สวัสดีจ้าทุกคน...หลายคนคงได้ยินเรื่องราวของ ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ มาจากหลายสื่อบ้างแล้ว จากชื่อเสียงในเรื่องวิชาเศรษฐศาสตร์ บ้างก็ได้ยินจากที่เคยสอนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์บ้างแล้ว บ้างก็ได้ยินจากวิกิพีเดีย แล้วนี่เองก็จะนำเสนอเรื่องของธนบัตรเก่าในสมัยที่ อ.ป๋วย ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่คุณแม่เก็บสะสมมาหลายปี แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้นำรูปธนบัตรในสมัยนั้นกลับมาสู่สายตาอีกครั้ง หลังจากเวลาผ่านไปนานหลายสิบปีเลยทีเดียว นานจนที่ผู้เขียนจำกาลเวลาไม่ได้ด้วยซ้ำว่า...ผ่านมากี่สิบปีแล้ว ผู้เขียนไม่เคยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับธนบัตรกลุ่มนั้นมาก่อน อาจเป็นเพราะคนละ Generation และไม่เคยรู้ว่ามีแบบนี้มาก่อน จึงรู้สึกแปลกตามากกว่าปกติ ถึงจะมีธนบัตรแต่ละรุ่นไม่ครบลักษณะทุกมูลค่า จึงขอนำเสนอไว้เป็นแนวทางการศึกษาว่า ในสมัย อ.ป๋วยเคยมีรูปแบบธนบัตรในลักษณะนี้จริง ๆ ที่ผลิตในประเทศไทยยุคนั้นถ้าสังเกตดี ๆ ธนบัตรในยุคนั้นจะมีลายเซ็นของ อ.ป๋วย ระบุว่าเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยรับรองให้ใช้ธนบัตรรูปแบบนี้ได้ ธนบัตรในสองภาพแรกจะเป็นภาพของธนบัตรใบละ 1 บาท ซึ่งหายากมากในปัจจุบัน เพราะคนเริ่มไม่ค่อยเห็นธนบัตรแบบนี้มากแล้ว และค่าเงิน 1 บาทในสมัยนี้ทำเป็นเหรียญกษาปณ์แทน ในสมัยนั้นต้องบอกก่อนว่าเป็นธนบัตรที่มีมูลค่าในสมัยนั้น ถ้าเป็นเหรียญกษาปณ์จะเป็นเหรียญสลึง 50 สตางค์ และ 25 สตางค์ส่วนใหญ่ ที่นิยมในยุค 2500 ที่หนึ่งบาทสามารถซื้อข้าวและขนมจีนได้ 1 จานต่อมาก็เป็นธนบัตร 5 บาท ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความหลากหลายในการใช้สอยมากขึ้น เพิ่มมูลค่าจากที่มีธนบัตร 1 บาท เพื่อง่ายต่อการจับจ่ายใช้สอย ถ้าให้มองว่ามีความหายากแค่ไหน จัดว่าเป็นธนบัตรหายากในปัจจุบันเช่นเดียวกันชุดที่สามก็จะเป็นธนบัตรใบละ 10 บาท จากคำบอกเล่าของคุณแม่ที่เล่าว่าในยุคนั้นใครที่ให้ธนบัตรนี้มา Feeling จะเหมือน "คนรวย" หรือ "คนมีเงิน" ยื่นมาให้ เนื่องจากในยุค 2500 คนที่มีธนบัตรนี้ มูลค่าจะเหมือนธนบัตร 100 บาทในปัจจุบันเลย สามารถซื้อของแบบถล่มทลายร้านค้ายังได้เลย แม้แต่ซื้อขนม ของเล่นก็เหมาร้านค้ามาที่บ้านก็ยังได้เลย เพราะธนบัตร 10 บาทมูลค่าจะสูงกว่าซื้อด้วยเหรียญสลึงอยู่แล้ว อีกทั้งยังออกแบบมาเพื่อจับจ่ายใช้สอยได้หลากหลายขึ้นเช่นกันต่อมาก็เป็นธนบัตรใบละ 20 บาท ตอนแรกงงอยู่ว่าธนบัตร 20 บาททำไมไม่ใช่ลายเซ็น อ.ป๋วย แต่พอถามคุณแม่ คุณแม่ตอบว่าธนบัตรในสมัย อ.ป๋วยก็ยังเป็นรูปแบบนี้อยู่ แต่พอครบวาระก็เปลี่ยนเป็นลายเซ็นของ "พิสุทธิ์ นิมมานเหมินท์" ที่รับเป็นผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยต่อจาก อ.ป๋วยแทน จึงทำให้คลายความสงสัยได้บ้าง แต่ธนบัตร 20 บาทได้พัฒนามาเป็นธนบัตรที่จับจ่ายในยุคปัจจุบัน เพียงแต่เปลี่ยน Pattern ของธนบัตรเท่านั้นชุดสุดท้ายก็เป็นธนบัตรใบละ 100 บาท แต่คุณแม่เองก็ไม่แน่ใจว่ามีใบละ 500 กับ 1000 บาทเหมือนในสมัยนี้หรือไม่ แต่ใบละ 100 บาทมีมูลค่าสูงพอ ๆ กับธนบัตร 1000 บาทในปัจจุบันมาก จึงเป็นธนบัตรมูลค่าสูงที่สุดที่มีอยู่ในบ้าน ใครที่มีครอบครองถือได้ว่าเป็นคนมีฐานะมากพอตัว น้อยคนนักที่จะมีไว้ในครอบครองในสมัยนั้น รูปแบบธนบัตรนี้ยังเป็นลายเซ็นของ อ.ป๋วยเหมือนเดิมตัวอย่างรูปภาพนำเสนอบทความเกี่ยวกับเรื่องราวธนบัตรในสมัยของ อ.ป๋วย อึ้งภากรณ์ ครั้งเมื่อขณะดำรงตำแหน่ง ทำให้รู้จักเรื่องธนบัตรทั้งสมัยเก่าและสมัยของตนเองในปัจจุบันเพิ่มขึ้น น้อยคนนักที่จะมีคนรุ่นใหม่เล่าเรื่องธนบัตรเก่า ๆ ที่เปิดเผยให้คนได้รู้จักขึ้น หากใครที่เป็นนักสะสม รับซื้อธนบัตรเก่าก็ยังเป็นที่ต้องการในบรรดาคนเหล่านั้น ผู้เขียนหวังว่าการเสนอเรื่องราวธนบัตรในสมัย อ.ป๋วยจะเป็นแนวทางการศึกษาของคนรุ่นหลังได้ดี ไม่มากก็น้อย ขอฝากบทความไว้ใน ณ ที่นี้ด้วยค่ะขอบคุณภาพ freepik : ภาพปกขอบคุณภาพประกอบบทความ : ภาพประกอบโดยผู้เขียน