ถ้าถามว่าในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 50 รัฐนั้น รัฐไหนที่เที่ยวแล้วประทับใจสุด ๆ หรือ ชอบมากสุด คงต้องบอกว่า มันต้องที่ Alaska (ออกเสียง - อลาสก้า) ซึ่งเป็นดินแดนที่ถูกกล่าวขานว่าเป็น เดอะ ลาสต์ฟรอนเทียร์ (The Last Frontier) คือ ที่สุดกู่ ที่กว้างใหญ่ เป็นที่สุดท้ายที่คนมุ่งแสวงหาเพื่อไปกรุยทางสร้างหลักปักฐานให้ชีวิตและครอบครัว เป็นการไปเผชิญโชคชะตาเพื่อสร้างสิ่งดี ๆ ให้ชีวิต อันนี้คือ สิ่งที่คนในยุคที่ไปบุกเบิกเขาคิดกัน เขาเลยตั้งชื่อมาแบบนี้ไง รัฐ อลาสก้า (Alaska) เป็นรัฐที่ 49 ของประเทศสหรัฐฯ โดยเป็นรัฐที่ซื้อต่อมาจากประเทศรัสเซียอีกทีหนึ่ง จากแผนที่ตั้งของรัฐนี้จะเห็นว่ารัฐนี้ไม่ติดต่อกับส่วนของแผ่นดินใหญ่ของประเทศสหรัฐฯ แต่ไปติ่งอยู่กับส่วนของประเทศแคนาดา (Canada) ทางตะวันออกเฉียงเหนือ นับเป็นรัฐ 1 ใน 2 รัฐ ที่ไม่ได้มีพื้นที่ติดต่อ หรือ อยู่ในแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ ...อีกรัฐหนึ่งคือ อะไร ใครทราบบ้าง? ลองคิดหาคำตอบดูก่อนนะคะ ส่วนใหญ่แล้วคนไทยจะไปเที่ยวรัฐ Alaska ทางเรือสำราญ คือ ต้องซื้อทัวร์ ไปนอนค้างอ้างแรม กินนอนในเรือใหญ่ที่เรียกว่า ครุซ (cruise) ทำนองนั้น แต่ที่ป้าไปเที่ยวนี้เป็นการไปด้วยตัวเอง เที่ยวด้วยตัวเอง ทำทุกอย่างเอง ไม่ได้ไปเรือสำราญ ไม่ได้ซื้อทัวร์ ไม่มีไกด์นำเที่ยวนะคะ ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้ไปบุกไปเบิกอะไรค่ะ ไปเพื่อเที่ยวจริง ๆ ดินแดนใน Alaska ที่ไปเที่ยวมาในทริปนี้ คือ ส่วนที่เรียกว่า อลาสก้าอินไซด์พาสเสจ (Alaska Inside Passage) ซึ่งเป็นแนวเส้นทางการเดินทางทางเรือ หรือที่เรียกว่า route ที่ล่องไปตามเกาะต่าง ๆ ของรัฐนี้ โดยการท่องเที่ยวครั้งนี้ใช้เวลารวมทั้งหมด 22 วัน โดยการเดินทางแบ่งออกได้ดังนี้คือ 1. การเดินทางจากจุดเริ่มต้นคือเมืองที่เราอยู่ไปถึงเมือง Juneau (ออกเสียง จูโน่) เมืองหลวงของรัฐ Alaska เดินทางโดยเครื่องบิน สำหรับนักท่องเที่ยวคนไทยสามารถเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ BKK ทำรายการมาลงที่สนามบิน Juneau International Airport (JNU) โดยทั่วไปแล้วสายการบินส่วนใหญ่จะมาเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน Seattle-Tacoma International Airport (SEA) ที่รัฐ Washington ก่อน หลังจากนั้นจะมีสายการบิน Alaska Airlines บินต่อมาที่สนามบินเมือง Juneau รัฐ Alaska การเดินทางอาจกินเวลาระหว่าง 25 - 35 ชั่วโมง ขึ้นกับแต่ละสายการบิน ซึ่งในปัจจุบันมีสายการบินที่บินตั้งต้นมาจากไทย ได้แก่ Asiana Airlines, China Eastern, Cathay Paficic, Singapore Airlines, EVA Airlines และ Korean Airlines เป็นต้น 2. การเดินทางระหว่างเมือง Juneau ไปยังเมืองอื่น ๆ สามารถเดินทางได้ทางเครื่องบินและทางเรือ สำหรับในทริปนี้ผู้เขียนเดินทางโดยทางเรือเฟอร์รี่ โดยใช้บริการของ Alaska Marine Highway ซึ่งเป็นเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่เช่นกัน แต่ไม่ใหญ่โต หรูหราแบบเรือสำราญ แต่คล่องตัว และประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการเดินทางโดยเรือสำราญมาก ที่สำคัญ คือ เราสามารถเลือกเมืองที่เราจะพักเที่ยวได้ด้วยตัวเราเอง หากไปกับเรือสำราญ เรือจะหยุดพักให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปเที่ยวได้เพียงบางเมืองเท่านั้น ดังนั้นจึงแตกต่างจากการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ซึ่งเราสามารถกำหนดเส้นทางการเดินทางและเมืองที่เราจะนอนพักและเที่ยว รวมทั้งกำหนดวันเวลาได้ตามที่เราต้องการ 3. นอกจากเดินทางโดยเครื่องบิน เรือเฟอร์รี่แล้ว การท่องเที่ยวใน 22 วันนี้ ยังเดินทางโดยเช่ารถขับท่องเที่ยวตามเมืองแต่ละเมือง อีกทั้ง ขับท่องเที่ยวเข้าไปยังเขตปกครองยูค่อน หรือ Yukon Territory ของประเทศแคนาดา (Canada) อีกด้วย โดยการเช่ารถขับ เราเช่าเป็นช่วง ๆ ตามความจำเป็น เพราะบางเมืองหรือบางวันเราสามารถเดินท่องเที่ยวชมเมืองได้หากเราเช่าที่พักที่อยู่ในย่านแหล่งท่องเที่ยว เราจึงใช้การเดินเท้า หรือขึ้นรถแบบรถประจำทางที่บางเมืองมีบริการ ซึ่งก็นับว่าสะดวกและประหยัด ไม่ต้องเสียเงินเช่ารถทั้งวัน คำแนะนำสำหรับผู้สนใจท่องเที่ยวด้วยตัวเอง สำหรับผู้สนใจเดินทางท่องเที่ยวรัฐอลาสก้า ในภูมิภาคที่เรียกว่า Alaska Inside Passage นี้ผู้เขียนแนะนำให้ลองศึกษาการเดินทางที่ผู้เขียนใช้เดินทางเพื่อเป็นแนวทางนำไปปรับเส้นทางการเดินทาง ตลอดจนวันที่เหมาะกับตัวท่านหรือกลุ่มของท่าน โดยการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้นอกจากข้อมูลการเดินทางที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ยังมีเรื่องที่น่าสนใจอีกคือ ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว : ควรมาท่องเที่ยวช่วงปลายเดือนเมษายนเป็นต้นไป คือ เป็นช่วงที่คลายหนาวลงบ้างแล้ว แต่ยังมีความเย็นของอากาสอยู่ แต่ส่วนใหญ่กิจการต่าง ๆ จะเริ่มคึกคักในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม เรือสำราญจะเริ่มเข้าเทียบท่าในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤษภาคม ซึ่งการท่องเที่ยวก็จะคึกคักมากขึ้น แต่ถ้าชอบความสงบ เรียบง่าย การมาท่องเที่ยวในช่วงปลายเมษายน หรือช่วงต้นพฤษภาคมก็นับว่าไม่เลวทีเดียว หากมาช่วงฤดูร้อน คือ กรกฎาคม - สิงหาคม ก็อาจจะร้อนมากขึ้น แต่ช่วงฤดูหนาวคือ ธันวาคม - มีนาคม เป็นช่วงที่มีหิมะมาก การเดินทางท่องเที่ยวก็จะลำบากเล็กน้อย คนไทยอาจต้องเตรียมตัวมาผจญกับความหนาวมากกว่าช่วงอื่น ๆ การจองตั๋วเรือเฟอร์รี่สามารถศึกษาได้จากเวปไซต์ของ Alaska Marine Highway คือ http://dot.alaska.gov/amhs/ หรือ https://www.alaska.org/transportation/ferry เนื่องจากการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้จำเป็นต้องเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่ จำเป็นต้องเปลี่ยนที่นอน เมืองที่นอนในแต่ละวันหรือวันเว้นวันดังนั้นจึงควรใช้กระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก และใช้เป้ขนาดเล็กเสริมให้สามารถนำเสื้อผ้าที่จำเป็นมาได้ตามสมควร และมีความคล่องตัวในการเดินทาง ไม่แนะนำให้เดินทางด้วยกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ การเดินทางท่องเที่ยวทั้ง 22 วันจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในตอนต่อ ๆ ไป ค่ะ รับรองสนุกแน่ นี่ขนาดป้าแก่ ๆ เที่ยวเองนะคะ ยังว่าสนุก ถ้าคนอายุน้อยกว่าป้าไปเที่ยวกันเอง ยิ่งจะสนุกค่ะ การท่องเที่ยวเองจะทำให้เราได้ประสบการณ์มากกว่าการเที่ยวกับทัวร์ เราเที่ยวได้ตามใจเรา ไม่ต้องกลัวค่ะ อ่านบันทึกการท่องเที่ยวของป้าแล้วรับรองเที่ยวเองได้ค่ะ