ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีทองของพระเอกดังในอดีตที่ปัจจุบันหันมาเอาดีทางด้านผู้กำกับการแสดงอย่าง สถาพร นาควิไลโรจน์ หลังจากที่มีข่าวว่าได้บทประพันธ์เรื่อง นาคราช ของนักเขียนชั้นครูอย่าง แก้วเก้า ไปครอง รวมไปจนถึงข่าวเปิดกล้อง เรยา ละครภาคจบในจักรวาล มงกุฎดอกส้ม-ดอกส้มสีทอง ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 8ล่าสุดผู้กำกับฯมากฝีมือคนนี้ ก็สร้างความฮือฮาให้กับแฟน ๆ ละครอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวได้ประกาศเตรียมสร้างละคร เล่ห์ลุนตยา หนึ่งในซีรีส์จักรวาลผีผ้าอันเป็นปฐมบทแห่ง สาปภูษา บทประพันธ์ของคุณหมอนักเขียนชื่อดัง พงศกร ให้กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 หลังจากที่บทประพันธ์ เล่ห์ลุนตยา หมดสัญญากับทางสถานีโทรทัศน์ช่องน้อยสี โดยได้นักแสดงสาวมากฝีมืออย่าง ยุ้ย - จีรนันท์ มะโนแจ่ม ซึ่งกำลังใกล้จะหมดสัญญากับต้นสังกัดเดิม มาร่วมงานกับทางช่อง 8 เป็นครั้งแรกเล่ห์ลุนตยา นับเป็นนวนิยายเรื่องเยี่ยมอีกเรื่องหนึ่งในซีรีส์ผีผ้าของคุณหมอนักเขียนชื่อดังเจ้าของนามปากกา พงศกร ที่คอนวนิยายรู้จักเป็นอย่างดี โดยเฉพาะนวนิยายในซีรีส์ผีผ้าทั้ง 9 เรื่อง ทั้งที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ผ่านหูผ่านตาไปบ้างแล้ว และที่กำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมงานสร้าง นับตั้งแต่ สาปภูษา (ละครช่อง 3) รอยไหม (ละครช่อง 3) กี่เพ้า (ละครช่อง 3) สิเน่หาส่าหรี (เตรียมสร้างเป็นละครช่อง One) กลกิโมโน (ละครช่อง 3) ลูกไม้ลายสนธยา (ละครช่อง 7) เลื่อมลวง (เตรียมสร้างเป็นละครช่อง 7) บุหงาบาติก และ เล่ห์ลุนตยาบทประพันธ์ เล่ห์ลุนตยา ของ พงศกร ถือว่าเป็นปฐมบทแห่ง สาปภูษา ซึ่งเคยสร้างเป็นละครดังของทางช่อง 3 ที่จะพาเราเดินทางจากหลวงพระบางในเรื่อง สาปภูษา เพื่อย้อนกลับไปในอดีตราว 20 ปีก่อนหน้านั้น ณ มัณฑะเล ผ่านเรื่องราวในช่วงวัยหนุ่มสาวของหญิงผู้หลงใหลในเสน่ห์ของผืนผ้าอย่าง ภุมรี และชายผู้มีสัมผัสพิเศษอย่าง แทนไท ตัวละครสำคัญที่เชื่อมโยงมาจากเรื่อง สาปภูษา อีกครั้ง ผ่านนวนิยายบทประพันธ์ต้นฉบับ 44 บท ความยาวเกือบ 500 หน้าเล่มนี้เล่ห์ลุนตยา เปิดเรื่องใน 7 บทแรก โดยการพาผู้อ่านย้อนกลับไปที่มัณฑะเล ในปี พ.ศ. 2510 ก่อนจะพาผู้อ่านมาโผล่ในปี พ.ศ. 2522 ที่กรุงเทพมหานคร ในบทที่ 8 ที่ย่างกุ้ง ในบทที่ 9 และที่มัณฑะเล ตั้งแต่ในบทที่ 10 เป็นต้นไปนวนิยายบอกเล่าเรื่องราวของ เอลดา เด็กหญิงที่มีความสงสัยและพยายามค้นหาคำตอบว่าใครกันแน่ที่เป็นต้นเหตุทำให้ นางเอละวิน ยายของเธอต้องตาบอด ผ่านปริศนาและอาถรรพณ์อันน่าสะพรึงกลัวทว่าน่าค้นหาของผ้าลุนตยาลายอะเชะราชินีสีชมพูกุหลาบซึ่งปักเลื่อมด้วยไหมทองคำ ที่ว่ากันว่าเป็นลุนตยาผืนสุดท้ายที่ นางเอละวิน ยายของเธอได้ทุ่มเททั้งชีวิตและจิตวิญญาณใช้เวลาเกือบสองปีในการถักทอขึ้นเพื่อถวายแด่เจ้าหญิงพม่าผู้ทรงสิริโฉม ก่อนที่ดวงตาของ นางเอละวิน จะถูกควักออกจากเบ้า พร้อมกับการล่มสลายแห่งราชวงศ์สุดท้ายของพม่า ‘แม่ของฉันเล่าให้ฟังว่า ที่ยายของเธอตาบอด ก็เพราะทอลุนตยาสวยเกินไป ก็เลยถูกควักลูกตาเสีย เพื่อจะได้ไม่สามารถไปทอให้คนอื่นได้อีก ...ยายของเธอถูกพระนางสุภยลัตสั่งคนควักลูกตา...ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น พอคนอังกฤษบุกยึดบ้านยึดเมือง ยึดพระราชวัง พระนางก็เลยกลัวว่ายายของเธอจะไปทอลุนตยาสวย ๆ ให้พวกคนอังกฤษใช้ ก็เลยควักลูกตาทิ้งยังไงล่ะ’ (จาก เล่ห์ลุนตยา หน้า 8-9)เป็นเวลาเกือบ 12 ปีที่ เอลดา ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อไปศึกษาที่อังกฤษ ด้วยทุนของสถาบันการทอผ้าเซาเดอร์ (ซึ่งเป็นสถาบันที่อังกฤษตั้งขึ้นที่เมืองอมรปุระตั้งแต่ปี พ.ศ. 2485) เธอไปเรียนตั้งแต่ระดับไฮสกูลจนกระทั่งสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาพัฒนาสิ่งทอ จึงได้เดินทางกลับมาทำงานยังบ้านเกิดตามเจตนาของสถาบันเซาเดอร์เจ้าของทุนณ บ้านเกิดเมืองนอนของเธอนี่เองที่ เอลดา ต้องกลับมาค้นหาคำตอบของปริศนาลึกลับที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ผืนผ้าลุนตยาของ นางเอละวิน ผู้เป็นยายอีกครั้ง พร้อมกับเพื่อน ๆ ของเธอ ไม่ว่าจะเป็นสาวไทยผู้หลงใหลในเสน่ห์ของผ้าโบราณอย่าง ภุมรี หนุ่มวิศวกรไทยผู้มีสัมผัสพิเศษอย่าง แทนไท คนรักของภุมรีเอง เพื่อนรุ่นพี่ชาวสะกายที่ปัจจุบันได้กลายมาเป็นนายแพทย์เต็มตัวแล้วอย่าง ติณเทพ รวมไปถึง แอนโธนี หนุ่มชาวอังกฤษผู้สำเร็จวิชาประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งได้เดินทางติดตาม เอลดา มาด้วย เพื่อสืบหาร่องรอยของ พันโทเดวิด คุณปู่ของเขาซึ่งเคยมาประจำการอยู่ที่มัณฑะเล และได้เสียชีวิตอยู่ที่นี่ ... แอนโธนี เพื่อนชาวอังกฤษที่ นางเอละวิน แสดงความรังเกียจออกมาอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่ายายของเธอจะมีดวงตาที่มืดบอดทั้งสองข้างก็ตามทีความเข้มข้นของ เล่ห์ลุนตยา เริ่มต้นขึ้นเมื่อ เอลดา ได้พบกับ เลเลยา ลูกสาวของ เลธะจี น้าชายของเธอเอง ซึ่งขณะนี้ได้แต่งงานไปแล้วกับ อูซอรี เพื่อนชายจอมเกเรของเอลดาที่แอบหลงรักเธอมาตั้งแต่สมัยเด็ก ด้วยนิสัยเกเรที่ถูกบ่มเพาะมาตั้งแต่ยังเยาว์ผ่านการเลี้ยงดูที่ถูกตามใจเสียจนเคยชิน และด้วยความสำคัญตนเองที่เป็นถึงลูกชายของ นายพลอูซอน นายพลคนสนิทของนายพลเนวินผู้นำของประเทศพม่าในขณะนั้น แผนปฏิบัติการรวบหัวรวบหาง เอลดา จึงได้เริ่มขึ้นอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของ มาดามตยานี ประธานสภาสตรีซึ่งเป็นแม่ของ อูซอรี เอง ในขณะที่ ภุมรี เพื่อนสาวของ เอลดา ก็กำลังถูกครอบงำด้วยวิญญาณพยาบาทของ เจ้าหญิงมินพยู หลังจากที่ภุมรีได้หยิบเอาผ้าลุนตยาจากหีบที่บ้านของเอลดาไปสวม และในขณะนี้วิญญาณดวงนั้นก็กำลังมุ่งหมายเอาชีวิตของ แอนโธนี ให้จงได้!โดยส่วนตัวของผู้เขียนบทความเองแล้ว เล่ห์ลุนตยา นับว่าเป็นนวนิยายในซีรีส์ผีผ้าที่ได้คะแนนสูงลิบอยู่ในอันดับ 2 รองจาก สิเน่หาส่าหรี เลยทีเดียว เมื่อให้คะแนนจากประเด็นที่ซ่อนอยู่ในความเข้มข้นของเนื้อหาและกลวิธีการเล่าเรื่อง เพราะนอกจาก เล่ห์ลุนตยา จะพาผู้อ่านย้อนไปสัมผัสบรรยากาศของมัณฑะเลในช่วงปี พ.ศ.2510 และ พ.ศ.2522 แล้ว พงศกร ยังพาเราย้อนกลับไป ‘เห็น’ ภาพของเมืองมัณฑะเลในสมัยพระเจ้าธีบอ ราวปี พ.ศ. 2425 ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อก่อนที่พม่าจะสูญเสียเอกราชให้แก่อังกฤษในปี พ.ศ.2428 อีกด้วย ผ่านเรื่องราวในราชสำนักฝ่ายในของ เด็กหญิงเอละวิน และ เจ้าหญิงมินพยู พระนัดดาองค์โปรดของพระนางสุภยลัต เจ้าหญิงมินพยูผู้เลอโฉมซึ่งท้ายที่สุดเธอต้องถูกสำเร็จโทษโดยการแห่ประจานรอบเมืองและถูกทรมานจนสิ้นใจไปพร้อมกับความอาฆาต หลังจากที่เธอถูกอิจฉาริษยาใส่ร้ายจากบรรดาเชื้อพระวงศ์ด้วยกันเอง ในข้อหาลักลอบเขียนจดหมายติดต่อกับนายทหารชาวอังกฤษผู้มีนามว่า พันโทเดวิด ในขณะที่ เอละวิน ผู้เป็นคนสนิทเองก็ถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมทั้งตอกเล็บและตอกดวงตาจนกระทั่งดวงตาทั้งสองข้างของเธอบอดสนิท มือของเธอจับชายลุนตยาของเจ้าหญิงมินพยูแน่น เอละวินในวัยแรกรุ่นร่ำไห้ปานหัวใจจะแตกสลาย ตาทั้งสองข้างของเธอนั้นบอดสนิท ร่องรอยที่ปรากฏบอกให้รู้ว่าตาที่บอดเกิดจากการถูกลงทัณฑ์มากกว่าเกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ โทษของเอละวินที่ภุมรีได้ยินผู้คนซุบซิบแก่กันนั้น คือโทษฐานที่รู้เห็นเป็นใจกับความผิดของผู้เป็นนาย และประพฤติตัวเป็นผู้ส่งสาส์นรักระหว่างเจ้าหญิงกับหนุ่มอังกฤษ! ...ความผิดของเจ้าหญิงมินพยูคือเขียนจดหมายโต้ตอบกับนายทหารชาวอังกฤษ ถือเป็นความผิดถึงสองสถาน นั่นคือ มีหนังสือโต้ตอบกับบุรุษเพศ และบุรุษผู้นั้นยังเป็นชาวต่างชาติที่กำลังจ้องหาโอกาสยึดครองประเทศอีกด้วย (จาก เล่ห์ลุนตยา หน้า 409)ไม่ใช่เฉพาะเพียงแต่เรื่องราวของความรักต้องห้ามที่เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองเท่านั้น ที่เป็นประเด็นน่าจับตามองใน เล่ห์ลุนตยา เพราะนอกจากประเด็นทางการเมืองแล้ว พงศกร ก็สามารถสอดแทรกความรู้เบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ของบ้านพี่เมืองน้องที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานเคียงคู่มากับประเทศไทยเราได้อย่างแนบเนียนและน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ประเพณีการทอผ้าใยบัวแบบโบราณของชาวอินตาโดยการนำใยของบัวหลวงที่อยู่ในทะเลสาบอินเล รัฐฉาน เท่านั้นมาทำเป็นเส้นใย ความเชื่อร่วมเกี่ยวกับพระอุปคุต ประเพณีเรียกขวัญ หรือ “เล็บยา” การเดินทางของตำรับอาหารระหว่างไทย-พม่า ตลอดจนถึงเรื่องราวอีกด้านหนึ่งของ พระนางสุภยลัต พระราชธิดาในพระเจ้ามินดงกับพระมเหสีรองนามพระนางอเลนันดอ พระนางสุภยลัตผู้ซึ่งเป็นพระอัครมเหสีในพระเจ้าธีบอ กษัตริย์พม่าองค์สุดท้ายก่อนที่พม่าจะตกเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ ว่าแท้ที่จริงแล้วพระนางมีความโหดเหี้ยมอย่างที่ ‘ข้อความในประวัติศาสตร์’ บอกแก่เราซึ่งเป็นคนรุ่นหลังจริง ๆ หรือ? “ยายของหนูถูกลงโทษจนตาบอดจริง ๆ ...แต่ไม่ใช่พระนางสุภยลัต ...ที่เล่ากันไปทั่วว่าพระนางโหดร้าย” มิสมากาเร็ตเล่าด้วยใจที่เป็นกลาง “แต่ถ้าได้ลองอ่านเอกสารประวัติศาสตร์หลาย ๆ ฉบับ ได้อ่านบทสัมภาษณ์ที่พระนางประทานให้กับนักข่าวหนังสือพิมพ์ The Irrawaddy เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2467 หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษอนุญาตให้พระนางเสด็จกลับมาประทับอยู่ที่ย่างกุ้งแล้วล่ะก็ เราอาจจะเกิดคำถามในใจว่าเรื่องราวที่เคยได้ยินมา เป็นจริงอย่างนั้นหรือเปล่า” (จาก เล่ห์ลุนตยา หน้า 227)เล่ห์ลุนตยา เคยพิมพ์เป็นตอน ๆ ครั้งแรกในนิตยสารสกุลไทย ในปี พ.ศ. 2555-2556 ได้รับการพิมพ์รวมเล่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2556 และกำลังจะได้รับการสร้างสรรค์เป็นละครบิ๊กโปรเจ็กต์ของทางช่อง 8 ในเร็ว ๆ นี้ โดยผู้กำกับการแสดงคนเก่งมากฝีมือ สถาพร นาควิไลโรจน์ ซึ่งนอกจากจะเป็นอดีตพระเอกนักแสดงเจ้าบทบาทแล้วยังเป็นแฟนคลับนวนิยายตัวจริงของคุณหมอ พงศกร เจ้าของบทประพันธ์อีกด้วยสำหรับความพิเศษของละคร เล่ห์ลุนตยา นั้น นอกจากจะเป็นปฐมบทของ สาปภูษา แล้ว ยังถือว่าเป็นการเล่นละครข้ามช่องเป็นครั้งแรกของ ยุ้ย-จีรนันท์ มะโนแจ่ม นักแสดงเจ้าบทบาทจากสังกัดช่อง 7 สีอีกด้วย ในบทบาทของ เจ้าหญิงมินพยู พระนัดดาองค์โปรดของพระนางสุภยลัต ซึ่งถูกสำเร็จโทษจนจบชีวิตพร้อมกับความพยาบาท ดวงพระวิญญาณของพระนางจึงสิงสู่อยู่ในผ้าลุนตยาเพื่อรอวันชำระแค้น ซึ่งนับว่าเป็นบทที่ท้าทายความสามารถและน่าจับตาอีกบทบาทหนึ่งของ ยุ้ย-จีรนันท์ มะโนแจ่มหมายเหตุ สะกดชื่อเฉพาะและชื่อตัวละครต่าง ๆ ตามต้นฉบับในนวนิยาย โดยยึดการออกเสียงตามแบบ Historical and Cultural Dictionary of Burma ของ Metuchen N.J. โดย สำนักพิมพ์ The Scarecrow Press ฉบับปี พ.ศ. 2516ขอบคุณรูปภาพ PIC 1 : Ch3Thailand / PIC 2-4 : ภาพโดยผู้เขียน / PIC 5 : PlegpranangCH7 / PIC 6 : PlegpranangCH7