อะไรคือ ความทันสมัยแบบจีน ??ตามทัศนะของนักมานุษยวิทยาชาวจีนท่านหนึ่ง มองว่าความทันสมัยแบบจีนคือการผสมผสานระหว่างวาทกรรมความทันสมัยแบบตะวันตก เช่น เรื่องความก้าวหน้า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมเข้ากับวิธีการคิดแบบจีน ซึ่งก็คือสังคมนิยมแบบจีน ที่ประชาชนยังถูกรัฐควบคุมในบางด้าน รวมทั้งมีการใช้เศรษฐกิจแบบวางแผน เหล่านี้เอง คือความทันสมัยแบบที่นักวิชาการได้กล่าวถึงเติ้งเสี่ยวผิง (邓小平) หนึ่งในผู้นำคนสำคัญของจีนที่ได้ปฏิรูปประเทศจีนและวางรากฐานสู่ความทันสมัยแบบจีนหลายด้านด้วยกัน โดยเติ้งมองว่า ความทันสมัยแบบจีนคือการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และแนวคิดเชิงอนุรักษณ์นิยมของผู้นำ ซึ่งเติ้งมองว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ประเทศจีนร่ำรวยและเข้มแข็ง จึงเน้นการปฏิรูปเศรษฐกิจเป็นหลัก นำมาสู่การใช้ทุนนิยมเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ ดังคำกล่าวที่ว่า “แมวไม่ว่าจะสีอะไร ขอเพียงจับหนูได้ก็พอ” – เติ้ง เสี่ยว ผิงคำกล่าวนี้หมายถึง รัฐจีนที่ถึงแม้จะมีการปกครองแบบสังคมนิยม แต่ก็ไม่สำคัญว่าจะใช้แนวคิดใดในการพัฒนาเศรษฐกิจหรือเพื่อไปสู่เป้าหมาย เพียงแค่สามารถไปถึงเป้าหมายได้ก็เพียงพอแล้ว นั่นคือการใช้ระบบทุนนิยมในการพัฒนาเศรษฐกิจ ในระบบการปกครองแบบสังคมนิยมนั่นเองนอกจากนี้ เติ้งยังมีแนวนโยบายที่สำคัญที่วางรากฐานให้เกิดความทันสมัยแบบจีนอย่างแข็งแกร่ง คือนโยบายสี่ทันสมัย โดยเน้นพัฒนาในด้านการเกษตร อุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการป้องกันประเทศ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างพลังการผลิต ขยายตลาดภายใน สร้างสัมพันธ์จีนกับตลาดโลก โดยเติ้งต้องการที่จะยกระดับสังคมจีนสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งจะต้องมีความเจริญก้าวหน้าในรอบด้านอีกทั้งเติ้งยังมองว่า ความร่ำรวย คือ ความรุ่งโรจน์ โดยไม่สำคัญว่าใครจะรวยก่อน นำมาสู่นโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นการกำหนดพื้นที่ทดลองตามแนวชายฝั่งจีนสี่แห่ง ได้แก่ เซินเจิ้น (Shenzhen) ซัวเถา (Shantou) จูไห่ (Zhuhai) และ เซี่ยเหมิน (Xiamen) เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ถือเป็นเขตพื้นที่ที่เปิดสู่โลกภายนอก ทำให้เกิดการหลั่งไหลเข้าออกของผู้คน ทั้งนักธุรกิจ นักเรียน นักศึกษา นำมาสู่การแลกเปลี่ยนความรู้ในด้านต่างๆ ซึ่งเติ้งมองว่า การศึกษาเป็นรากฐานของความรู้ ความสามารถ จึงเคารพความสามารถของทุกคน ไม่ว่าจะทั้งกำลังกายหรือกำลังสมอง รวมทั้งให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความรู้และการพัฒนาตัวเอง อันมีที่มาจากปรัชญาขงจื๊อ (孔子) ในเรื่อง Xiu shen (修身) เป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง หรือ self-improvementนอกจากนี้ เติ้งยังเป็นผู้นำที่มีจิตวิญญาณแบบวัฒนธรรมจีน เขามีความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกหลานชาวจีน มีความรักต่อผืนแผ่นดินแม่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงค่านิยมแบบขงจื๊อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความกตัญญู ความจงรักภักดี ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ และความชอบธรรมแม้ว่าปรัญชาขงจื๊อในยุคของเติ้งเสี่ยวผิงจะไม่เข้มข้นเท่าในปัจจุบัน แต่ก็ยังคงแสดงให้เห็นผ่านตัวผู้นำและค่านิยมที่เขามีต่อประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งในภายหลังจากยุคของเติ้ง คือยุคของ เจียงเจ๋อหมิน และหูจิ่นเทา ได้เริ่มมีการรื้อฟื้นปรัชญาขงจื๊อกลับมาอีกครั้ง ซึ่งได้ใช้เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความทันสมัยแบบจีน จะเห็นได้ว่า “ความทันสมัยแบบจีน” ในยุคของเติ้งเสี่ยวผิง ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปเศรษฐกิจเป็นสำคัญ นำมาสู่นโยบายต่างๆดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น รวมทั้งยังได้รักษาแนวคิดเชิงอนุรักษ์นิยมของผู้นำจีน เป็นสังคมนิยมแบบจีนที่มีรูปแบบพิเศษ นั่นคือการใช้ทุนนิยมเป็นเครื่องมือการพัฒนาเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังไม่ละทิ้งจิตวิญญาณของวัฒนธรรมจีน หรือการมีความคิดตามปรัชญาขงจื๊อที่มีความสำคัญต่อสังคมวัฒนธรรมจีนกว่าพันปี จะเห็นได้ว่า การปฏิรูปจีนไปสู่ความทันสมัยแบบจีนในยุคของเติ้งเสี่ยวผิง เป็นความทันสมัยแบบทางเลือกที่ต่างจากกรอบสำเร็จรูปของตะวันตก ขอขอบคุณรูปปก, รูปประกอบที่2, รูปประกอบที่3 รูปประกอบที่1 โดยนักเขียน