ใครที่ชอบความตื่นเต้นชอบมีลุ้น.. ขอเชิญค่ะ อิสราเอล รอคุณอยู่.. อิอิ ประเทศอะไรวุ้ย เที่ยวไปใจสั่นตลอดทริป ถ้าถามว่าสนุกไหม ตอบได้เลยว่า โคตร ๆๆ เพราะมันสุดยอดในหลาย ๆ เรื่อง สถาปัตยกรรมเอย อารยธรรมเอย ประวัติศาสตร์ความเป็นมา ว่ากันเป็นหมื่นปี อะไรในประเทศนี้ถ้ามีอายุแค่พันกว่าปี ถือว่าเด็กแบเบาะเลยนะ.. จริง..จริ๊งงงงง กรุงเยรูซาเล็ม เมืองหลวงของประเทศอิสราเอล เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีคนอยู่อาศัยต่อเนื่องกันมาอย่างน้อยก็สัก 3-4,000 ปี เห็นจะได้ และคนในเมืองนี้ก็ยังรักษารูปลักษณ์ของอาคารบ้านเรือนให้คงเดิม มันดูคลาสสิคมีมนต์ขลัง และมีเอกลักษณ์มาก อันดับหนึ่งของสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องไปดูให้ได้ ไม่งั้นถือว่าไม่ถึงประเทศนี้ ก็นี่เลยค่ะ The Wailing Wall (กำแพงร้องไห้) หรือชื่ออย่างเป็นทางการ เรียกว่า The Western Wall กำแพงร้องไห้ ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวยิวผู้นับถือศาสนายูดาห์ เพราะเขาเชื่อว่ากำแพงนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของพระมหาวิหารโซโลมอน (The Temple of Solomon) ในยุคโบราณเมื่อหลายพันปีก่อน แต่ตัวพระมหาวิหารถูกทำลายไปจนหมดสิ้นแล้วเมื่อเกือบสองพันปีก่อน เหลือแต่เพียงซากกำแพงด้านตะวันตกเท่านั้น ดังนั้น ชาวยิวจึงถือว่าที่กำแพงร้องไห้ เป็นสถานที่ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าที่สุดแล้วบนโลกใบนี้ ทุกคำสวดมนต์ทุกคำอธิษฐานของพวกเขา พระเจ้าจะได้ยินทุกอย่าง ชาวยิวจะจดคำอธิษฐานไว้ในกระดาษแผ่นเล็ก แล้วเอามาเสียบไว้ตามรอยแตกของแผ่นหินที่กำแพง พวกเขาจะสวดมนต์ไปร้องไห้ไป ระบายความทุกข์ยากต่าง ๆ ที่ต้องประสบพบเจอเพื่อให้พระเจ้าได้รับรู้ มันจึงเป็นที่มาของชื่อ Wailing Wall กำแพงคร่ำครวญหวนไห้ ถ้าอยากเห็นคนมาอธิษฐานที่กำแพงร้องไห้นี้เยอะ ๆ ควรมาในวันศุกร์ เพราะเป็นวันที่คนยิวนิยมมาสวดมนต์กันที่นี่ การสวดมนต์จะแยกเป็นสองฝั่ง คือซ้ายมือจะเป็นฝั่งผู้ชาย และขวามือคือฝั่งผู้หญิง จะไม่ปะปนกัน โดยมีกำแพงเล็ก ๆ แบ่งเขตไว้แบบนี้ คนทุกศาสนาสามารถเข้าไปในเขตอธิษฐานได้ ไม่มีการหวงห้ามกีดกันใด ๆ ผู้ชายทุกคนถ้าต้องการจะเข้าไปในเขตอธิษฐานของกำแพงร้องไห้จำเป็นต้องสวมหมวก ใครไม่มีก็ไปรับ หมวกกิปปา ได้ฟรีตรงทางเข้า หมวกกิปปา (Kippa) ก็คือหมวกแบบยิว เป็นหมวกกลม ๆ อันเล็ก ๆ แปะไว้ตรงกลางศีรษะ ที่ชาวยิวจะต้องใส่เมื่อเข้าไปในสถานที่ทางศาสนา ส่วนผู้หญิงก็ไม่มีกฎข้อห้ามอะไรมาก นอกจากต้องแต่งตัวเรียบร้อยมิดชิด เนื่องจากบริเวณกำแพงร้องไห้แห่งนี้ มีความโด่งดังและมีความสำคัญมาก ๆ จนเรียกได้ว่า ถ้าใครมาเที่ยวอิสราเอลแล้วไม่ได้เห็นที่นี่ ก็ยังไม่ถึงประเทศนี้กันทีเดียว สำคัญอย่างไร... เอียงหูมาค่ะ ป้าจะกระซิบให้ฟัง... คือ ใคร ๆ ก็พอจะรู้ใช่ไหมคะว่าชาวยิวในอิสราเอล จะมีปัญหาเรื่องดินแดนในแถบนี้กับชาวมุสลิมปาเลสไตน์ และตรงกำแพงนี้มันเป็นรอยต่อที่สำคัญของทั้งสองศาสนาเลย ฝั่งกำแพงร้องไห้ตรงนี้ ชาวยิวเป็นฝ่ายครอบครอง แต่ถ้าข้ามไปที่กำแพงอีกฝั่ง จะเป็นภูเขาเล็ก ๆ และมีมัสยิดที่สำคัญเป็นอันดับ 3 ของศาสนาอิสลามตั้งอยู่ มีชื่อว่า The Dome of the Rock หรืออีกชื่อว่า โดมแห่งศิลา ยอดโดมเป็นสีเหลืองทอง ที่ชาวมุสลิมเป็นฝ่ายครอบครองดูแล โดมสีเหลืองทอง มองเห็นเด่นเป็นสง่า ถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเยรูซาเล็ม ใครไปเที่ยวอิสราเอลแล้วไม่มีรูปโดมแห่งศิลา จะถือว่ายังไม่ถึงเมืองกันเลยนะคะ ชาวมุสลิมเชื่อว่า มัสยิดโดมแห่งศิลา เป็นสถานที่ที่ศาสดามูฮัมหมัด ได้ถูกนำตัวขึ้นสู่สวรรค์ชั้นฟ้า ตรงหินก้อนใหญ่ ที่มีการสร้างโดมสีทองอันนี้ครอบอยู่ ส่วนชาวยิวก็เชื่อว่า ตรงที่สร้างโดมแห่งศิลาแห่งนี้ ในอดีตเมื่อหลายพันปีก่อน มันเคยเป็นสถานที่ตั้งของพระมหาวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ สร้างโดยศาสดาโซโลมอนของชาวยิว และพระมหาวิหารก็ถูกทำลายลงไปครั้งแรก โดยพวกบาบิโลน เมื่อ 587 ปีก่อนคริสต์กาล แล้วชาวยิวโบราณก็ได้สร้างพระมหาวิหารขึ้นมาใหม่เป็นครั้งที่ 2 แต่สุดท้ายก็ถูกทำลายโดยจักรวรรดิโรมัน ในปี ค.ศ. 70 (พ.ศ. 613) จนเหลือแต่ซากกำแพง (กำแพงร้องไห้ในปัจจุบัน) หลังจากนั้น ชาวมุสลิมก็มาสร้างโดมแห่งศิลา ทับไปบนพื้นที่ที่เคยเป็นมหาวิหารของชาวยิว ฟังดูก็ไม่น่าจะมีอะไรนะคะ แต่.... ชาวยิวมีความเชื่ออันแรงกล้าอย่างหนึ่งว่า ถ้ามีการสร้างมหาวิหารขึ้นมาอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 3 พระผู้เป็นเจ้าของชาวยิว ก็จะปรากฏตัวขึ้นบนโลกมนุษย์ ก่อนที่จะทำการล้างโลก ทีนี้ชาวยิวก็ตั้งหน้าตั้งตา อยากที่จะสร้างมหาวิหารขึ้นมาอีกครั้งบนที่เดิม แต่ปัญหาก็คือ ถ้าจะสร้าง ก็ต้องมีการรื้อถอนโดมแห่งศิลาออกไป... แล้วชาวมุสลิมทั่วโลกจะยอมไหม ปัจจุบัน ชาวมุสลิมจะห้ามนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้าไปในบริเวณโดมแห่งศิลาแล้วค่ะ เสียดายจัง แต่โชคดีป้าไปค้นเจอรูปเก่า ๆ สมัยกล้องฟิล์ม ที่ถ่ายไว้ตั้งแต่ทริปอิสราเอลครั้งแรกเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ที่ป้าได้มีโอกาสเดินเฉียดเข้าไปในบริเวณมัสยิดด้านนอก แต่เข้าไปดูข้างในไม่ได้ เพราะห้ามผู้หญิงเข้าเด็ดขาด แง ๆๆๆ โดมแห่งศิลา แห่งนี้เลยค่ะ จุดศูนย์กลางแห่งความขัดแย้ง ระหว่างชาวยิวกับชาวมุสลิม ป้าเห็นแล้ว ขนลุกจริง ๆ นึกภาพออกแล้วใช่ไหมคะ นี่คือปัญหาใหญ่ระดับสงครามโลกเลยนะเนี่ย บริเวณนี้จึงมีความสำคัญมากในหลาย ๆ แง่มุม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว ถ้ามาอิสราเอลแล้วก็ต้องอยากมาเห็นบริเวณนี้ เมื่อบริเวณกำแพงร้องไห้ มันฮอตฮิตกันขนาดนี้ นักท่องเที่ยวก็ดั้นต้นกันมาดูแทบไม่ขาดสาย.. อะไรล่ะ ที่ต้องตามมา.. คิดซิ.. คิดซิ.. ท๊ะด๊าาาา.. ไอ้นี่ไงคะ Bomb Disposal Container ถังกำจัดระเบิด.. อิสราเอลถือคติ คนมา ถังก็ต้องมี.. อิอิ ก็แหม.. เมื่อได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอันดับหนึ่งของประเทศอิสราเอล แล้วจะขาดถังอันนี้ไปได้อย่างไรคะ อันใหญ่กว่าที่วางไว้หน้าโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ด้วยล่ะ จะว่าไปนะ ทริปนี้ได้เที่ยวอิสราเอลหลายเมืองหลายสถานที่ ก็เห็นถังกำจัดระเบิดแค่สองแห่งเท่านั้น คือที่ Wailing Wall แห่งนี้ และที่ The Church of Holy Sepulchre ที่อื่นก็อาจจะมี แต่ป้าไม่ทันสังเกตก็อาจเป็นได้ ถังอันนี้ใหญ่สะใจดีมากค่ะ เผื่อมีระเบิดหลายลูกพร้อมกันจะได้ใส่ได้หมด.. อิอิ ตอนแรกเห็นถังหน้าตาประหลาดแบบนี้วางอยู่ ก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก แค่สงสัยนิด ๆ ว่ามันคืออะไร หรือมันจะเป็นถังแก๊สหุงต้ม อิอิ แต่พอไกด์บอกเท่านั้นแหละ.. ขนหัวลุกซู่... เกิดมาในชีวิต ไม่เคยเที่ยวเมืองไหนที่มีถังกำจัดระเบิดวางให้บริการอยู่ใกล้ ๆ เลยค่ะ โอ้.. ตัวเรา.. มาเที่ยวประเทศอะไรนี่... หึ..หึ... ดีนะ ได้ทำพินัยกรรมไว้เรียบร้อยแล้วก่อนเดินทางออกจากบ้าน แนะนำนะคะ ก่อนมาเที่ยวประเทศนี้ ไม่ว่าใครจะบอกว่ามันไม่มีการก่อการร้ายอะไรแล้วก็ตาม ก็ต้องทำพินัยกรรมให้เรียบร้อยก่อนเดินทางค่ะ อิอิ คนไทยอยากไปเที่ยว อิสราเอล ก็ทำได้ไม่ยากเลยนะคะ แค่ไปขอวีซ่า ซื้อตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม ฯลฯ แค่นี้ก็ไปเที่ยวได้แล้ว แต่มันยากที่สุดที่ทำให้ไม่กล้าไปก็คือ กลัวเรื่องระเบิดพลีชีพ กลัวสถานการณ์ความไม่สงบ ฯลฯ นี่แหละค่ะ ทำให้จะตัดใจไปเที่ยวกันไม่ลง.. อ้อ.. อีกอย่างหนึ่ง ต้องเตรียมเงินกันไปเยอะ ๆ ด้วยนะคะ เพราะค่าครองชีพในอิสราเอล แพงมาก ๆ แพงกว่าเที่ยวอเมริการาว ๆ 2-3 เท่าตัวเลยค่ะ ถ้าใครทำใจไปเที่ยวประเทศนี้ได้ มีการทำพินัยกรรมเรียบร้อยแล้ว และเป็นคนชอบเรื่องราวในประวัติศาสตร์ อารยธรรมโบราณ บ้านเมืองเก่า ๆ รับรองว่าประเทศนี้จะมีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจมากมายจนดูกันไม่ไหวทีเดียว เชื่อหัวไอ้เรืองซิ.. แต่ป้าฟูไม่รับผิดชอบนะ ตัวใครตัวมันล่ะครับ.... แฮร่ ๆๆๆ โม้เยอะแล้ว เมื่อยมือ วันนี้ขาลาไปก่อนนะคะ บาย...