เตรียมตัวไปอาณาจักเปอร์เซียกัน สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เป็นอีกวันนึง ที่ได้มีโอกาสมาแบ่งปันข้อมูล และเล่าประสบการ ของการเป็นผู้หญิงแล้วเดินทางไป อาณาจักรเปอร์เซียคนเดียวมาให้ฟังกัน เรื่องราวจะตื่นเต้นและน่าประทับใจยังไง ตามมาฟังกันเลยค่ะ เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 เราทำงานเป็นพนักงานเซเว่น เราไม่เคยใช้วันหยุดพักร้อนเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง ผู้จัดการแจ้งว่า ใกล้จะปีใหม่แล้ว ใครที่ยังไม่ใช้พักร้อนต้องรีบใช้ให้หมด ก่อนที่จะเริ่มของรอบใหม่ ซึ่งไม่สามารถใช้ย้อนหลังได้หากเลยสิ้นปีไปแล้ว เอาแล้วสิ ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะใช้วันหยุดไปเที่ยวไหน หรือจะพักผ่อนอยู่แต่ห้องก็คงน่าเบื่อ แต่แล้วจู่ๆเหมือนโชคชะตาเป็นใจ เมื่อเพื่อนต่างชาติที่เป็น ชาวเปอร์เซีย ได้เชิญชวนเราไปเที่ยวเล่นหิมะ ด้วยกัน วินาทีนั้นไม่ได้คิดอะไรเลยรีบตอบตกลง แล้วไปบอกผู้จัดการและเพื่อนร่วมงานว่าพักร้อนจะบินไปอาณาจักรเปอร์เซีย ทุกคนเงียบไปพักหนึ่งแล้วหันไปมองหน้ากัน แล้วพูดขึ้นเป็นเสียงเดียวพร้อมกันว่า " แกจะบ้าหรอ จะไปเที่ยวคนเดียวหรอ?" เราก็ขำแบบงงๆว่าทำไมทุกคนถึงตกใจ 😅😅😅😅 แต่เอาเถอะ เราตัดสินใจแล้วว่าจะไป ก่อนอื่นคือการทำพาสปอร์ต แต่ว่าเอกสารที่ต้องเตรียม ค่าใช้จ่าย สถานที่ที่ทำ เป็นอย่างไร มาดูกันค่ะ หลังจากที่เตรียมการเสร็จแล้ว เราได้เดินทางไปทำหนังสือเดินทางที่ MRT คลองเตย จะอยู่ทางออกที่2 ที่นี่จะเปิดทำการ จันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 - 15.30 สิ่งที่ต้องเตรียม - บัตรประชาชน - ค่าหนังสือเดินทางราคา 1,000 บาท และค่าส่งไปรษณีย์แบบด่วน ราคา 60 บาท หลังจากที่เราเดินเข้าไป ก็จะมีขั้นตอนดังนี้ คือ 1. ยื่นบัตรประชาชนกับเจ้าหน้าที่ แล้วรับบัตรคิว 2. วัดส่วนสูง และกรอกแบบฟอร์มให้ครบถ้วน 3. รอเรียกคิว 4. เมื่อถึงคิวเราแล้ว ก็ทำการแสกนนิ้ว ถ่ายรูป ซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้เราเลือกรูปที่เราชอบเอง 5. เสร็จแล้วก็ชำระเงิน ประมาณ 1,000 บาท สำหรับค่าหนังสือเดินทาง แล้วเดินไปชำระค่าส่งไปรษณีย์ด่วนอีก 60 บาท จะมีเจ้าหน้าที่อยู่ตรงจุดให้บริการอยู่ใกล้ๆ เมื่อเสร็จภารกิจทุกอย่าง ก็สามารถรอรับหนังสือเดินทางได้ที่บ้านเลยน่ะค่ะ ประมาณ 3 วัน ทางไปรษณีย์ก็จะทำการจัดส่งมายังที่อยู่ตามที่เราให้ข้อมูลตอนไปทำนั่นเองค่ะ เมื่อได้รับหนังสือเดินทางแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ การจองตั๋วเครื่องบินนั่นเอง ซึ่งเราจะเล่าให้ฟังว่า ตั๋วเครื่องบินของเรา เพื่อนเป็นคนจองให้น่ะค่ะ ซึ่งเขาจองให้เป็นของสายการบิน Oman Air น่ะทุกคน เป็นสายการบินที่ดีมากสำหรับเราน่ะค่ะ บริการดีเครื่องบินลำใหญ่ อาหารอร่อย ราคาอยู่ที่ 14,000 บาท รวมไปกลับ แต่ว่าสายการบินนี้ไม่ได้บินตรงน่ะค่ะ เราต้องเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศโอมาน แล้วบินต่อไป เมื่อได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว เพื่อนจะส่งมาให้เราทางอีเมล เพื่อตรวจสอบดู เพราะตั๋วเครื่องบินเป็นแบบ E-tixget เวลาไปเช็คอินที่สนามบินก็ยื่นแค่หนังสือเดินทางกับวีซ่าเท่านั้น ข้อมูลการเดินทางก็จะแสดงเอง หลังจากได้เล่มพาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบินแล้ว ต่อไปก็ถึงประเด็นที่สำคัญก็คือ วีซ่า น่ะค่ะ ทำอย่างไร ที่ไหน ราคาเท่าไร ยุ่งยากหรือเปล่า ไปฟังกันเลย เอกสารที่เราเตรียมไปทำวีซ่าก็มี 1. หนังสือเดินทาง 2. รูปถ่ายสี เป็นรูปถ่ายปัจจุบัน หน้าตรง จำนวน 3 รูป ขนาด 2 นิ้ว 3. สำเนาทะเบียนบ้าน และ สำเนาบัตรประชาชน 4. แบบฟอร์ม Visa ที่กรอกรายละเอียดเสร็จแล้ว ต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษน่ะทุกคน กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน แล้วก็เซ็นชื่อ ซึ่งเรายื่นขอวีซ่าได้ง่ายมาก เพียงแค่ไปที่สถานทูต ตั้งอยู่ที่ สุขุมวิท แล้วยื่นเอกสารทุกอย่างที่เตรียมมาให้ทางสถานทูตทำให้ได้เลย ของเราทำเสร็จก็ได้รับวีซ่าเลย หากคุณผู้หญิงจะเข้าสถานทูต ต้องแต่งกายเรียบร้อย มิดชิด และคลุมผมน่ะค่ะ ทุกคนสามารถดาวโหลดแบบฟอร์มวีซ่าได้เองเลย ของเราคือเพื่อนเรารู้จักกับพี่ที่ทำงานในสถานทูต เขาส่งมาให้เราทางอีเมลแล้วกรอกรายละเอียดทุกอย่างลงไป เมื่อเสร็จแล้วก็ส่งไปให้พี่เขาคืน พร้อมกับถ่ายพาสปอร์ตเพื่อทำวีซ่าให้ วีซ่าของเราจะเป็น e-visa E-Visa เป็นวีซ่าแบบ อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้ติดในเล่มพาสปอร์ต เป็นเพียงเอกสาร 1 แผ่น เท่านั้น ไม่ได้ประทับวีซ่าลงบนเล่มจริงแน่นอน หากท่านจะไปเที่ยวที่อิสราเอล ก็สบายใจได้เลย เมื่อถึงวันเดินทาง เราโดน ตม. เรียกไปค่ะทุกคน โดนเรียกตัวมาสัมภาษณ์เป็นชั่วโมง คอตกเลย จะเป็นอย่างไร รอติดตามตอนไปได้เลยน่ะค่ะ รูปภาพทั้งหมดโดยนักเขียน Inviting4