การติดมหาลัยตั้งแต่รอบแรกนั้นเป็นสิ่งที่หลายๆ คนตั้งใจไว้ เพราะมันจะทำให้รู้โล่งใจที่ตนมีที่เรียนตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ต้องเครียดกับการอ่านหนังสือหลายต่อหลายเดือนเพื่อเตรียมตัวสอบกลาง เราเองก็เป็นคนนึงที่อยากจะติดมหาลัยตั้งแต่รอบแรกๆ ให้ได้ เพราะเราขี้เกียจอ่านหนังสือสอบนั้นเอง555 วันนี้เราก็เลยจะมาเปิดพอร์ตของเราให้ดู และแชร์เทคนิคเล็กๆน้อยๆ ที่เราค้นพบระหว่างตอนทำพอร์ต และค้นหาข้อมูล อย่างที่ทุกคนรู้ว่าพอร์ตจะต้องมี 10 หน้า โดยไม่นับ หน้าปก คำนำ สารบัญ ปกปิดท้ายเล่ม สรุปก็คือจำนวนหน้าของพอร์ตที่เราจะต้องทำมีจริงๆ ทั้งหมด 14 หน้า โดยก่อนที่เราจะเริ่มทำอยากให้ทุกคนเอาผลงาน ใบเกียรติบัตรออกมาดูแล้วคัดเอาแต่อันเด่นๆ หรือไม่ก็อันที่ตรงกับคณะ สาขาที่เราจะเข้าให้ได้มากที่สุด หรือถ้ามีน้อยก็ใช้มันทั้งหมดไปเลยแต่ให้เอาอันเด่นๆ ขึ้นหน้าขยายอันใหญ่ๆ ไปเลย สแกนใบเกียรติบัตรให้เรียบร้อย ช่วงที่เริ่มทำจะได้ไม่เสียเวลา แล้วก็ก่อนลงมือทำพอร์ตในโปรกแกรมต่างๆ อยากให้ลองวางแผนดูก่อนว่าพอร์ตเราจะให้หน้าไหนเป็นอะไร แบบไหน ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำพอร์ต เราจะได้ไม่เสียเวลาตอนขึ้นพอร์ตจริง อย่างอันนี้เป็นโครงร่างพอร์ตที่เราออกแบบไว้ก่อนลงทำ ก็ออกแบบไว้หลายๆ โครงร่าง แล้วก็หาอันที่เราชอบที่สุดอันนี้เป็นตัวอย่างโครงร่างของเราที่วางแผนไว้ก่อนเริ่มทำพอร์ต สำหรับบางคนที่ผลงานส่วนใหญ่เป็นใบเกียรติบัตร หรือผลงานที่เด่นที่สุดเป็นใบเกียรติบัตรก็ให้เอาใบเกียรติบัตรขึ้นก่อนกิจกรรมก็ได้ ส่วนคนที่มีผลงานใส่พอร์ตน้อยจะแยกประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา และเกรด เป็นคนละหน้ากันก็สามารถทำได้ หรือคำนำจะเป็นคำนำแบบกล่าวถึงวัตถุประสงค์การทำพอร์ต แล้วค่อยแยกอีกหน้าเป็นเหตุผลที่อยากเรียนคณะนี้ก็ได้ ตัวอย่างโครงร่างสำหรับคนที่มีผลงานน้อยก็ตามรูปข้างล่างเลย ลองดูตัวอย่างอ้างอิง แล้วออกแบบให้เหมาะกับตัวเราเองดูนะมาถึงการลงมือกันสักที มาเริ่มที่หน้าปก หน้าปกจะต้องมีชื่อ นามสกุลของเรา ชื่อคณะ สาขา มหาลัยที่เราจะยื่น ส่วนชื่อโรงเรียนที่เราศึกษาอยู่กับโครงการที่เรายื่นพอร์ต(ถ้าพื้นที่ไม่พอจริงๆ ไม่ใส่ก็ไม่เป็นไร) รูปถ่ายในหน้าปกจะใส่เป็นชุดอะไรก็ได้ให้ดูเรียบร้อย แต่ที่ปลอดภัยที่สุดก็คือเป็นชุดนักเรียน ส่วนชุดพละก็ใช้ได้เช่นกัน แต่ก็จะเหมาะกับคนที่เข้าเกี่ยวกับด้านกีฬาซะมากกว่า หรือใครจะวาดรูปตัวเองออกมาเป็นภาพวาดมาใส่หน้าปกก็ได้เช่นกัน สวยไปอีกแบบ ชื่อนามสกุลของเราควรที่จะเด่น และเลือกฟอนต์ตัวอักษรที่อ่านง่าย ถ้าไม่ได้เข้าภาคอินเตอร์ก็ใช้เป็นภาษาไทยดีที่สุดปกหลังจริงๆ ไม่มีก็ยังได้เลยนะ แต่จะรู้สึกแปลกๆ รึเปล่าก็แล้วแต่พิจารณาตามความเหมาะสมของตัวเองเลย ปกหลังไม่มีอะไรมากก็เป็นการขอบคุณ หรือใครอยากให้พอร์ตเราแตกต่างก็ใส่คำคม หรือข้อความเด็ดๆ บอกตัวตนสั้นๆ ลงไปแทนการเขียนขอบคุณก็ได้เช่นกันการเขียนคำนำที่ดีที่สุดควรเป็นเหตุผลที่เราอยากเข้าคณะนี้ เพราะคำนำที่บอกวัตถุประสงค์ในการจัดทำพอร์ตกรรมการก็มีให้เห็นมาเยอะ หลายต่อหลายเล่ม แถมยังเขียนเหมือนๆ กันอีก แต่อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าหากไม่มีอะไรใส่พอร์ตจริงๆ แล้วหน้าพอร์ตเหลือว่างเยอะ จะใส่วัตถุประสงค์ในการจัดทำพอร์ต แล้วแยกเหตุผลที่อยากเข้าคณะนี้ไปอีกหน้าก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ควรมีสักหน้าที่บอกเหตุผลที่อยากเข้าคณะนี้ไว้สักหน้านึงนะ(ไม่ต้องเขียนยาว แค่สั้นๆ ได้ใจความก็พอ) เพราะกรรมการเขาก็จะใช้ส่วนนี้ในการตัดสินใจว่าพอร์ตเราจะผ่านเข้ารอบสัมภาษณ์ไหมด้วยสารบัญควรอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมจากหัวข้อใหญ่ไปอีกหน่อยว่า หน้านี้มีอะไรบ้าง เริ่มนับหน้าที่หนึ่งหลังจากสารบัญไปนะหน้าประวัติส่วนตัว นอกจากข้อมูลทั่วไปแล้ว ควรมีงานอดิเรกกับความสามารถพิเศษเสริมเข้าไปด้วย เพราะมันจะชี้ให้กรรมการเห็นว่าเราให้เวลาว่างทำไรบ้าง และมีความสามารถพิเศษอะไรที่จะเอื้ออำนวยในการเรียนสาขานี้บ้างไหม ประวัติการศึกษาจริงๆ ใส่แค่ของช่วงมัธยมก็พอ ไม่ต้องมีช่วงประถม หรือหากใครที่อยากใส่ก็ใส่ได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าใครที่ตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมเรียนโรงเรียนเดิมตลอดไม่ย้ายโรงเรียนเลย เราแนะนำว่าให้ใส่แค่ครั้งเดียวพอ เช่น ระดับชั้นประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษา ศึกษาอยู่ที่โรงเรียน.... จะได้ไม่ดูรกตามาก ส่วนพื้นที่ที่เหลือ จะใส่เกรด ใบ ปพ.1 คะแนนภาษาอังกฤษ คำนิยม หรือเอกสารรับรองสถานะนักเรียน (คำนิยม เหมือนเป็นการรับรองพฤติกรรมจากครูในโรงเรียนหรือครูจากที่เรียนพิเศษ ถ้ามีคำนิยมก็จะช่วยให้พอร์ตของเราดูดีขึ้นได้นะ อย่างของเพื่อนเราคนนึงครูก็เขียนคำนิยมให้ดูดีมาก เขียนให้นิสัยพฤติกรรมตรงกับสาขาที่จะเข้าสุดๆ) ส่วนของหน้างานวิจัย ถ้าหากจะเข้าสายที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ขอแนะนำเลยว่าควรมี เพราะหน้านี้ดึงความสนใจจากกรรมการได้เป็นอย่างมาก!! จะเป็นวิจัยจากโครงงานที่เคยทำตอนเรียน หรือจะเป็นวิจัยอิสระที่ทำขึ้นมาเองไม่ได้จริงจังมากก็ใช้ได้ อย่างของเราก็จะมีงานวิจัยเรื่องเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ก็เป็นโครงงานที่เราใช้ส่งแข่ง ส่วนวิจัยเรื่องโยเกิร์ตน้ำเต้าหู้เป็นวิจัยที่เราทำขึ้นมาเอง แล้วขอบอกเลยว่าถ้ายิ่งเป็นวิจัยที่ทำเองจากความสงสัยของเรา กรรมการยิ่งสนใจมาก เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเรามีความเป็นนักวิทยาศาสตร์ในตัว แต่ห้ามเอาวิจัยคนอื่นมาใช้ ควรใช้เป็นวิจัยของเราเอง เพราะกรรมการจะต้องถามถึงตอนสอบสัมภาษณ์แน่นอน และยิ่งกรรมการสนใจ กรรมการก็จะถามส่วนนี้เยอะ ถ้าเอาของคนอื่นมาใช้แล้วเราไม่รู้จริงระวังจะโป๊ะเอาได้ เตือนแล้วนะ!!หน้ากิจกรรมเลือกเอากิจกรรมเด่นๆ ที่เกี่ยวกับสาขาที่เราจะเข้าไว้หน้าๆ ถ้าใครไม่ได้ทำกิจกรรมสะสมไว้ตั้งแต่ช่วง ม.4 ก็สามารถหากิจกรรมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่จะเข้ามาใส่ได้ โดยให้บันทึกหน้าจอส่วนที่เป็นตัวกิจกรรมกับหลักฐานว่าเราเขาร่วมจริง อย่างชื่อจริงนามสกุลของเรา หรือถ้าบางกิจกรรมให้เปิดกล้องเห็นหน้าของเราก็บันทึกให้เห็นหน้าของเราเลยยิ่งดี กิจกรรมจิตอาสาก็ควรมีอย่างน้อยสักสองสามกิจกรรม มันจะแสดงให้เห็นว่าเราเป็นเด็กที่มีจิตอาสาชอบช่วยเหลือสังคม หน้าเกียรติบัตร ควรใช้เป็นเกียรติบัตรของม.ปลาย หรือถ้ามีของม.ต้นแล้วมันใหญ่มากๆ อย่างระดับประเทศหรือระดับชาติ ก็สามารถใส่เข้าไปได้ แต่ทางมหาลัยต้องไม่มีการเน้นย้ำว่าต้องเป็นของม.ปลายเท่านั้น เพราะถ้ามีการเน้นย้ำแต่เรายังใส่เข้าไปมันก็จะไม่ตรงข้อกำหนด ทางกรรมการอาจคัดพอร์ตเราตกรอบได้ และก็ใบเกียรติบัตรของการเรียนออนไลน์ฟรีจาก Thaimooc ,edx, Coursera, Futurelearn ฯลฯ ก็สามารถใส่ได้ แต่ควรเกี่ยวกับสาขาที่เข้าหน่อยนะ หรือใครจะใส่เอกสารที่รับรองว่าเราเคยทำ หรือผ่านกิจกรรมนี้มาก็ใส่ได้ อย่างของเราก็ใส่เอกสารรับรองการสอบโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนไป ถึงจะไม่ได้ไปแต่ก็มีการยืนยันว่าเราเคยไปสอบแล้วติดมาจริงๆสุดท้ายหลังพิมพ์ทุกอย่างเสร็จก็อย่าลืมพิสูจน์อักษรเช็คความถูกต้อง แต่ถ้าใครเช็คแล้วแต่ก็ยังมีหลุดรอดสายตาไป แล้วมารู้ตัวว่าพิมพ์ผิดหลังจากส่งพอร์ตไปแล้วก็ไม่ต้องวิตกกังวลไปนะ เพราะถ้าหากเราไม่ได้เข้าเกี่ยวกับภาษา กรรมการก็พอจะอรุ่มอร่วยให้ได้ ตอนเราส่งไปก็มีพิมพ์ผิด ผิดแบบความหมายเปลี่ยนไปเลย แล้วพิมพ์ผิดหน้าที่กรรมการสนใจด้วย แต่กรรมการก็ไม่ได้พูดถึงหรือว่าอะไร แต่ทางที่ดีที่สุดคือ อย่าพิมพ์ผิดเลย เช็คดีๆ ให้คนรอบๆตัวช่วยเช็คด้วยก็ดี และก็โทนสีของพอร์ตไม่จำเป็นต้องเป็นสีของมหาลัยหรือสีของคณะก็ได้ เพราะลองคิดดูว่าถ้าหากกรรมการเอาพอร์ตของทุกคนมาวางเรียงบนโต๊ะ แล้วทุกคนทำพอร์ตสีเดียวกันหมด ถ้าพอร์ตเราเป็นสีอื่นก็จะเด่นสะดุดตา ถ้าเลือกสีไม่ได้ก็เลือกสีที่เราชอบนั้นแหละง่ายที่สุด ขอแนะนำเลยเรื่องโทนสีพอร์ต ไม่ต้องเลือกสีอวยมหาลัยแบบที่เราทำนะ ของเพื่อนเราก็ทำสีที่ตัวเองชอบไป ก็ติดรอบพอร์ตเหมือนกัน ส่วนโปรแกรมที่แนะนำในการทำพอร์ต คือ canva ในเรื่องของไอเดียทำพอร์ตแนะนำให้ลองหาดูตามเว็ปต่างๆ หรือpinterest ไม่แนะนำให้ไปซื้อเทมเพลต เพราะว่าเทมเพลตที่ขายมีให้เห็นง่ายและบ่อย กรรมการบางคนรู้ด้วยซ้ำว่าเราซื้อเทมเพลตมาจากร้านไหน มันจะแสดงให้เห็นว่าเราไม่ใส่ใจในการทำพอร์ต และสุดท้ายที่สุดหลังจากส่งพอร์ตไปแล้วรอกรรมการประกาศชื่อผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ หลายๆ คนอาจรู้สึกกระวนกระวายขอแนะนำให้ไปมูเตลูเลย ไม่ต้องไปมูที่ไหนไกล หรือวัดดังที่ไหน แค่ตั้งสมาธินิ่งๆ และมูกับพระที่บ้านก็เพียงพอแล้ว สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคนที่เตรียมตัวจะยื่นรอบพอร์ตทุกคนรีบเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่เครียดจนเกินไป และก็สู้ๆ นะ ภาพทั้งหมดโดยเจ้าของบทความ*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"* ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565