เตรียมตัวให้พร้อมก่อนถ่ายพรีเวดดิ้ง 1

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนถ่ายพรีเวดดิ้ง 1

วันแต่งงานคือช่วงเวลาสำคัญของชีวิต สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในปัจจุบันคือภาพถ่ายก่อนแต่งงาน ทั้งเพื่อจะนำไปใส่การ์ดเชิญ ภาพประดับในวันงาน หรือบางคู่อาจนำภาพไปใช้ประกอบในของที่ระลึกสำหรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน จากประสบการณ์ที่อยู่เบื้องหลังการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งมามากมายจึงมักพบปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในวันถ่ายภาพ จึงอยากมาแนะนำบ่าวสาวที่กำลังเตรียมการแต่งงานในขึ้นตอนนี้

ตั้งงบประมาณสำหรับถ่ายภาพ

ถ้ามีงบเยอะทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เราฝันแน่นอน จะให้ไปถ่ายที่ปารีส โตเกียว ก็ย่อมได้ จะเลือกช่างภาพ ชุด ช่างแต่งหน้าทำผม ทีมงานเป็นใครย่อมไม่มีปัญหา จะมีปัญหาแน่นอนหากงบน้อยแต่จะเอาหรู (ปาดเหงื่อ) ดูตามหลักความเป็นจริงย่อมเป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้เลย

มองหาร้านที่ถูกตาต้องใจ

หากเราไม่ชอบให้รีบบอกอย่าปากหนักเกรงใจตอนนั้น อย่ารอจนถ่ายเสร็จแล้วค่อยมาตำหนิว่าไม่ชอบทรงผมแบบนี้หรือการแต่งหน้าแบบนี้ บางรายถึงขั้นกดดันให้ร้านถ่ายให้ใหม่ อย่าเกรงใจในเวลาที่สมควร

ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะแพคเกจถูกหรือแพงสิ่งหนึ่งที่อยากบอกคือถ่ายภาพขึ้นมาจริงๆ ทำผมทรงไหนมาแทบไม่เห็นเท่าไรนัก ยิ่งถ้าเราใส่เวลคลุมผมด้วยแล้วยิ่งมองยาก ดังนั้นไม่ต้องกังวลนัก ที่ควรคิดให้ดีคือการแต่งหน้าทำผมวันแต่งงานหรือที่เรียกว่าวันจริง เพราะไม่สามารถใช้โปรแกรมตกแต่งรูปช่วยเหลือได้ อีกประการหนึ่งคือ อย่าคิดไปเองว่าจ้างช่างมาแพงแล้วเท่ากับสวย ดูผลงานเขาให้ดีก่อนจ้าง ให้เราพึงพอใจและชอบจริงๆ

การแต่งหน้าเจ้าสาวส่วนใหญ่จะแตกต่างกับการแต่งหน้าออกงานหรือประกวดนางงาม โดยมักจะแต่งในแนวหวานละมุนนุ่มนวล เช่น สีปากอาจจะไม่แดง ไม่เด่น หากพาแม่หรือผู้ใหญ่ในบ้านมาในวันถ่ายภาพควรอธิบายให้ท่านทราบถึงเทรนการแต่งหน้าด้วย เพราะมีเหมือนกันที่แม่มาโวยวายทางร้านว่าแต่งหน้าซีดมาก ไม่เด่นไม่เด้ง แต่ถ้าหากเจ้าสาวเป็นคนชอบการแต่งหน้าแนวนั้นก็ไม่ได้ผิดใดๆ แจ้งช่างแต่งหน้าแต่งในแบบที่ตนชอบได้ แต่ขอเตือนเล็กน้อย เวลาแต่งสีภาพออกมาแล้ว ทุกอย่างจะชัดเจนมาก สีสันจะสดใสทันตา ใครทาปากแดงจะแด๊งแดงเกินห้ามใจ แก้มแดงก็แดงเกินต้าน เพราะการแต่งหน้าพรีเวดดิ้งจะแต่งให้เหมาะสำหรับการถ่ายภาพโดยเฉพาะ

ควรดูว่าแพคเกจมีอะไรบ้าง

นอกจากสไตล์ภาพที่ชอบแล้ว สิ่งที่มองข้ามไม่ได้คือรายละเอียดที่คุณจะได้รับจากการถ่ายภาพครั้งนี้ บอกแล้วว่างบถึงทุกอย่างเนรมิตได้ แต่หากเรามีงบที่จำกัดควรดูรายละเอียดเปรียบเทียบหลายๆ ร้าน อย่าเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย หากเราประหยัดงบจริงๆ ควรเลือกแพคเกจที่ได้ชุดวันแต่งงานด้วยจะคุ้มกว่า เพราะหากเช่าแยกแพงกว่าแน่นอน หรือบางร้านอาจมีรวมช่างแต่งหน้าทำผมด้วย มีข้อควรคำนึงคือบางทีเราเห็นการแต่งหน้าในวันถ่ายพรีเวดดิ้งแล้วอาจไม่ค่อยถูกใจนัก อยากเปลี่ยนช่างก็ไม่ได้แล้วเสียดายเงิน เพราะอยู่ในแพคเกจเขาไม่คืนให้อยู่แล้ว หากเราไม่ได้ต้องการช่างที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ช่างแต่งหน้าทำผมทั่วไปก็มีฝีมือไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันนัก

ชุดแต่งงานในฝัน

ข้อแนะนำในการเลือกชุดแต่งงานที่สำคัญมากคือ อย่าให้เพื่อน พ่อแม่พี่น้อง ญาติสนิททั้งหลายมาเลือกให้ คนเราชอบไม่เหมือนกัน มิเช่นนั้นจะมีชุดหลากหลายรูปแบบมาทำไม ดีไซเนอร์คิดหัวแทบแตกกว่าจะออกมาหลากหลายแบบให้เราเลือก จงเลือกมันซะ! เท่าที่พบมาคนอื่นจะเลือกชุดในแบบที่เขาชอบ ไม่ใช่ชุดที่เหมาะกับเราจริงๆ หรอก ภาพเหล่านี้จะปรากฏในวันแต่งงานของเราและที่สำคัญมันจะอยู่ในบ้านของเราไม่ใช่บ้านคนอื่น คนที่เราควรสนใจความรู้สึกคือตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเอง เราฝันว่าอยากใส่ชุดแบบไหน ลองทาบดูในกระจก ถามที่ร้านว่าเราสามารถลองได้กี่ชุด เราลองใส่แล้วลองถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์ดูก่อนก็ได้ว่าเราเห็นตัวเองเป็นอย่างไร หากเราเลือกชุดวันถ่ายภาพเลยส่วนใหญ่ทางร้านจะให้เลือกชุดหลังจากแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้ว เพราะจะเห็นภาพได้ชัดเจนกว่าตอนหน้าสด

ชุดที่ใช้ถ่ายภาพหลักๆ จะมีประมาณสี่แบบ คือ 1. ชุดที่มีในร้าน มักให้ลองในวันถ่ายภาพ 2.ชุดเช่าตัด คือการที่เราเลือกแบบชุดสั่งตัดตามขนาดตัวของเรา เมื่อใส่เสร็จจะคืนร้านไป 3.สั่งตัดเมื่อถ่ายภาพเสร็จแล้วนำชุดกลับได้  การเช่าตัดและสั่งตัดจะมีการเลือกแบบ หรือให้ดีไซน์เนอร์ออกแบบ วัดตัว พอเขาตัดเสร็จมาลองชุดแก้ไข การสั่งตัดนั้นในวันที่มาลองชุดโดยมากช่างจะแต่งหน้าทำผมให้เพื่อลองชุดได้อย่างเห็นภาพใกล้เคียงที่สุด 4. ชุดที่นำมาเอง

สถานที่

ดูว่าเราอยากถ่ายภาพในสตูดิโอหรือนอกสถานที่ กรณีสตูดิโอแต่ละร้านจะมีฉากแตกต่างกัน เช่น ฉากสีพื้น ฉากภาพถ่าย ฉากบิ้วด์อิน เราดูในตัวอย่างภาพทางร้านจะเห็นคร่าวๆ ว่าสตูดิโอเขาเป็นแบบไหน และควรถามให้ชัดเจนว่ามีแบบที่เราต้องการหรือไม่ เช่น อยากได้ฉากสีพื้นขาว เทา สีสัน แต่สตูดิโอนั้นมีแค่ขาวและดำเน้นฉากบิวด์อินสวยๆ เราจะไปต่อว่าทางร้านไม่ได้ ควรสอบถามให้แน่ชัดก่อนว่ามีหรือไม่ ไม่ใช่ว่าทุกร้านจะมีรูปแบบเหมือนกันทั้งหมด ถึงขนาดบางร้านไม่มีฉากสีพื้นเลยด้วยซ้ำ หรือไปถามหาฉากบิวด์อินในร้านที่เน้นฉากสีพื้น อารมณ์เดียวกันไม่มีผิด

หากไปถ่ายนอกสถานที่ ส่วนใหญ่จะมีค่าออกกองเพิ่มจากราคาแพคเกจ กรณีนี้ต้องเตรียมการค่อนข้างมาก เช่น ถ่ายในกรุงเทพหรือต่างจังหวัด หากไปต่างจังหวัดต้องค้างคืนไหม พักกี่คืน บ่าวสาวต้องเตรียมที่พักและรถรับส่งสำหรับทีมงานไว้ หรืออาจเตรียมอาหารไว้ให้ บางร้านจะมีรถบริการเพียงแต่จ่ายค่าน้ำมันให้แล้วแต่ตกลงกัน

ข้อเสียของการถ่ายภาพนอกสถานที่คือ เราควบคุมฟ้าฝนไม่ได้ดังนั้นไม่ควรไปหน้าฝน และโปรดอย่าถามทางร้านว่าวันนั้นฝนจะตกไหม .... (ปาดเหงื่อ) โดยปกติหากฝนไม่ตก เราจะสู้กับแดดแทนควรเตรียมร่มส่วนตัวไปด้วยเพราะบางร้านอาจไม่มีไว้ให้เรา มีพัดลมพกพาก็พกมาด้วยเมื่อพักกองจะได้นั่งเย็นๆ

เลือกวันถ่ายภาพ

ควรเลือกวันถ่ายภาพล่วงหน้าก่อนวันงานอย่างน้อยที่สุดหนึ่งเดือน อย่าเร่งรีบกระชั้นชิดเกินไป นอกจากตัวเราเองจะรีบแล้ว ทางร้านต้องรีบยิ่งกว่า คุณอาจได้งานตามต้องการแต่ทางร้านหัวหมุนน่าดู และอาจได้งานที่ไม่เนี๊ยบเท่าการให้เวลาเป็นไปตามที่ร้านกำหนด เพราะทุกร้านจะมีระบบการทำงานของตนอยู่แล้ว

เลือกวันที่เราไม่ต้องรีบถ่ายเพื่อจะไปทำธุระที่ไหนต่อ เพราะการทำงานที่รีบร้อนย่อมไม่ส่งผลดีกับตัวเราเอง บางร้านที่แพคเกจไม่สูงมักมีลูกค้าเยอะในวันเสาร์อาทิตย์ ดังนั้นหากเราสามารถมาวันธรรมดาได้จะทำให้ร้านมีเวลาให้เรามากขึ้น ที่สำคัญควรมาให้ตรงเวลา ทีมงานทุกคนรอเราอยู่ บางครั้งทางร้านวางแผนอย่างเป็นระบบแล้ว เช่น วันนี้มีสองคู่ คู่แรกคือเราถ่ายในสตูดิโอ อีกคู่ที่สองไปนอกสถานที่ ทางร้านอาจนัดเราช่วงเช้าใช้เวลาครึ่งวัน แต่จะทำอย่างไรหากเรามาช้า ไม่ใช่แค่ทีมงานที่รอ ยังมีคู่บ่าวสาวที่ต้องออกไปถ่ายภาพข้างนอกด้วย ไปช้าต้องเร่งถ่ายให้ทันแสง

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ติดตามต่อใน เตรียมตัวให้พร้อมก่อนถ่ายพรีเวดดิ้ง 2

บทความ : ร้อยกะรัต

ภาพประกอบ : ร้อยกะรัต

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !