สวัสดีครับวันนี้ผมอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การทำร้านขายของชำ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้านี้ผมเองนั้นทำงานประจำเป็นมนุษย์เงินเดือนและทางบ้านผมนั้นมีร้านขายของชำเล็กๆซึ่งพ่อและแม่เป็นคนดูแลร้าน จนเมื่อเจอสถานการณ์โควิด19 จึงมีเหตุจำเป็นให้ต้องออกจากงาน จึงได้มีความคิดที่จะมาพัฒนาร้านค้าของที่บ้าน จึงเริ่มจากการเอาเงินเก็บที่มีตอนสมัยทำงานเริ่มนำมาเพิ่มชั้นวางของและสินค้าในร้าน เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่ร้านนั้นมีของขายน้อยมากๆ แล้วต่อจากนั้นจึงได้เริ่มหันมาทำบัญชีเพราะก่อนหน้านี้ทางบ้านผมไม่เคยทำบัญชีรายรับรายจ่ายเลย จึงทำให้ไม่รู้ที่มาที่ไปของเงิน ซึ่งเมื่อผมเองได้เข้ามาทำบัญชีรายรับรายจ่ายก็ตกใจมากเนื่องจากบางวันนั้นขายของได้ไม่ถึง 1,000 บาท ซึ่งถือว่าน้อยมากๆเพราะกำไรร้านค้าแบบนี้กำไรมันแค่ 10-15% ผมจึงเริ่มค่อยๆพัฒนาร้านมาเรื่อยๆจนปัจจุบันเริ่มมียอดขายมากขึ้นจากวันละไม่ถึง 1,000 บาท ตอนนี้มียอดขายอยู่ที่ 4,000-6,000 บาทต่อวัน ซึ่งก็ยังถือว่าไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็ดีกว่าเดิมมาก วันนี้จึงอยากจะมาแนะนำเทคนิคในการเพิ่มยอดขายร้านขายของชำว่ามีอะไรบ้าง 1.ความสะอาด อันดับแรกคงต้องขอพูดเรื่องความสะอาดก่อน เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพราะถ้าร้านสกปรกคงไม่ค่อยมีใครอยากเข้าร้าน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงสำคัญ ยิ่งถ้าเป็นร้านแบบไม่มีกระจกกั้นยิ่งต้องขยันทำความสะอาด ปัดฝุ่นตามสินค้าชั้นวางของและกวาดถูพื้นร้านบ่อยๆ ทำให้ร้านสะอาดอยู่ตลอดเวลา อย่างน้อยทำวันเว้นวันก็ยังดี อยากให้ลองเปรียบเทียบกับห้องน้ำดู ถ้าห้องน้ำสกปรกเราก็ยังไม่อยากเข้าเลย2.ต้องมีป้ายราคาที่ชัดเจน เรื่องป้ายราคานี้สำคัญมาก จำเป็นต้องมีป้ายราคาให้ชัดเจนทุกสินค้า ให้หาสติ๊กเกอร์สำหรับแปะราคาสินค้า เพราะการมีป้ายราคาชัดเจนเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อของได้เอง ไม่ต้องมาคอยถามราคาเจ้าของร้าน ลองคิดดูถึงเวลาที่เราไปเดินตลาดนัดแล้วมีร้านค้าไม่ขึ้นป้ายราคาบางทีเรายังไม่อยากจะเข้าไปซื้อเลย 3.ราคาสินค้า พยายามอย่าขายสินค้าแพงจนเกินไป ควรมีราคาขายอยู่ที่ 10-15% และควรพยายามเช็คราคาสินค้าคู่แข่งอยู่บ่อยๆ (หากมีคู่แข่ง) พยายามเข้าพวกร้านสะดวกซื้อแล้วเช็คราคาสินค้าพยายามขายราคาไม่แพงกว่าเขาหรืออาจจะลดราคาให้ถูกกว่าเขานิดหน่อย แต่เราก็ควรคำนวณต้นทุนกำไรด้วย หากขายถูกกว่าไม่ได้ก็อย่าให้แพงกว่ามากจนเกินไป และห้ามขายสินค้าแพงกว่าราคาที่ติดมากับตัวสินค้าบางตัว เพราะมีบางร้านขายสินค้าแพงกว่าราคาที่ติดบนตัวสินค้า เช่น เครื่องดื่มชูกำลังในสมัยก่อนจะมีราคาขายเท่ากันคือ 10 บาท แต่เมื่อบางยี่ห้อขึ้นราคาจาก 10 บาท เป็น 12 บาท ส่วนอีกยี่ห้อไม่ขึ้นราคา แต่บางร้านกลับขึ้นราคาให้เท่ากับอีกยี่ห้อเพียงเพราะขี้เกียดขายในราคาที่ต่างกัน ทั้งๆที่ฉลากข้างขวดเขียนไว้ 10 บาท5.เข้าร่วมโครงการของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง หรือโครงการต่างๆที่ทางภาครัฐมีให้กับประชาชน ควรสมัครเข้าร่วมไว้ บางคนกลัวเรื่องเสียภาษีจึงไม่สมัครเข้าร่วม แต่หากศึกษาและเข้าใจเรื่องการเสียภาษีเราจะรู้ว่ามันไม่ได้เสียเยอะขนาดนั้น ถ้าหากเราไม่ได้ขายดีถึงขนาดเดือนละเป็นล้าน 4.แถมของให้ลูกค้า หากเรามีลูกค้าที่มาซื้อสินค้าเราเป็นประจำ เราควรหาของแถมให้ลูกค้าสักหน่อย เดือนละครั้งสองครั้งก็ยังดี หาอะไรหยิบแถมลูกค้าประจำบ้าง เป็นพวกสินค้าที่ต้นทุนไม่ได้สูงมาก เช่น น้ำเปล่า หมากฝรั่ง ลูกอม เพราะคนเราเวลาได้ของแถมมักจะรู้สึกดีอยู่แล้ว เป็นการคืนกำไรให้ลูกค้า และสร้างความประทับใจให้ลูกค้าไปในตัว5.การเรียงสินค้า ต้องเรียงสินค้าตามหมวดหมู่ประเภทเดียวกัน และที่สำคัญต้องนำสินค้าออกจากห่อพลาสติกทุกชิ้น ห้ามนำไปวางบนชั้นทั้งห่อพลาสติกเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้ดูไม่สวยงาม ดูไม่น่าซื้อ มีหลายร้านที่ชอบทำแบบนี้โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นขนม บางร้านก็เอามาวางทั้งแพ็คที่ยังห่อถุงพลาสติกอยู่เพราะกลัวฝุ่นลงขี้เกียดทำความสะอาด ต้องหมั่นทำความสะอาดอย่าขี้เกียด 6.บาทสองบาทลดได้ก็ลด หากลูกค้าซื้อสินค้าเราในราคาหลายร้อยแล้วมีเศษ 1-2 บาท ก็ควรลดให้ลูกค้าไป เป็นการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า เพราะหากลูกค้าไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อเขาจะไม่มีวันได้ส่วนลดจากตรงนี้ หากเราลดให้เขาได้ก็ควรลดไป เป็นการสร้างความจดจำให้ลูกค้า 7.หาสินค้าอื่นๆมาขาย หาสินค้าอื่นๆมาขายเช่น สินค้าอุปกรณ์พลาสติก , สินค้าทุกอย่าง20 , น้ำดื่มราคาถูก , พวกอุปกรณ์โทรศัพท์ ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่ฝากขายพวกอุปกรณ์โทรศัพท์โดยที่เราไม่ต้องลงทุนสักบาท เขาจะเอาสินค้ามาตั้งที่ร้านเราเมื่อขายได้ถึงจะมาเก็บเงิน เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า 8.กล่าวคำขอบคุณ ไม่ว่าลูกค้าจะซื้ออะไรก็ตาม ราคาเท่าไรก็ช่าง หรือลูกค้าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ต้องกล่าวคำขอบคุณเสมอ แน่นอนว่าลูกค้าต้องประทับใจ ซึ่งจากประสบการณ์ผมเองเคยเจอเวลาไปซื้อของบางร้านก็หน้าบึ้งบ้าง เฉยๆไม่พูดอะไรบ้าง บางทีคนซื้อมันรู้สึกแย่ ฉะนั้นต้องกล่าวคำขอบคุณทุกครั้งที่ลูกค้าซื้อของ เพราะถ้าไม่มีลูกค้าเราก็อยู่ไม่ได้ 9.สังเกตุพฤติกรรมลูกค้า ตรวจสอบดูว่าสินค้าตัวไหนขายดี สินค้าอะไรที่ลูกค้าไม่ค่อยซื้อ หากสินค้าไหนขายดีก็ซื้อมามากหน่อย หากสินค้าไหนขายไม่ได้ก็อย่าเอามาขายมาก หากลูกค้ามาสอบถามหาสินค้าตัวไหนที่เราไม่มีขายก็พยายามหามาขาย บอกลูกค้าไปว่าวันหลังจะเอามาขาย 10.ซื่อสัตย์และมีน้ำใจ ความซื่อสัตย์นี่คือสิ่งสำคัญมากที่สุด เราต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า เช่น ลูกค้าอาจจ่ายเงินเกินมา เราอย่าเห็นแก่ได้ ต้องให้เงินลูกค้าคืน แค่นี้ลูกค้าก็ประทับใจแล้ว อีกอย่างคือมีน้ำใจหากลูกค้าซื้อของเยอะเราควรมีน้ำใจช่วยลูกค้าถือของไปส่งที่รถ แค่นี้ก็มัดใจลูกค้าได้แล้วนี่ก็เป็นเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่ผมนั้นได้นำมาใช้กับร้านของตัวเอง ต้องบอกเลยว่าก่อนหน้านี้ท้อใจมากๆเลย ใช้เวลานานมากกว่าจะเริ่มมียอดขายที่ดีขึ้น แต่ก็อดทนและค่อยๆทำไป หวังว่าบทความนี้น่าจะมีประโยชน์กับคนที่เปิดร้านขายของชำและกำลังประสบปัญหากับเรื่องยอดขายอยู่ครับ สุดท้ายนี้อยากฝากงานบทความ แนะนำแอปพลิเคชันสำหรับทำบัญชี เพราะการทำบัญชีนั้นเป็นสิ่งจำเป็นมากๆในการทำร้านค้า และบทความความ ปัญหาและอุปสรรคของร้านขายของชำในปัจจุบันที่ต้องเจอ ได้จากลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยครับ 1.แนะนำแอปพลิเคชันสำหรับทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย 2.เปิดร้านขายของชำในยุคนี้ต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง ภาพทั้งหมดโดย เจ้าของบทความ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !