คงเริ่มเห็นเค้าลางกันมาบ้างแล้ว สำหรับทิศทางการเรียนการสอนของเด็กนักเรียนในช่วงเวลาไวรัสโควิด19 ระบาดกันไปทั่ว และต่อเนื่องลากยาวมาจนถึงฤดูกาลเปิดเทอม เลยเป็นเรื่องที่จำเป็นกับทุกฝ่ายที่จะต้องหันมาสนใจกับการเข้าสู่ระบบการเรียนผ่านออนไลน์ ที่หลาย ๆ ฝ่ายต่างก็คาดเดากันว่ายังไงก็คงต้องเข้ามามีบทบาทกับระบบการเรียนการสอนในโลกอนาคต เพียงแต่ตอนนี้ได้เกิดปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้เราต้องนำมาใช้เร็วขึ้นพ่อแม่หลายคนคงเริ่มกังวลใจว่า เราจะพร้อมกับระบบใหม่ที่เข้ามาแบบยังไม่ทันให้ตั้งตัว ตั้งรับกันไหวไหม แล้วจะมีรูปแบบ ลักษณะเป็นแบบไหน ต้องเตรียมสิ่งใดบ้าง จะพร้อมพอไหม ถ้าหากเกิดความกังวลใจมากมายขนาดนี้แล้วละก็ งั้นเรามาหาข้อมูลเบื้องต้น เพื่อทำความเข้าใจ และทำความรู้จักกันก่อนที่จะต้องเริ่มใช้กันจริง ๆ จัง ๆ ในอีกไม่นานต่อจากนี้ เราต้องเตรียมอะไรบ้าง1. Facility อุปกรณ์การเรียนรู้ อันได้แก่ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และสัญญาณอินเตอร์เน็ต ซึ่งในอุปกรณ์แต่ละอย่างก็มีมาตราฐานพื้นฐานในตัวเองระดับหนึ่งอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลว่าอุปกรณ์ที่บ้านจะสามารถใช้ได้หรือไม่ เพียงแต่รายละเอียดปลีกย่อย เช่น ระบบปฎิบัติการรุ่นเก่ารุ่นใหม่ จะทำให้แตกต่างกันในเรื่องของความเสถียร และความเร็วในการประมวลผลเท่านั้นเอง2. Students ความพร้อมของนักเรียน ในส่วนของตัวเด็กเอง สิ่งที่เราจะต้องพิจารณาอันดับแรก คือ การประเมินตัวลูกว่า เด็กมีต้นทุนความรู้ก่อนการเรียนมากน้อยแค่ไหน หากลูกเรายังมีความเข้าใจเบื้องต้นต่อบทเรียนนั้น ๆ ยังไม่ดีพอ ควรให้ทบทวนบทเรียนก่อนเริ่มเรียนจริง เพราะการเรียนออนไลน์ คุณครูคงทำการสังเกตุเด็กว่าคนไหนตามไม่ทันได้ยากกว่าห้องเรียนจริงเป็นแน่ ในขั้นต่อมาดูถึง ความรับผิดชอบ และวินัย หรือความพร้อมในการควบคุมตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการเรียนแบบออนไลน์ เพราะจะมีสิ่งเร้ามาช่วยเบนความสนใจของเด็กมากมายกว่าห้องเรียนที่ควบคุมปัจจัยภายนอกได้ดีกว่า 3. Teacher คุณครู ในส่วนนี้อาจจะงงกันว่า เราจะไปเตรียมพร้อมคุณครูได้อย่างไร ในความเป็นจริงแล้วคงมิใช่การไปช่วยครูเตรียมการสอน แต่ข้อดีของการเรียนออนไลน์ ที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งเลย คือ ผู้ปกครองสามารถเห็นถึงการสอนของครูซึ่งเราไม่สามารถเข้าไปรับรู้ได้ในการเรียนแบบระบบปกติ ดังนั้นการที่เราจะช่วยคุณครูดูว่าเนื้อหาการสอนของครูน่าสนใจ และเนื้อหาตรงประเด็นดีไหมก็เสมือนเป็นการช่วยครูประเมินการสอนได้อีกทางหนึ่ง แต่ข้อพึงระวังคือ เราจะไม่เข้าไปแทรกกลางในระหว่างชั่วโมงการสอน มีอะไรคงต้องรอจบ และไปแนะนำกันนอกรอบจะดีกว่า ดังนั้นการจัดตั้งช่องทางที่ช่วยในการสื่อสารถึงกันระหว่างคุณครูกับผู้ปกครองจึงควรมี อาจจะเป็น เบอร์โทรศัพท์ หรือ Line ของคุณครูที่ตั้งขึ้นเฉพาะเมื่อเราได้ตระเตรียมความพร้อมในด้านอุปกรณ์ และส่วนต่าง ๆ ที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้แล้ว ในทีนี้สิ่งสำคัญอีกอย่างที่เราควรจะต้องเตรียมเพื่อรองรับการเรียนแบบออนไลน์นั่นคือ ความพร้อมทางด้านจิตใจทั้งต่อตัวเด็กเอง และต่อตัวผู้ปกครองที่จะต้องร่วมกันเรียนรู้สิ่งใหม่สำหรับระบบการศึกษาของไทยนี้ไปด้วยกันSelf Regulation การควบคุมตนเอง เป็นคำที่ฟังดูเหมือนง่ายแต่ความเป็นจริงแล้วเป็นสิ่งที่เราจะต้องพัฒนา ฝึกฝน ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากต่อการพัฒนาเด็ก เด็กไทยโดยส่วนมากมักจะขาดสิ่งนี้ เนื่องจากมีคนคอยดูแล จัดการให้ เด็กเพียงแต่เดินไปตามกรอบระเบียบที่ทั้งทางโรงแรียน และที่บ้านจัดสรรไว้ให้ ดังนั้น การควบคุมตนเอง กับการทำตามคำสั่งจึงต่างกัน แม้ดูจากผลลัพธ์อาจจะเหมือนกันก็ตาม แต่ในวิกฤตครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะมาร่วมกันพัฒนาให้เด็กได้เพิ่มศักยภาพในเรื่องของการควบคุมคนเอง ซึ่งมีองค์ประกอบ 6 อย่าง ที่ผู้ปกครองอย่างเรา ๆ สามารถร่วมสร้างให้แก่เด็กได้ +Motive แรงกระตุ้น การสร้างแรงกระตุ้น เริ่มจากการตั้งเป้าหมาย สอนให้ลูกเรารู้จักการตั้งเป้าหมายโดยเริ่มจากเป้าหมายระยะสั้นก่อน จะทำให้เด็กเห็นผลลัพธ์ไว และมีแรงจูงใจในการตั้งเป้าหมายต่อ ๆ ไป ในการตั้งเป้าหมาย สิ่งที่ต้องคำนึงถึงหลัก ๆ คือ ควรเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจง สามารถวัดได้ ทำให้เป็นจริงได้ ตรงประเด็น และมีระยะเวลากำหนดได้แน่นอน+Method of Learning การค้นหาวิธีการเรียนรู้ คือ การให้ลูกค้นหาตัวเองดูว่าเป็นคนชอบวิธีการเรียนรู้แบบไหน บางคนชอบจดโน้ตลงสมุด บางคนชอบถาม บางคนชอบวาดออกมาเป็นภาพ Mind Set คงต้องให้เขาลองค้นหาวิธีที่จะทำให้สามารถเข้าใจบทเรียนได้ง่ายขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการไปได้เรื่อย ๆ +Time การจัดการเรื่องเวลา นับเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ให้เด็กได้ฝึกเรียนรู้การจัดการเวลาต่องานของเขาเอง อาจทำเป็นตารางก่อนหลังงานไหนสำคัญ เร่งด่วน เป็นลำดับขั้นหนึ่ง สอง สาม จะทำให้เขาสามารถจัดการได้ดียิ่งขึ้น+Psysical Environment สำรวจสภาพแวดล้อม เมื่อเป็นการเรียนแบบออนไลน์ สิ่งที่เด็กจะมีต่างกันอย่างแน่นอนเลย คือ สภาพแวดล้อม เพราะแต่ละบ้านคงแตกต่างกันไป แต่ข้อดีอย่างหนึ่งเลยก็คือ เราสามารถจัดสภาพแวดล้อมไปในแบบที่เด็กชอบได้ ไม่ต้องกำหนดตายตัวเป็นแบบห้องเรียนเหมือนที่โรงเรียน ลองสำรวจดูว่าลูกชอบแบบไหน เช่น อุณหภูมิ แสงความสว่าง มีการเคลื่อนไหวได้ แบบโต๊ะที่ชอบ เสียงความเงียบในระดับใด เป็นต้น+Social Environment สภาพแวดล้อมทางสังคม นั่นคือให้เด็กรู้ได้ว่าหากเกิดปัญหาที่สงสัยในเรื่องใด ๆ สามารถสอบถามกับผู้ใด คนในครอบครัวคนไหนได้บ้าง+Performance ประเมินผลการดำเนินงาน เมื่อเรียนไปได้สักพัก อาจต้องมาพูดคุยกับลูกเพื่อให้เขารู้จักการประเมินผลจากการเรียนแบบออนไลน์ เช่น อะไรที่คิดว่าทำให้เรียนแล้วเข้าใจ ต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม สิ่งที่เรียนไปแล้วได้อะไรมาบ้าง เป็นต้น การประเมินผลเป็นเพียงการประเมินกับตนเองเท่านั้น ไม่ได้ชี้วัดสิ่งใด แต่จะช่วยให้เราสามารถพัฒนาในครั้งต่อ ๆ ไปได้ ช่วยให้การเรียนประสบผลยิ่งขึ้นสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการเตรียมความพร้อมเบื้องต้นสำหรับการเรียนรู้แบบออนไลน์ ซึ่งถึงแม้ว่าการเรียนออนไลน์จะถูกนำมาใช้ในการเรียนของไทยเราหรือไม่นั้น แต่การเตรียมตัวในเรื่องเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ดีในอนาคต เพราะถึงแม้ว่าระบบการเรียนหลักอาจยังไม่พร้อมในเร็ววัน แต่ถึงอย่างไรการเรียนพิเศษนอกห้องเรียนต่าง ๆ ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีในการใช้ระบบออนไลน์มาสอน เพราะจะได้ลดเวลาการเดินทางลงให้เด็กได้มีเวลาพัก เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ นอกตำราเรียนลงไปได้บ้าง ถ้าเราสามารถนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของมนุษย์ได้ก็เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนและสามารถติดตามบทความเกี่ยวกับแหล่งเรียน Online ฟรีอื่น ๆ ได้ โดยคลิกที่ https://bit.ly/2LI0hpwขอขอบคุณภาพประกอบบทความ รูปที่ 1 Pexels/Pixabay รูปที่ 2 StartupStockPhoto/Pixabay รูปที่ 3 ArtsyBee/Pixabay รูปที่ 4 DavidRockDesign/Pixabay รูปที่ 5 27707/Pixabay รูปที่ 6 greymatters/Pixabay