>>>ทะเล...เป็นที่ที่ใครหลายๆคนชื่นชอบกับการดื่มด่ำบรรยากาศ หรือนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ไม่ว่าจะมีเรื่องสุข หรือทุกข์ ผู้เขียนก็เป็นหนึ่งคนที่ชอบไปนั่งริมทะเลทั้งยามสุขและทุกข์ เพราะโชคดีที่บ้านอยู่ใกล้ทะเลตั้งแต่เด็กๆ เมื่อนึกถึงวัยเด็ก ทุกๆคนก็จะมีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ประสบการณ์เหล่านั้นคือสิ่งที่หล่อหลอมความเป็นตัวเราที่เป็นอยู่ทุกวันนี้... ภาพทะเลนั้นสามารถสื่ออะไรได้หลายอย่าง ในภาพนี้จะเห็นว่า มีเรือหาปลาอยู่ 2 ลำกำลังลอยอยู่บนผืนน้ำทะเลที่นิ่งสงบ เรือทั้ง 2 ลำมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การหาปลา แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ มีเรือลำเล็ก 1 ลำ กับเรือลำใหญ่ 1 ลำ โดยเจ้าของเรือทั้ง 2 ลำก็ใช้ชีวิตกันตามปกติ ออกหาปลาพร้อมกัน โดยมีแหล่งหาปลาของตน และกลับเข้าฝั่งพร้อมกัน เปรียบได้กับการใช้ชีวิตของคนเราที่มีจุดมุ่งหมายที่เหมือนกัน และไม่ได้มีอุปสรรคให้ต้องขัดแย้งกัน ถึงแม้จะมีวัตถุประสงค์เหมือนกัน อาจเพราะทะเลกว้างใหญ่ แต่มีเรือเพียง 2 ลำในการออกหาปลา แต่ถ้าวันหนึ่ง ระหว่างที่เรือทั้ง 2 ลำ กำลังหาปลากันตามปกติ แต่วันนั้นเกิดมีพายุฝน และทำให้เกิดคลื่นลมแรงกลางทะเล เรือลำเล็กนั้นต้องใช้กำลัง และความสามารถในการพาเรือของตน เพื่อให้รอดกลับมาเข้าฝั่งมากกว่าเรือลำใหญ่ เพราะเรือลำใหญ่มีเกราะกำบังที่ดีกว่าในการฝ่าฟันคลื่นลม พายุฝน และคลื่นลมก็เปรียบเสมือนอุปสรรคที่คนเราทุกคนต้องเจอ ซึ่งในสถานการณ์นี้ ถ้าเรือลำเล็กไปต่อไม่ไหว หรือเรือแตก เจ้าของเรือก็จะต้องหาทางแก้ปัญหาของตัวเองในการว่ายน้ำกลับเข้าฝั่ง หรือจะขอความช่วยเหลือจากเรือลำใหญ่ในการพากลับไป ซึ่งในเหตุการณ์นี้ ถ้าเจ้าของเรือลำใหญ่ช่วยเจ้าของเรือลำเล็ก และเมื่อเจอคลื่นแรงกว่าเดิม เจ้าของเรือลำเล็ก ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการบังคับเรือที่โต้คลื่นแรงเป็นประจำ ก็จะพากันไปถึงจุดหมายปลายทางได้ โดยฝ่าฟันอุปสรรคที่ต้องอาศัยความชำนาญของทั้ง 2 คน และช่วยกันแก้ปัญหาได้อย่างสำเร็จลุล่วง แต่ถ้าเจ้าของเรือลำใหญ่ไม่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ก็อาจจะทำให้เรือลำใหญ่เองก็กลับไม่ถึงฝั่งเช่นกัน เรือทั้ง 2 ลำ ก็เปรียบเสมือนสถานการณ์โควิดในตอนนี้ ซึ่งทำให้ผู้เขียนนึกถึงภาพนี้ขึ้นมา คนเรามีต้นทุนมาไม่เท่ากันตั้งแต่เกิด ไม่ใช่ว่าเจ้าของเรือลำเล็กอยากจะสร้างเรือลำเล็ก แต่อาจเป็นเพราะเค้าสามารถสร้างเรือลำนั้นได้ใหญ่ที่สุดในชีวิตเค้าก็เป็นได้ เจ้าของเรือก็เปรียบเสมือนเจ้าของกิจการ ที่ต่างก็มีต้นทุนทางการลงทุนที่แตกต่างกัน เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เจออุปสรรคหรือปัญหาในเวลาเดียวกัน ก็เข้าใจได้ว่าทุกคนได้รับผลกระทบกันหมด จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการจัดการปัญหาในแต่ละองค์กร ซึ่งผลกระทบของเจ้าของกิจการ ก็มีผลเป็นลูกโซ่มาถึงพนักงานในองค์กร รวมไปถึงมีผลกระทบหนักถึงคนที่โดนให้ออกจากงาน ในสภาวะการณ์เช่นนี้ ถ้าเรานำหลักการพึ่งพาอาศัยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ลดความเห็นแก่ตัว ลดช่องว่างของการค้ากำไรเกินควรในบางสายงานที่เป็นโอกาส เพื่อให้เราสามารถช่วยกันพยุงเรือของเราที่เหลืออยู่ให้กลับไปถึงฝั่งได้ หรือกลับไปสร้างเรือใหม่จากการระดมสมองและประสบการณ์ที่พบเจอ ผู้เขียนเชื่อว่า ถ้าเปลี่ยนอุปสรรคที่เจอ ให้เป็นแรงผลักดันและเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหรือคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ร่วมกัน เพื่อความอยู่รอดของสังคมเรา และถ้าเราผ่านช่วงนี้ไปได้ เราก็จะผ่านด่านต่อ ๆ ไปในชีวิตได้อย่างไม่ลำบาก เพราะเราได้สร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเราเองแล้ว เชื่อว่าหลังจากสถานการณ์โควิดผ่านไป จะมีการเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต การดำเนินธุรกิจ และรูปแบบการศึกษาไปจากเดิม สถานการณ์นี้สอนให้เราเห็นคุณค่าของครอบครัวและกัลยาณมิตร รู้จักระวังตัวในการใช้ชีวิตมากขึ้น เพราะสิ่งสำคัญคือปัจจัย 4 ซึ่งก็ยังคงมีแค่ 4 อย่างที่ทุกคนต้องการในสถานการณ์นี้ ใครก็ตามที่ตกงาน ผู้เขียนขอให้กำลังใจในการต่อสู้กับอุปสรรคด้วยสติ และใช้เวลาว่างตรงนี้ในการอยู่กับครอบครัว คิดสร้างฝันของตัวเอง หรือไม่หยุดคิดที่จะทำในสิ่งที่ตนเองถนัด ทำวิกฤตให้เป็นโอกาส ส่วนในสายงานบริการ (การท่องเที่ยว การบิน การโรงแรม) เรารอฟ้าหลังฝน อีกไม่นานจะกลับมารุ่งเรืองกว่าเดิม :ภาพทั้งหมดโดยนักเขียน