ขอขอบคุณรูปภาพหน้าปกจาก: ภาพจากผู้เขียนสวัสดีค่ะทุกท่าน บทความนี้เราจะมารีวิวการไปเที่ยวจังหวัดที่ติดริมแม่น้ำโขงกันค่ะ ทริปนี้อาจจะแตกต่างจากทริปก่อน ๆ นะคะ เนื่องจากเราเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวไปเที่ยวค่ะ งั้นมาเริ่มกันเลยค่าาา......เราออกเดินทางเวลาประมาณ 18.00 น. เดินทางโดยใช้เส้นทางหมายเลข304 ซึ่งระหว่างทางที่เราวิ่งผ่านนั้นจะเกิดอุบัติเหตุเป็นระยะ ๆ จึงเป็นหนึ่งสาเหตุที่เราไม่ค่อยอยากขับรถยนต์ส่วนตัวไปเที่ยวซะเท่าไหร่ เราวิ่งมาเรื่อย ๆ แวะพักรถเป็นระยะ ๆ จนมาแวะพักรถก่อนขึ้นเขาปักธงชัย ซึ่งช่วงนี้รถเยอะมาก ระหว่างทางที่เราผ่านมานั้นในแต่ละครั้งที่เราแวะพักรถ มันทำให้เรารู้สึกคึกครื้นแทนที่จะรู้สึกง่วงนอน มันรู้สึกคนละฟีลกับที่นั่งรถโดยสารธารณะเลย รู้สึกสนุกไปอีกแบบค่ะ พอพักจนหายเมื่อยกันแล้วเราก็ขึ้นเขาปักธงชัยกันค่ะ เราติดอยู่เขาปักธงชัยนานมากกกก แต่พอลงไปมาก็โอเคอยู่ค่ะ เราเข้าเขตจังหวัดอุดร ฯ ก็ช่วงสาย ๆ ของอีกวันหนึ่งค่ะ เมื่อมาถึงแล้วเราก็ตรงไปไหว้สิ่งศักสิทธิ์ที่มีชื่อนั้นก็คือ คำชะโนด นั่นเองค่ะขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนพอไปถึงที่คำชะโนดแล้วนั้น เราได้ซื้อบายศรีเพื่อนำไปสักการะด้านใน ระหว่างที่เราเดินเข้าไปนั้นรู้สึกเย็นสบายร่มรื่นมาก ผิดกับตอนที่เรามาถึงเลยค่ะ เราก็ไปต่อแถวเพื่อจะถวายบายศรีให้กับพ่อปู่ศรีสุทโธนคราชและแม่ย่าศรีปทุมมาค่ะ หลังจากนั้นเราก็เดินเที่ยวรอบ ๆ เราจะได้เห็นภาพที่ผู้คนมาที่ต้นไม่ต้นนี้เพื่อขอเลขกันนั่นเองค่ะ และเราได้ไปดื่มน้ำมนต์ศักสิทธิ์ที่บ่อน้ำศักสิทธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนหลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าเข้าที่พัก ที่พักที่เราจองไว้คือ 2Feel Bed Station ซึ่งที่พักนี้อยู่ในตัวเมืองอุดร ฯ เดินออกจากที่พักมาหน่อยก็เดินถึงห้างเซนทรัลพลาซ่า อุดร ฯ ค่ะ ห้องที่เราพักนั้นตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นค่ะขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนพอรุ่งขึ้นอีกวันเราก็เดินทางไปเที่ยวตามวัดที่ต่าง ๆ ที่มีชื่อ มาเริ่มกันที่แรกเลยค่ะคือ "วัดพระธาตุบังพวน" วัดพระธาตุบังพวน เป็นวัดที่เก่าแก่วัดหนึ่ง ที่มาของชื่อวัดคือมาจากการที่วัดได้อัญเชิญพระบรมสาริกธาตุมาจากอินเดีย ซึ่งคำว่า "บังพวน" แผลงมาจาก "บังคน" ซึ่งแปลว่า กระเพาะอาหาร ซึ่งมีความเชื่อว่าที่วัดนี้ได้บรรจุพระบังคนหนักของพระพุทธเจ้า ภายในบริวเณวัดนั้นได้มีการจำลองสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่มีประวัติเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าค่ะขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียน ต่อมาเราไปกันที่วัดหินหมากเป้งค่ะ วัดหินหมากเป้งที่จุดแลนด์มาร์คก็คือ หิน 3 ก้อนที่อยู่ใต้วัดซึ่งคอยค้ำจุนตัววัดอยู่มีลักษณะคล้ายตุ้มเครื่องชั่งทองคำเป็นหินศักสิทธิ์ที่ทำให้บริเวณนี้มีความเจริญรุ่งเรือง และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจด้านพระพุทธศาสนา เนื่องจากมีความเชื่อว่าข้างใต้หินทั้ง 3 ก้อนนี้เป็นที่อยู่ของพญานาค นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ที่ให้ผู้คนเดินไปชมวิวริมโขงได้ด้วยขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนจากนั้นเราไปต่อที่วัดที่ฮิตตอนนี้คือ วัดผาตากเสื้อ วัดนี้มีแลนด์มาร์คคือที่วัดมี skywalk ไว้เดินไปสัมผัสวิวริมแม่น้ำโขง พื้นของ skywalk นั้นเป็นกระจกสามารถมองเห็นด้านล่างซึ่งบอกเลยว่าถ้าใครที่กลัวความสูงนั้นท่านอาจไม่เหมาะที่จะเดิน skywalk ขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนและที่สุดท้ายที่เราจะไปกันก็คือ วัดถ้ำดินเพียง ซึ่งเขามีความเชื่อว่าเป็นถ้ำที่พญานาคอาศัยอยู่นั่นเอง ตลอดทางเดินจะตกแต่งด้วยรูปั้นต่าง ๆ เช่น รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม รูปปั้นรูปพญานาค เป็นต้นขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนและแล้วเราก็เดินมาถึงปากถ้ำดินเพียง ซึ่งทางวัดจะมีมัคคุเทศก์พาเราเข้าด้านในถ้ำ เราแนะนำว่าให้สวมกางเกงที่สามารถพับขากางเกงได้ง่าย หรือเลือกสวมกางเกงที่มีความยาวประมาณหน้าแข้ง เนื่องจากภายในถ้ำมีน้ำลึกตื้นไม่เท่ากันขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนตอนที่เราเดินไปตามห้องต่าง ๆ ในถ้ำนั้นสิ่งที่เราเห็นคือทางคดเคี้ยวไปมา มันรู้สึกน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก และจะมีอยู่จุดหนึ่งที่แคบมาก แต่เราก็สามารถลอดผ่านไปได้ ในระหว่างเดินชมถ้ำนั้นเราต้องระวังศีรษะกระแทกและพื้นบางส่วนมันค่อนข้างลื่นด้วยค่ะ ถ้ามีโอกาสเราอยากมาที่ถ้ำนี้อีก หลังจากนั้นเราจึงเดินทางกลับที่พักวันสุดท้ายของการเที่ยว เราออกเดินทางแต่เช้าไปที่วัดป่าภูก้อน เส้นทางที่มุ่งหน้าไปวัดนี้ค่อนข้างคดเคี้ยว บางจุดชันเล็ก ๆ น้อย ทางวัดเขาได้จัดลานจอดรถไว้ให้ แล้วทางวัดจะมีรถบริการรับ-ส่ง ค่าบริการคนละ 20 บาท (ขาไป 10 บาท ขากลับลงมาอีก 10 บาท)ขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนด้านในวิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี เป็นพระนอนองค์ใหญ่สีขาวประดิษฐานอยู่กลางพระวิหาร เราเดินเข้าไปมองใกล้ ๆ วิจิตรงดงามมากค่ะ ขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนเราไม่รอช้า...เราออกเดินทางไปที่วัดโพธิชัย ซึ่งเป็นวัดประจำจังหวัดหนองคายและภายในวัดนี้ยังประดิษฐานหลวงพ่อพระใส พระคู่บ้านคู่เมืองหนองคายอีกด้วยค่ะขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนสุดท้ายเราไปที่แลนด์มาร์คสุดท้ายของวันนี้คือ ท่าเสด็จ ฯ ค่ะ ท่าเรือนี้เป็นท่าที่เราไว้ใช้ติดต่อการค้าขายระหว่างเพื่อนบ้านเรา ภายในท่าเสด็จนี้มีสินค้าขายมากมาย เช่น ของฝาก ของกิน ของใช้ เป็นต้น อีกทั้งตรงท่าเสด็จ ฯ ยังมีที่พักไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วยค่ะขอขอบคุณรูปภาพจาก: ภาพจากผู้เขียนเราก็หาร้านอาหารกินข้าวเย็นพร้อมทั้งชมวิวแม่น้ำโขงไปด้วย บอกเลยว่าฟินสุด ๆ ค่ะจบกันไปแล้วนะคะสำหรับทริปเที่ยวติดริมแม่น้ำโขง หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะชอบกันเที่ยวแบบขับรถยนต์ส่วนขับไปที่เที่ยวเองนะคะ เราจะได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการท่องเที่ยวอีกแบบหนึ่งค่ะ สุดท้ายนี้ฝากบทความต่อ ๆ ไปของเราด้วยนะคะ ขอบพระคุณสำหรับการติดตามนะคะ