ในภาวะที่เศรษฐกิจ ตกต่ำ ผู้คนตกงาน และลำบากมาก อาชีพต่าง ๆ ไม่คล่องตัว ผู้คนหันมาประหยัดกันมากขึ้น ประกอบกับผู้คนมากมาย มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิตที่บ้านมากขึ้น การลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น การประกอบอาหารทานเองภายในครอบครัว หรือ การหารายได้เสริมในช่องทางต่าง ๆ มากมาย ในบทความนี้ จะเป็นบทความที่จะสร้างแนวทาง ในการปรับตัวในด้านต่าง ๆ ผักบุ้งอ่อน ปัจจุบันเป็นที่รู้จัก และมีความต้องการทางตลาดมากขึ้น เนื่องจาก มีรสชาติที่อร่อย ปลอดสารเคมี อายุสั้น สะอาด ปลูกง่าย อีกทั้งยังสามารถปลูกขายเป็นอาชีพเสริมได้ไม่อยาก โดยเราจะใช้เมล็ดผักบุ้ง 1 กิโลกรัม มาเพาะเป็นต้นอ่อน ได้จำนวนต้นอ่อน 4-5 กิโลกรัม ราคาเมล็ดผักบุ้งจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาท แต่เมื่อเพาะเป็นต้นอ่อนแล้ว จะขายได้ในกิโลกรัมละ 200 บาท เมล็ดผักบุ้งมีมากมายหลายบริษัท แต่ละบริษัท จะมีอัตราความงอกบอกอย่างชัดเจน ที่เห็นจะขาดไม่ได้เลยก็คือ น้ำ ที่จะต้องใช้รดต้นอ่อนผักบุ้ง ส่วนในเรื่องของพื้นที่นั้น เราสามารถใช้พื้นที่ข้าง ๆ บ้านได้ เพราะว่าเวลาเพาะต้นอ่อนผักบุ้ง เราจะทำเป็นชั้นวางเรียงขึ้นด้านบน ในขณะที่พื้นที่น้อย แต่สามารถสร้างรายได้ และผลผลิตที่เยอะ เทคนิคที่จะทำให้ได้ผลผลิตดี 1.เวลานำเมล็ดมาเพาะ ต้องนำไปแช่ในน้ำ อย่างน้อย 1 คืน 2.เลือกเอาเมล็ดที่พองแล้วมาเพาะ เพราะจะทำให้เมื่องอกแล้ว ต้นอ่อนผักบุ้ง มีความเสมอเรียงสวยงาม รดน้ำจากด้านบนลงล่าง เพื่อล้างเปลือกที่คลุมออกด้วย 3.บางบ้านก่อนเก็บเกี่ยวไปขาย 1 วัน จะใช้นมสดผสมน้ำ รดที่ต้นอ่อนผักบุ้ง เพื่อให้สด กรอบโดยที่ไม่ต้องใช้สารเคมี ตลอดอายุการเพาะต้นอ่อนผักบุ้ง จะอยู่ที่ 14 วันเท่านั้น 4.เวลาขาย จะบรรจุถุงละ 200 กรัม ราคาอยู่ที่ 40 บาท เมนูยอดฮิต จะเป็น แกงส้มต้นอ่อนผักบุ้ง ต้นอ่อนผักบุ้งผัดน้ำมันหอย สลัดโรลต้นอ่อนผักบุ้ง สงสัยไหมคะ ทำไมต้นอ่อนผักบุ้งถึงขายได้ทั้งที่ก็สามารถ เพาะเองได้ไม่ยาก ก็เพราะว่า ต้นอ่อนผักบุ้งนั้น อุดมไปด้วยวิตามินเอ ที่มีส่วนช่วยในการมองเห็น และบำรุงสายตา มีใยอาหารที่ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ในผักบุ้งมีสารชนิดหนึ่งที่มีโครงสร้างคล้ายอินซูลินที่สามารถลดน้ำตาลในกระแสเลือดสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน รสชาติอมหวาน กรอบ อร่อยทานได้ง่าย เหมาะอย่างยิ่งที่จะเพาะไว้ทานเอง หรือ สามารถเพาะขายเป็นอาชีพเสริม ภาพประกอบทั้งหมด โดยผู้เขียน King OK