สวัสดีค่ะผู้อ่านที่น่ารักทุกคน ผู้เขียนเชื่อว่ามีผู้อ่านจำนวนไม่มากก็น้อยที่ต้องใช้โปรแกรม Microsoft Excel เป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน ซึ่ง Excel เป็นโปรแกรมจัดการข้อมูลที่มีประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะ ช่วยให้การบริหารจัดการข้อมูลง่ายขึ้น ประมวลผลขั้นพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว (หากข้อมูลไม่มากเกินไปนะคะ) และยังสามารถสร้างแผนภาพสวย ๆ หลากสไตล์ได้อีกด้วย แต่วันนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำ Function ที่น่าสนใจของโปรแกรมนี้ที่มีชื่อว่า “Vlookup” ค่ะ Vlookup เป็น Function ที่ช่วยให้การค้นหาข้อมูลในตารางทำได้ง่ายขึ้นมากเลยค่ะ โดยเฉพาะกรณีที่ตารางนั้น ๆ มีข้อมูลเยอะมากจนไม่สามารถมานั่งหาเป็นรายตัวได้ ซึ่งสำหรับกรณีของผู้เขียนที่จะใช้บ่อย ๆ จะเป็นกรณีที่ต้องการนำข้อมูลจากตารางในหน้าหนึ่งมาเพิ่มลงในตารางอีกหน้าหนึ่ง โดยเงื่อนไขก็คือ ทั้ง 2 ตารางนี้จะต้องมีข้อมูลตัวเดียวกันที่สามารถเชื่อมถึงกันได้ค่ะ ตารางที่ 1(ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)ตารางที่ 2(ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)สมมติผู้เขียนมีตารางอยู่ 2 ชุด ตารางที่ 1 : คอลัมน์ A แสดงชื่อ - สกุล ของพนักงาน และคอลัมน์ B แสดงรหัสแผนกตารางที่ 2 : คอลัมน์ A แสดงรหัสแผนก และคอลัมน์ B แสดงชื่อแผนกถ้าผู้เขียนต้องการเพิ่มคอลัมน์ C ในตารางที่ 1 โดยต้องการให้แสดงข้อมูลชื่อแผนก วิธีการที่ Basic แต่กินเวลาที่สุดก็คือการนั่ง copy ชื่อแผนกมาใส่ในคอลัมน์ C รายคนค่ะ ซึ่งเป็นอะไรที่เสียเวลามาก ๆ นอกจากนี้ยังเกิดความผิดพลาดได้สูงด้วยค่ะ ดังนั้น เราจะมาดูเทคนิคการใช้ Function Vlookup กันค่ะ(ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)Function Vlookup มีดังนี้ค่ะ=vlookup (lookup_value, table_array, col_index_num, [range_lookup])ซึ่งเรามาดูรายละเอียดทีละตัวกันเลยค่ะLookup_value หมายถึง ค่าที่เราต้องการให้ใช้เป็นตัวหาข้อมูลจากในอีกตารางหนึ่ง ซึ่งหากเริ่มที่ชื่อคนแรกคือ คุณสุชาติ Lookup_value ในที่นี้ก็คือ เลข 2 นั่นเองค่ะTable_array หมายถึง ตารางที่เราต้องการจะหาค่า ก็คือตารางที่ 2 ที่มีคอลัมน์รหัสแผนและชื่อแผนกค่ะ โดยเราต้องลากคลุมตารางที่ 2 ทั้งหมด ก็จะปรากฏขึ้นมาเป็นชื่อ “แผนก!A1:B6” ซึ่งผู้เขียนจะใส่เครื่องหมาย $ หน้าเลขคอลัมน์และแถวทั้งหมดค่ะ เพื่อเป็นการล็อคตารางไว้ไม่ให้เลื่อน ซึ่งจะกลายเป็น “แผนก!$A$1:$B$6” ค่ะCol_index_num หมายถึง หมายเลขคอลัมน์ที่เราต้องการเอาข้อมูลมาใช้ ในกรณีนี้เราต้องการชื่อแผนกซึ่งอยู่ในคอลัมน์ที่ 2 จึงต้องใส่เลข 2 ค่ะ[range_lookup] อันนี้เราจะไม่ใส่ก็ได้นะคะ ไม่ได้บังคับ แต่ถ้าจะใส่ก็มีให้เลือก 2 ค่า คือTrue หมายถึง ให้ค้นหาค่าที่ตรงกันบางส่วนFalse หมายถึง ให้ค้นหาค่าที่ตรงกันทั้งหมด แบบเป๊ะ ๆ เลยค่ะดังนั้น ในกรณีนี้ ผู้เขียนก็จะพิมพ์ที่ตารางที่ 1 ในคอลัมน์ C ว่า =VLOOKUP(B2,แผนก!$A$1:$B$6,2,FALSE)(ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)และเมื่อกด Enter ก็จะมีชื่อแผนกที่ถูกดึงข้อมูลเข้ามาในตารางที่ 1 นี้ค่ะ กลไกการทำงานของ Function Vlookup ก็คือ การนำเลข 2 จากคอลัมน์ B ไปเทียบในตารางที่ 2 ว่า เลข 2 คือ แผนกอะไร ซึ่งเลข 2 คือ ‘แผนกการเงิน’ นั่นเอง และโปรแกรมจะนำชื่อแผนกไปใส่ไว้ในตารางที่ 1 ค่ะ(ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)ถ้าเราต้องการใส่ชื่อแผนกของพนักงานคนอื่น ๆ ก็แค่ลากจาก Cell C 2 ลงมา แค่นี้ก็จะได้ข้อมูลครบหมด โดยไม่ต้องมานั่งใส่รายคนแล้วค่ะ(ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับ Function Vlookup นี้ อยากให้ทุกคนเอาไปใช้กันเพื่อให้การทำงานของเราสะดวกรวดเร็วมากขึ้นค่ะ (ภาพหน้าปกบทความโดยผู้เขียน)