และแล้วก็มาถึงตอนสุดท้าย ของประสบการณ์การใช้ชีวิต และเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาก่อนอื่นขอเท้าความไป 2 บทความก่อนหน้า https://cities.trueid.net/post/211968 & https://cities.trueid.net/post/212009 คือ หลักการทั่วไปของการใช้ชีวิต และเรียนต่อในต่างประเทศ (Australia) และเคล็ดลับส่วนตัวเคล็ดลับส่วนตัวอย่างที่ผมเรียนคือ โอกาสการเรียนต่อนั้น มิใช่ว่าจะเกิดได้กับทุกคน อาจเป็นเพราะต้นทุนทางการเงินก็ดี *ความสามารถ* ก็ดี และ/หรือด้านอื่น ๆ แต่ผมอยากเน้นปัจจัยตัวที่สอง (ความสามารถ) ครับว่า เราเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงต้นทุนตัวแรกได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ถึงแม้คุณจะมีเพียงพอ ใช่ว่า “ความสำเร็จ” ของการเรียนต่อเมืองนอกจะสำเร็จ ส่วนตัวผมจึงมองว่า การพัฒนาความสามารถ จะเป็นตัวขับเคลื่อนความสำเร็จทางการเงิน และการเรียน/ทำงานฯ อย่างที่ฝรั่งบอกไว้ว่า (ไม่เล่นมุกฝรั่งพูดไทยได้หรือ // แปล ครับแปล) ถ้าคุณอยากรู้ว่า การศึกษามีมมูลค่ามากแค่ไหน ลองเพิกเฉยดู (แล้วคุณจะทราบ) แม้ว่าบางท่านอาจจะค้านผมว่า การศึกษาไม่ใช่ตัวแปรวัดความสำเร็จ ก็ถูกของคุณ แต่คงไม่มีใครปฏิเสธผมนะครับว่า การที่คุณเรียนดี น่าจะถือเป็นต้นทุนที่จะทำให้คุณต่อยอดได้นะครับ ดังนั้น หากผู้อ่านมีลูกมีหลาน ฝากบอกน้อง ๆ ตั้งแต่ยังเด็ก เพราะตราบใดที่ผลการเรียนยังถือเป็นการวัดมาตรฐานขั้นต่ำ ของการเรียนต่อทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงสอบชิงทุน ดังนั้น ตั้งใจเรียนนะครับและทำกิจกรรม รวมถึงดูแลสุขภาพด้วยนะครับpeak ใน peakกลับมาเข้าเรื่องใช้ชีวิตที่สหรัฐอเมริกานั้น ผมบอกเลยว่า peak ใน peak ไปอีก เพราะจากประสบการณ์ที่ออสเตรเลีย สอนให้ผมรู้ว่าแค่หาที่พักยังไม่ถือว่า -จบ- แต่มันรวมถึงการหาสาธารณูปโภคด้วย ไม่ว่าจะเป็นขอเปิดใช้ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต ทำเองหมดจ้าเมื่อมาถึงที่เบิร์กลีย์ สิ่งที่ต้องระลึกไว้เสมอ คือแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ จะอยู่อย่างไรตลอดหนึ่งปีแบบประหยัดจากข้อ 2.1 ทำอาหารทานเองสิครับ เพราะออกไปซื้อเอง แพง!ถ้าคิดจะทำอาหารทานเอง ระวังควันเพราะมีควันแล้ว smoke censor อาจจะดัง ยกตัวอย่างผมแอบได้ยินว่าคนไทยบางกลุ่ม อยากทานผัดกะเพรามาก พอลองทำทาน มีคนโทรแจ้งว่า ห้องข้าง ๆ อาจจะทำไฟไหม้ แท้จริง คือ นางได้กลิ่นผัดกะเพราะ (แม้คนไทยบอกหอม แต่ต่างชาติไม่หอม)แอบมีเรื่องตลกมาเม้า ตอนอยู่ด้วยกันกับคนไทยอีก 2 คน มีอยู่วันหนึ่งครับ ร้านอาหารใกล้ที่พักพวกเรา เกิดควัน (ร้านอาหารมีเพลิงไหม้) ด้วยความที่เป็นคนคงแก่เรียน 3 คนไทย วิ่งลงมาโดย ถือพวกคอมพิวเตอร์ หนังสือ บลา ๆ แต่มิยักจะมีผู้ใดเอากระเป๋าสตางค์ลงมาเลย ห่วงความรู้ไม่ห่วงเงินเลย ฮ่า ๆ เหตุการณ์นี้สอนให้รู้ว่าใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกจงมีสติ และเตรียมตัวตลอดเวลา สมมติเล่น ๆ เกิดมีเพลิงไหม้ขึ้นมาทางบันได หรือลิฟต์ และบังเอิญคุณจำเป็นต้องหนีเอาชีวิตรอดทางหน้าต่างเท่านั้น คุณต้องคิดว่าจะออกจากห้องอย่างไรหน้าต่างครับ! ถ้ากระโดดจากหน้าต่าง ขาอาจหักได้ ดังนั้น ฟูกครับ โยนไปก่อนเพื่อให้พื้นไม่แข็งมาก ตัดสัญญาณไฟฟ้า แล้วเอกสารสำคัญประจำตัว ส่วนมือถือแม้จะสำคัญมาก ถ้าไม่จำเป็นก็ทิ้งไว้ครับหาซื้อใหม่ได้ แต่ถ้าคุณคิดว่าเอาติดตัวไปดีกว่า จงหาอะไรห่อไว้ด้วยเพราะโยนเครื่องลงพื้น 100 ทั้ง 100 แตก! ต่างอะไรกับการทิ้งไว้ในห้อง?จาก ทั้ง 3 ภาค ผมแค่อยากจะมาบอกว่า วิธีการเหล่านี้มันไม่ใครบอก/เขียนลงตำราวิชาการ แต่มันคือประสบการณ์ล้วน ๆ สำหรับผู้อ่านที่กำลังจะไปเมืองนอก ก็เก็บประสบการณ์ผมไว้ประยุกต์ใช้ ส่วนใครที่ไม่เคยไปเรียนต่อ อ่านไว้เพื่อวันหนึ่งคุณจะได้ไปบ้างท้ายนี้ ผมย้ำรอบที่ล้านว่า ไปเรียนต่อเมืองนอก ความรู้ได้แน่ ๆ แต่สิ่งที่นักเรียนเมืองนอกได้ แต่คนเรียนในไทยไม่มี คือ การใช้ชีวิตท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีภาษาไทยเลย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พื้นที่สะดวกสบาย (Comfort zone) ของการใช้ชีวิตต่างแดน มันน้อยกว่าในประเทศ แต่การเรียนต่อเมืองนอก ไม่ใช่สิ่งที่ยืนยันว่าคุณเหนือกว่าคนเรียนในประเทศนะครับ แต่การเรียนเมืองนอกนั้น คุณมีหน้าที่หนึ่งที่สมควรตระหนัก คือ นำความรู้มาพัฒนาประเทศอย่างไรมากกว่า - จบสวยสุด-ท้ายที่สุด ขอบพระคุณภาพปก โดย Vladyslav Cherkasenko จาก unsplshรูปที่ 1 โดย freepik จาก freepikรูปที่ 2 โดย wirestock จาก freepikรูปที่ 3 โดย wirestock จาก freepikรูปที่ 4 โดย pch.vector จาก freepik