"การเดินทางท่องเที่ยวคือการให้รางวัลชีวิต และเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตอันล้ำค่าที่น่าจดจำ!" ด้วยเหตุผลนี้ เราจึงขออนุญาตผู้ปกครองไปเที่ยวและเรียนภาษาต่างประเทศคนเดียวเป็นเวลา 1 เดือน ขณะเรียนม.3 ด้วยความหวังอันริบหรี่ และแน่นอนว่าคำตอบคือ ไม่ เราจึงยื่นข้อเสนอว่า ถ้าเกรดดีขึ้น เราจะต้องได้ไปให้ได้ แน่นอนว่าเราทำทุกอย่างเพื่อทริปนี้ รู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่สนามบินแล้วค่ะ ตื่นเต้นมากๆเพราะเป็นเที่ยวบินแรกที่ไปแบบเดี่ยวๆ โซโล่สุดๆ ไม่มีใครเดินทางไปด้วย ซึ่งถือว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะว่าเราบินกับสายการบินไทย พนักงานคนไทย ทำให้ไม่ยุ่งยากมาก ไม่ต้องเปิดโหมด Translator เนื่องจากเที่ยวบินเป็นรอบกลางคืน เราจึงได้นอนยาวเลยค่ะ เกือบเก้าชั่วโมงต่อมา เราก็เดินทางมาถึงซิดนีย์ ออสเตรเลีย เป็นเวลา 6 โมงเช้า วิวจากเครื่องบินตรงนี้สวยมากค่ะ บอกได้เลยว่า ใครบินมาจากไทยห้ามพลาด ในภาพอาจจะดูไม่มีอะไร แต่ถ้าเห็นจริงๆคือละสายตาไปไม่ได้เลยค่ะ สำหรับการเดินทางและขั้นตอนต่างๆ เราได้ถ่ายและรวบรวมรายละเอียดไว้เป็นรูปแบบ Video นะคะ สามารถติดตามการเดินทางท่องเที่ยวและเรื่องราวต่างๆ ของเราได้ที่ช่องนี้เลยค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=8fFwDIEJz1k พอถึงสนามบิน ผ่านตม. รับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย เราก็ไปหาคนขับรถที่โรงเรียนสอนภาษาจัดไว้ให้ที่จุดนัดพบ โดยตอนนั้นสิ่งเดียวที่ช่วยชีวิตยามฉุกเฉินได้คือ ซิมมือถือจากไทยค่ะ เราซื้อแพ็คเกจแบบสามวันไว้ใช้ที่ซิดนีย์ ใส่ตั้งแต่เครื่องลงจอดก็ใช้ได้เลยค่ะ เอาไว้ติดต่อกับครอบครัวไทยและส่งข้อความไปหา Host family เผื่อไว้ในกรณีที่หาคนขับรถไม่เจอ หลังจากนั้นเราก็ซื้อซิมของ Optus จากร้านค้าใกล้บ้าน เราอยู่ 1 เดือน และค่อนข้างใช้เน็ตเยอะ จึงซื้อมาในราคา 30-50 aud ค่ะ หมดอายุใน 28 วัน กำลังดี ปัญหาของเราคือ เราท็อปอัพไม่เป็น พอเน็ตหมดกระทันหันเลยซื้อซิมใหม่ ลงทะเบียนใหม่หมดเลย ตลกดีค่ะ วิธีใช้ง่ายๆ เมื่อซื้อเสร็จ ใส่มือถือแล้วก็เข้าเว็บของค่ายมือถือ กดลงทะเบียน สำหรับคนที่มาเที่ยวไม่นานก็ซื้อแพ็คเกจที่ถูกลง แค่นี้ก็มีซิมโทรในประเทศพร้อมเน็ตแล้วค่ะ ระหว่างทางทุกอย่างราบรื่นดีค่ะ คนขับรถสุภาพมาก และในที่สุดเราก็ได้พบกับครอบครัวอุปถัมภ์ของเรา ประกอบไปด้วย โฮสต์มัม โฮสต์แดด และ ลูกชายวัยอนุบาล ถือว่าเดินทางมาถึงโดยสวัสดิภาพ วันต่อมาโฮสต์ก็พาเที่ยวเลยค่ะ เราไม่ได้ไปไหนไกลมาก แต่ถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของซิดนีย์ นั่นก็คือ Sydney Olympic Park ที่สายกีฬาห้ามพลาด ที่นี่มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ มีสวนย่อยออกมาอีกด้วยค่ะ เหมาะกับการมาเดินเล่น และควรเช็คด้วยนะคะว่าวันนั้นมี Event อะไรหรือเปล่า อย่างวันที่เราไปจะมีการจัดแสดงรถบ้าน แคมป์ปิง ฯลฯ ได้เดินเล่น ดูรถก็เพลินดีค่ะ สำหรับการเดินทางจากตัวเมือง สามารถนั่ง Train จาก Central Station มาลงที่ Concord West และเดินต่ออีก 1.5km มาที่นี่ได้เลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ภายใน Park จะมีรถกอล์ฟบริการฟรี ถือว่าดีมากค่ะ เพราะจะได้ไม่ต้องเดินไกล หากพูดถึงซิดนีย์ สิ่งแรกที่ทุกคนคิดถึงคือ ระบบขนส่งสาธารณะที่ค่อนข้างดีมากเลยทีเดียว มีทั้งรถไฟ เรือ รถราง(วิ่งในตัวเมือง) รถบัส รถMetro(เพิ่งเปิด มีให้ใช้บริการในบางพื้นที่ แต่เริ่มขยายออกไปเรื่อยๆแล้ว คล้ายๆกับ bts ค่ะ ต่างกับ Train ตรงที่ไม่มีคนขับ) โดยการเดินทางก็แสนง่ายดาย เพียงแค่มีบัตร Opal card ก็เดินทางได้แล้ว หลักๆที่เราจะได้ใช้เลยจะมีสองสีค่ะ สีดำสำหรับคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป สีเขียวสำหรับนักเรียนมัธยมออสเตรเลีย และเด็กอายุ 4-15 ปี เราอายุ 14 จึงโชคดีได้บัตรสีเขียวซึ่งบัตรเขียวจะหักค่าโดยสารน้อยกว่าบัตรสีอื่นค่ะ หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ส่วนจะท็อปอัพเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเดินทางบ่อยแค่ไหนค่ะ ขั้นต่ำบัตรดำคือ 10 aud และบัตรเขียว 5 aud เติมเงินได้ตามร้านต่างๆและตู้เติมในสถานี แต่บางตู้จะรับแค่บัตรเครดิตนะคะ ส่วนตัวเติมไว้ก่อน 20 aud เดินทางได้สักพักเราก็ทำบัตรหาย เราไม่ได้ลงทะเบียนไว้ค่ะ จึงต้องเสียเงินในบัตรไปและซื้อบัตรใหม่แทน ครั้งนึงเราทำบัตรหล่นติดซอกเก้าอี้ในรถไฟ เอาออกมาไม่ได้ค่ะ รถไฟก็จะออกแล้ว ส่วนเราต้องลงสถานีนี้ เราเลยตัดสินใจทิ้งบัตรไว้และลงมาจากรถไฟ ปัญหาคือ พอไม่มีบัตรเราก็ออกจากสถานีไม่ได้ เพราะต้องมีการแท็ปบัตรทั้งก่อนและหลังขึ้นรถไฟและยานพาหนะต่างๆ บางสถานีจะมีแค่เสาให้แท็ป ไม่มีด่านกั้น แต่สถานีใหญ่ๆ เช่น Central Station, สถานีในเมือง หรือสถานีในย่าน Suburbใหญ่ๆจะมีการตรวจเข้มงวดเป็นพิเศษ สถานีที่เราไปตอนนั้นคือ Parramatta ซึ่งห่างจากตัวเมืองสามสิบนาที แต่เมืองค่อนข้างใหญ่ คนอาศัยอยู่เยอะ จึงต้องมีด่านกั้นไว้เพื่อความเป็นระเบียบ เราจึงขอความช่วยเหลือจากพี่พนักงานในสถานี และเขาใจดีมากๆค่ะ เขายิ้มแล้วไขกุญแจให้เราออกแบบไม่ต้องแท็ปบัตร แล้วก็เตือนให้ระวัง อย่าทำบัตรหล่นอีก แอพที่ควรติดมือถือไว้ทุกครั้งที่มาที่นี่คือ TripView Lite ค่ะ เป็นแอพที่เอาไว้เช็คเวลารถไฟแบบ real time แม่นยำมากๆ สามารถกดเข้าไปดูได้เลย โดยขั้นแรกควรค้นหาจุดหมายปลายทางใน google map และวิธีที่จะไปถึงที่สะดวกที่สุดก่อน เมื่อได้ชื่อสถานีที่ต้องลงก็นำมาเสิร์ชในแอพนี้ได้เลยค่ะ สะดวกมากๆและไม่หลงแน่นอน หากสถานีที่จะไปต้องมีการเปลี่ยนสายรถไฟ ก็จะมีรายละเอียดบอกไว้ว่าต้องเปลี่ยนที่สถานีไหน และแล้วก็ต้องเข้าเรียนวันแรกค่ะ เราเรียนภาษาที่สถาบันแห่งหนึ่งในตัวเมือง จึงทำให้เดินทางสะดวกมากๆ หลังเลิกเรียนเพื่อนชาวเวียดนามก็พาไปเที่ยวที่ Town Hall ซึ่งเป็นใจกลางเมืองเลย เดินไปไม่นานก็ถึงแล้วค่ะ มีหอนาฬิกาที่เรียกว่า Sydney Town Hall และห้าง Queen Victoria Building ห้างที่ขายของหลายอย่าง ถ้าไม่ถูกใจก็สามารถเดินช็อปได้ต่อที่ Sydney CBD ค่ะ ตรงนี้ขาช็อปห้ามพลาด อากาศช่วงที่เราไป (กันยายน-ตุลาคม 2019) ถือว่ากำลังดีค่ะ มีฝนตกบ้าง แต่ว่าน้อยมากๆ(สัปดาห์ละครั้ง) เราโชคดีมากๆ เพราะก่อนหน้านั้นฝนตกหนักทุกวัน แต่เรามาช่วงนี้พอดี อากาศกำลังเย็นสบายค่ะ(11-25c) บางวันก็หนาวแต่จะชินเองค่ะ ช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ หรือ Spring ถ้ามาช่วง Summer(ธันวาคม-กุมภาพันธ์)จะเริ่มร้อน ที่น่าแปลกใจคือ ที่นี่จะร้อนที่สุดช่วง Autumn โดยเฉพาะเดือนเมษายน ที่สุดแห่งความร้อนเลยค่ะ สุดสัปดาห์เรามี Holiday ต่อค่ะ เราเลยไปเที่ยว Bondi Beach สิ่งที่คิดไว้คือ การมานอนอาบแดด ฟังเพลง ท่ามกลางผู้คนค่ะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ได้มาถ่ายรูปอย่างเดียวเลย อากาศหนาวมากๆ เพราะลมแรง คนก็น้อย หรือแทบจะไม่มีเลย เราเคยมาช่วงเมษายนค่ะ ตอนนั้นคนเยอะมากๆ เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีที่ยืน หาที่ปูผ้านั่งเล่นยังยากเลย แต่ตอนนี้แตกต่างกันสุดๆ ชัดเจนว่าเป็นเพราะฤดูนี้ไม่ค่อยมีคนมาชายหาดกันค่ะ เราถ่ายรูปไว้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของชายหาดช่วง Spring กับ Autumn การเดินทางไปที่นี่ ต้องเผื่อเวลาไว้เพราะคนจะเยอะมากค่ะ สามารถเลือกนั่งรถบัสสาย 333 จากป้ายรถบัส Museum Station, Hyde Park แล้วลงที่ป้าย Bondi Beach ได้เลย หรือที่เราทำคือ นั่งรถไฟจาก Central station แต่ต้องต่อบัสอีกรอบอยู่ดี ซึ่งยุ่งยากกว่ามากค่ะ ขากลับสามารถแวะ Hyde Park ได้ค่ะ เป็นสวนใจกลางเมืองที่วิวสวยมากๆ บรรยากาศดีสุดๆ อย่าลืมถ่ายรูปกับโบสถ์ St Mary's Cathedral นะคะ มาตอนเย็นแสงดีสุดๆ โบสถ์จะอยู่ตรงสวนเลยค่ะ หรือจะเลือกเก็บวิวน้ำพุ Archibald Fountain หน้าโบสถ์ก็สวยไปอีกแบบ ถ้ามาตอนเช้าจะถ่ายกับน้ำพุและ Sydney Tower Eye ได้พร้อมกันเลยค่ะ สวยมากๆ โบสถ์ น้ำพุ และหอตั้งอยู่ในแนวเดียวกัน ถ่ายออกมาได้ครบมากๆค่ะ มาถึงไฮไลท์ของเรากันแล้วค่ะ เมื่อพูดถึงซิดนีย์ก็ต้องนึกถึง Sydney Opera House และ Sydney Harbour Bridge และวิธีที่จะเก็บรูปที่สมบูรณ์แบบที่มีทั้งสองสถานที่นี้อยู่ในรูปเดียวกันก็คือ การถ่ายรูปจาก Mrs Macquarie's Chair ค่ะ สามารถเดินไปได้จาก Hyde Park หรือนั่งรถบัสให้ไปส่งถึงที่ โดยบัสสาย 311 จาก Hyde Park ระหว่างเดินกลับไปที่ Hyde Park จะผ่านสวน Royal Botanic Gardens ซึ่งใหญ่มากๆ ระวังหลงนะคะ และจะผ่าน Art Gallery of NSW โดย ทั้งคู่ จะเข้าชมฟรีค่ะ แต่ Art Gallery of NSW จะเปิดชมฟรีแค่บางส่วนเท่านั้น สำหรับนักเรียนที่มีเรียนจันทร์-ศุกร์ นี่แค่สัปดาห์แรกก็ถือว่าเก็บไปหลายที่แล้วค่ะ เพราะไหนจะต้องทำงานโรงเรียน การบ้าน ต่างๆนานา แต่ก็ยังเหลือสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่เราไปมาอีกมากมาย บางคนอาจจะสงสัยว่า ทริปนี้ราบรื่นขนาดนั้นเลยหรอ ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเลยหรอ แน่นอนว่าการมาเที่ยวคนเดียวย่อมมีข้อดี และข้อเสีย โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัย ถึงแม้ซิดนีย์จะขึ้นชื่อด้านความปลอดภัยระดับท็อปของโลก แต่เนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยว มีคนหลากหลายเชื้อชาติ ทำให้อันตรายเกิดขึ้นได้เสมอ เพียงแค่ต้องระวัง ไม่ประมาท และเที่ยวให้ถูกที่ ถูกเวลาค่ะ ทริปนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่มีพี่ๆจาก Educatepark มาให้คำปรึกษาและจัดการเรื่องเอกสาร วางแผน วีซ่า ติดต่อโรงเรียน ที่พัก ฯลฯ ประทับใจมากๆค่ะ สนใจศึกษาต่อต่างประเทศ ติดต่อ https://www.educatepark.com/ หากใครอ่านมาถึงตรงนี้ก็ต้องขอบคุณมากๆเลยนะคะ ครั้งหน้าเราจะแบ่งปันเคล็ดลับดีๆที่ทำให้ทริปสนุกขึ้นและที่เที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย “Life is short and the world is wide, the sooner you start exploring it, the better.” – Simon Raven "ชีวิตนั้นสั้น และโลกนั้นกว้างใหญ่ ยิ่งคุณเริ่มสำรวจมันเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น"