เมื่อพูดถึงเมืองจีนหลาย ๆ คนคงจะนึกถึงประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ประเทศมหาอำนาจ กำแพงเมืองจีน วัฒนธรรม และอารยธรรมโบราณ ประเทศจีนนั้นมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานมากว่า 5,000 ปี และเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่มาตั้งแต่โบราณกาล ปัจจุบันประเทศจีนเป็นประเทศมหาอำนาจและเป็นประเทศที่เศรษฐกิจดีอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา เมืองเทียนจินคือเมืองหนึ่งที่สำคัญของจีนเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเมืองแห่งเศรษฐกิจที่อยู่ใกล้ ๆ กับปักกิ่งเมืองหลวงของประเทศจีน และเป็น 1 ใน 4 เมืองที่ปกครองในเขตเทศบาลนครของเมืองจีน ซึ่งเทศบาลนครของจีนมีอยู่ 4 เมืองคือ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ฉงชิ่ง และ เทียนจิน และเทียนจินก็เป็นเมืองท่าติดทะเลของจีนและเป็นเมืองสำคัญมาตั้งแต่โบราณ เทียนจินคืออะไร? เทียนจิน คือเมืองๆ หนึ่งในประเทศจีน เป็นเมืองที่สำคัญทางเศรษฐกิจ อีกเมืองหนึ่งรวมถึงเป็นเขตเทศบาลนครในจีน และเป็นเมืองท่าติดทะเล โดยติดกับอ่าวป่อไห่ เมืองเทียนจินนั้นเป็นเมืองที่มีกลิ่นอายหลากหลายครับ โดยเฉพาะกลิ่นอายแบบยุโรปผสมผสานกับจีน เมืองเทียนจินนั้นกล่าวกันว่าถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.1947 ซึ่งเป็นยุคสมัยราชวงศ์หมิงของจีน และเมืองเทียนจินนั้นก็มีผู้คนมากมายย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐาน โดยเฉพาะช่วงปี พ.ศ.2403 ในสมัยราชวงศ์ชิง เทียนจินก็ได้มีชาวตะวันตก หรือ ชาวยุโรป เข้ามาตั้งถิ่นฐานเพื่อทำการค้า จึงทำให้เมืองเทียนจินได้รับวัฒนธรรมตะวันตกจึงทำให้เมืองเทียนจินมีสถาปัตยกรรมแบบยุโรปผสมผสานกับจีนอยู่เป็นจำนวนมาก เทียนจินในปัจจุบัน ปัจจุบันเทียนจิน คือเมืองท่าสำคัญและเป็นเมืองเศรษฐกิจเมืองหนึ่งที่สำคัญของจีน รวมถึงเป็น เทศบาลนครของจีนที่มีอยู่ 4 เมืองคือ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ฉงชิ่ง และ เทียนจิน และเป็นเมืองที่นักลงทุนนั้นชอบมาลงทุนอีกเมืองหนึ่งไม่แพ้กับเซี่ยงไฮ้ และ ปักกิ่ง รวมถึงเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมมาอีกเมืองหนึ่งเช่นกันครับ ผมขอบอกเลยนะครับว่า เทียนจินคือเมืองที่สวยงามมาก มันผสมผสานระหว่างยุโรป กับ จีน และเป็นเมืองที่สะอาดมาก ๆ อีกเมืองหนึ่ง การคมนาคมสะดวกสบายมาก ผู้คนมีน้ำใจ ผมว่าเทียนจิน ถือเป็นเมืองที่น่าอยู่อีกเมืองหนึ่งในจีนเลยก็ว่าได้ รวมถึงน่ามาเที่ยวชมดูสักครั้ง ครับนี่ก็เป็นภาพของเมืองเทียนจินบางส่วนที่ผมได้ถ่ายมาช่วงที่ผมได้ไปเมืองจีนเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว แต่ถ้าทุก ๆ ท่านอยากจะรู้ว่าเมืองจริง ๆ แล้วมันเป็นแบบไหน? จะสวยงามเหมือนในภาพหรือไม่? คุณต้องลองไปชมให้เห็นกับตาซักครั้งครับ ที่มาของภาพ: จิรัฐ ธานีวรรณ