ในการจะเข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมปลายนั้นนักเรียนส่วนใหญ่มักจะเลือกเข้าเรียนในสายการเรียนวิทยาศาสตร์ เนื่องด้วยการเลือกเรียนมัธยมปลายในสายวิทย์นั้นถือเป็นการเพลย์เซฟว่าหากเรายังไม่ค้นพบตัวตนว่าอยากจะเป็นอะไรการเรียนสายวิทย์นั้นจะทําให้เรามีหน่วยกิตของวิชาสายวิทย์เผื่อไว้เวลาเราต้องการเข้าศึกษาในสาขาวิชาสายวิทย์ในระดับอุดมศึกษาเราจะได้มีหน่วยกิตพอที่จะยื่นเข้ามหาวิทยาลัย จากประสบการณ์การเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในสายการเรียน วิทย์-คณิต นั้นบอกได้เลยว่าไม่ได้ง่ายเหมือนชั้นมัธยมต้น ทั้งด้านเนื้อหา ทั้งการบ้าน ทั้งปฏิบัติการ และสำหรับนักเรียนชายแล้วยังมีเรื่องการเรียน รักษาดินแดนหรือว่า รด. เข้ามาอีกด้วยแล้วเนี่ยถือว่าการเรียนสายวิทย์เป็นงานหนักเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นหากเรารู้เทคนิคในการเรียนสายวิทย์นั้นก็จะสามารถประหยัดเวลาในการทำอย่างอื่นได้ด้วยสำหรับเทคนิคที่ผมจะมานำเสนอให้ทุกท่านได้อ่านกันมีทั้งหมด 5 เทคนิคและเป็นเทคนิคที่ผมใช้ในการเรียนวิชาสายวิทย์ และถ้าหากเทคนิคทั้งห้านี้ได้ผลกับผู้อ่านผมจะดีใจมากๆครับ1) จำสูตรจากการพิสูจน์ ในการเรียนวิชาในสายการเรียนวิทยาศาสตร์นั้นไม่ว่าจะเป็น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ก็มีสูตรให้จำกันทั้งนั้น และหากเราเอาแต่ท่องจำท่องซ้ำไปซ้ำมาเพื่อให้จำได้ก็จะใช้เวลานานและหากบางสูตรมีตัวแปรคล้ายกันก็จะเกิดความสับสนได้แต่ถ้าหากเราจำจากการพิสูจน์เราก็จะไม่เกิดความสับสนในตัวแปรและยังมีความเข้าใจมากกว่าวิธีท่องจำ ยกตัวอย่างเช่นการจำเอกลักษณ์ตรีโกณมิติ(ซึ่งมีเยอะมาก)หากเราจำจากการท่องจำอาจเกิดความสับสนได้ แต่ถ้าคุณรู้ที่มาว่ามันมาจากวงกลมรัศมีหนึ่งหน่วยเราก็แค่วาดรูปวงกลมและวาดสามเหลี่ยมจากจุดศูนย์กลางเพื่อพิสูจน์เอกลักษณ์ถ้าหากในห้องสอบเรานึกสูตรไม่ออกแต่เรารู้ที่มาเราก็สามารถพิสูจน์จนไปหาสูตรได้2) จำชื่อต่างๆด้วยรากศัพท์ภาษา ในวิชาสายวิทย์อย่าง ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยานั้นเรามักจะเจอคำศัพท์แปลกๆเช่นทําไม "โซเดียม" สัญลักษณ์ Na ไม่อ่านว่า "นา" แต่อ่านว่าโซเดียม ซึ่งเรื่องนี้ก็มีเบื้องหลังครับ เมื่อก่อน Na นั้นอ่านว่า "เนเทรียม" ซึ่งยังมีอีกหลายธาตุที่สัญลักษณ์กับคำอ่านไม่ตรงกันซึ่งเป็นชื่อเดิมในภาษาละตินและภาษาเยอรมัน นอกจากนั้นยังมี "cauda equina" กลุ่มรากประสาทซึ่งรูปร่างคล้ายหางม้า cauda equina ในภาษาละตินนั้นแปลว่า หางม้า ในวิชาชีววิทยาเรามักจะเจอรากศัพท์ภาษาละตินเยอะมากๆเนื่องจากภาษาละตินเป็นภาษาที่ตายแล้วหรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วนั่นเอง การรู้รากศัพท์นั้นทำให้เราสามารถเดาความหมายของคำศัพท์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้ 3) คิดเลขไวโดยคิดทางอ้อม เทคนิคนี้ผมจะยกตัวอย่างแค่บางกรณีเท่านั้นเพราะเทคนิคนี้ขึ้นอยู่กับ "number sense" ของผู้อ่านด้วย การคิดเลขโดยตรงบางทีจะยากกว่าการคิดโดยอ้อม ตัวอย่างเช่น 748*50 หากคิดทางตรงก็คือคูณไปดื้อๆก็อาจจะคิดนานกว่าคิดทางอ้อม หากคิดทางอ้อมก็จะได้เป็น 748*(100/2) สังเกตเห็นว่าทั้ง 100/2 และ 50 นั้นเท่ากันแต่การคูณด้วย 100 นั้นจะเร็วกว่าเพราะแค่เติมเลข 0 ไปสองตัวแล้วหารสองเท่านั้นไม่ต้องมานึกแม่ห้าให้เสียเวลา อีกทั้งยังมีการคูณด้วยทศนิยมวิธีทางตรงก็คือคูณไปดื้อๆแต่ถ้าหากเราแปลงทศนิยมนั้นให้เป็นเศษส่วนก็จะทำได้ง่ายกว่า โจทย์ในแต่ละข้อมีวิธีย่นระยะเวลาในการทำมากมายและแตกต่างกันซึ่งผมยกตัวอย่างมาเพียงแค่สองวิธี ที่เหลือก็อยู่ที่ number sense ของท่านผู้อ่านแล้ว4) เตรียมพร้อมก่อนเรียนและปฏิบัติการ การอ่านหนังสือก่อนเรียนจริงและการอ่านคำชี้แจงปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ก่อนทำทดลองนั้นเป็นเรื่องดี เนื่องด้วยช่วงท้ายของมัธยมปลายผมมีนิสัยที่ชอบเวลาตัวเองดูฉลาดจึงมักอ่านหนังสือมาก่อนเรียนและดูวีดีโอการทดลองก่อนทดลองจริงมาทำให้การเรียนในห้องผมมักจะตอบคำถามได้ ซึ่งการเตรียมตัวมาก่อนก็เป็นการทบทวนให้พอมาเรียนจริงแล้วเราจะเข้าใจได้เร็วขึ้น5) เรียนเพื่อสอนผู้อื่น เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ผมไม่ได้เป็นคนคิดขึ้นผมเป็นเพียงผู้ใช้เทคนิคนี้แล้วได้ผลเพียงเท่านั้นเทคนิคนี้เป็นเทคนิคของนักฟิสิกส์รางวัลโนเบลอย่าง ริชาร์ด ไฟน์แมน โดยสรุปมาเรียบง่ายได้ความว่า "วิธีการเรียนที่ดีที่สุดคือการเรียนไปสอนผู้อื่น" วิธีนี้ได้ผลกับผมมากและผมมีโอกาสได้ใช้วิธีนี้เนื่องจากครูสอนวิชาเคมีที่โรงเรียนผมใช้วิธีให้ผู้ที่สอบผ่านสอนให้ผู้ที่สอบไม่ผ่านเพื่อที่จะได้เพิ่มคะแนนแล้วผมก็ได้สอบผ่านวิชาเคมีในช่วงท้ายๆของมัธยมตอนปลายและได้มีโอกาสสอนเคมีอินทรีย์ให้เพื่อนที่สอบไม่ผ่าน การที่เราคิดว่าจะอธิบายอย่างไรให้ผู้อื่นเข้าใจนั้นนอกจากจะเป็นการทบทวนเนื้อหาไปในตัวแล้วยังเป็นการหาวิธีจำใหม่ๆไปในตัวด้วย ซึ่งผมได้อ่านหนังสือเคมีอินทรีย์ใหม่อีกรอบและได้สรุปเป็นคำในแบบของผม ผลก็คือทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ลืมเนื้อหาเคมีอินทรีย์ในวันนั้นและไม่ใช่การท่องจำผ่านๆแต่เป็นการเข้าใจถึงที่มาที่มาของภาพ : https://th.wikipedia.org/wiki/สำหรับเทคนิคทั้งห้าวิธีทีผมได้เรียบเรียงมาก็มีเท่านี้ การเรียนนั้นต้องมีวินัยอาจกล่าวได้ว่าเรายอมเสียอิสรภาพเพื่อให้ได้อิสรภาพมาหากเรามีวินัยเรียนได้ไวเข้าใจได้ไวเราก็จะมีเวลาไปทำอย่างอื่นที่เราอยากทำตามใจได้ ขอให้ทุกท่านที่นำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ประสบผลสำเร็จทุกท่านนะครับ