสถานีก่อนเวลาอย่างน้อย 20 นาที โดยปกติแล้วรถไฟจะเทียบสถานีตรงเวลา หากขบวนล่าช้าเจ้าหน้าที่จะแจ้งว่าช้ากี่นาที หรือกี่ชั่วโมง อย่างไรก็ตามผู้โดยสารควรไปถึงสถานีก่อนเวลา เพราะการเทียบท่าของรถไฟแต่ละขบวนนั้นเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ อยู่ระหว่าง 1-2 นาที เท่านั้น หากเราไปช้าเราอาจตกขบวน ต้องรอรถไฟเที่ยวต่อไปอีกหลายชั่วโมง หรืออาจต้องรอมาขึ้นอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นเลยก็เป็นไปได้ ภาพโดย pixabay 4. เตรียมแผนสำรองไว้เสมอ ไม่ว่าจะวางแผนการเดินทางไว้ดีเพียงใด แต่โอกาสผิดพลาดก็อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อเดินทางแต่ละครั้งเราจึงควรจดหมายเลขรถไฟ ชื่อขบวนรถไฟ และเวลาที่รถไฟขบวนนั้นเทียบสถานีให้ละเอียด รวมถึงจดหมายเลขรถไฟขบวนถัดไปที่จะจอดสถานีที่เราจะลง เพื่อเป็นแผนสำรอง เช่น หากต้องการเดินทางจากสถานีชุมทางบางซึ่อ ปลายทางสถานีอยุธยา แต่พลาดรถไฟเลขขบวน 111 ตอน 07.30 น. ก็อาจจะขึ้นรถไฟเลขขบวน 7 ตอน 08.50 น. แทนได้ เป็นต้น ภาพโดย pixabay 5. หูต้องดีโพยต้องมี เมื่อรถไฟเทียบสถานีแต่ละแห่ง เจ้าหน้าที่จะประกาศว่าขณะนี้รถไฟอยู่ที่สถานีใด และกำลังจะไปสถานีใด อ่านดูอาจไม่รู้สึกว่าจะมีปัญหาอะไร แต่ในทางปฏิบัติแล้วจะพบว่า บางสถานีเราก็ได้ยินเสียงประกาศไม่ชัด และบ่อยครั้งที่เราไม่คุ้นเคยกับความเร็วและลีลาการพูดของเจ้าหน้าที่ที่ประกาศ ทำให้เราไม่ทราบว่าขณะนี้เรากำลังอยู่ที่สถานีใด และต่อไปจะถึงสถานีใด เรื่องนี้เป็นปัญหาอย่างยิ่ง เพราะหากเลยสถานีที่จะลงไปแล้วก็ต้องเสียเวลาย้อนกลับไปอีก ดังนั้นทุกคนจึงควรจดเวลารถไฟออก และเวลารถไฟถึงสถานีปลายทาง ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก่อนถึงปลายทางสัก 2-3 สถานี นอกจากนี้ยังมีวิธีการที่จะช่วยให้อุ่นใจอีกระดับหนึ่งคือ ให้จดรายชื่อสถานีที่เราจะต้องผ่าน (รายละเอียดสถานีและเวลาเทียบแต่ละสถานีอยู่ในแอปพลิเคชัน) วิธีการนี้ จะทำให้เราคำนวณได้ว่าอีกกี่สถานีจะถึงปลายทาง ไม่ต้องกังวลคอยฟังเสียงประกาศ