อุปนิสัยที่เอื้อต่อการเรียนรู้อย่างหนึ่งก็คือ หมั่นตั้งคำถามที่มีประโยชน์ คำถามไม่เพียงจะช่วยชี้นำจิตใจของเรา แต่ยังปลดปล่อยจิตของเราให้เป็นอิสระและสร้างสรรค์ยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงวางแนวคิดผลลัพธ์ที่วางแนวทางมาอย่างดี ขึ้นมาพวกเราหลาย ๆ คนคงจะเคยเขียน “เป้าหมายของชีวิต” เอาไว้แล้วส่วนบางคนที่ทำงานอยู่กับองค์กรบางแห่ง เป้าหมายของคุณก็อาจมีมืออาชีพช่วยกำหนดและเขียนไว้ให้แล้วอย่างเสร็จสรรพ ทุกอย่างต้องชัดเจน ยิ่งเป้าหมายชัดเจนและวิธีการชัดเจนมากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่ตำราส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยเน้นกัน เช่น บางเรื่องจะเน้นให้เรานึกถึงภาพเป้าหมายขึ้นมาเพื่อจะทำให้มันกลายเป็นความจริง เราเห็นว่ามันจริงแค่บางส่วนบางคนก็แนะนำให้จดบันทึกเป้าหมายของเราเอาไว้ เพื่อจะได้ทำให้สำเร็จซึ่งก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง เพราะการบันทึกเป้าหมายของเราลงไปก็เท่านั้นเรากำลังทำสองอย่าง คือ คิดถึงเป้าหมายและจดมันเอาไว้ ว่าไปแล้วทุกอย่างก็สรุปลงที่ “ความเข้มข้น” หากสิ่งที่เราทำอยู่นั้นดันไปในทิศทางที่มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จมากเพียงใด โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีมากขึ้นเพียงนั้น ยิ่งคุณนึกเห็นภาพของคุณขณะที่ทำได้สำเร็จตามเป้าหมายชัดเจนมากขึ้นเพียงใด แนวโน้มที่จะสมหวังก็มีมากขึ้นเพียงนั้นและยิ่งสามารถผสมผสานเข้ากับอารมณ์และความตื่นเต้นต่าง ๆ ที่จะเกิดในขณะนั้นด้วย โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็ยิ่งมีมากขึ้นไปอีก ถ้าจดทุกสิ่งอย่างเหล่านี้ลงในกระดาษ คุณก็กำลังเขยิบใกล้ความสำเร็จเข้าไปอีกขั้น “ความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ก็คือการพยายามสร้างและเชื่อมต่อความหมายที่ชัดเจนให้แก่เป้าหมายของคุณ” ขณะที่คุณถามตนเองว่า ทันทีที่บรรลุเป้าหมายที่ต้องการฉันจะเห็นอะไร จะได้ยินอะไร จะรู้สึกอย่างไร จะได้กลิ่นอะไร จะรู้รสอะไร คุณก็กำลังเขยิบใกล้ความสำเร็จเข้าไปอีกขั้น แต่นั่นแปลว่า คุณจำต้องระลึกถึงแรงกระทบที่เป้าหมายนั้นมีต่อตัวคุณและผู้อื่นด้วย เพื่อช่วยให้คุณทำสิ่งเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น เราจะลองสาธิตให้ดูค่ะ อย่างที่เราบอกมาแล้วข้างต้นค่ะว่า ธรรมชาติไม่ชอบให้เกิดช่องว่างเพราะฉะนั้น หากคุณทำให้เกิดช่องว่างขึ้นมาเมื่อไหร่ คุณก็ต้องรีบเติมบางสิ่งบางอย่างลงไปแทนในช่องว่างนั้นโดยด่วน ก่อนที่สมองจะเติมสิ่งที่คุณคุ้นเคยลงในช่องว่างนั้นแทนในกรณีนี้ก็คือ รีบเติม หรือ ที่คุณคุ้นเคยจะเรียกว่า “เป้าหมาย” ก็ได้เพื่อป้องกับไม่ให้ชีวิตต้องยุ่งยากลำบากขึ้น ขอให้คุณรีบตั้งคำถามกับตัวเองว่า ตอนนี้คุณอยากพบอะไรอยากเห็นอะไร อยากได้ยินอะไร อยากรู้สึกอย่างไร จากตรงนี้นี่แหละค่ะ ที่คุณจะมองเห็นกระบวนการทั้งหมดที่รวมกันขึ้นมาเป็นเป้าหมายของคุณจริง ๆ ต้องชัดเจน ก่อนอื่นก่อนจะสร้างได้นั้น คุณต้องมีความชัดเจนซะก่อน ต้องลงในรายละเอียดของเป้าหมายให้ชัดเจน เช่น หากหนึ่งในเป้าหมายของคุณคือ ปรับปรุงมาตรฐานของการดำรงชีวิต และส่วนหนึ่งในนั้นก็คือ ซื้อบ้านใหม่ วิธีง่าย ๆ ที่คุณจะต้องทำคือโทรหานายหน้าขายบ้าน และบอกเขาไปว่าคุณอยากซื้อบ้าน นายหน้าก็จะถามลักษณะของบ้านที่คุณอยากได้ คุณก็อาจจะลงลึกในรายละเอียดไปอีกว่า “อยากได้บ้านติดทะเล” นายหน้าก็อาจจะซักถามรายละเอียดจากคุณเพิ่มอีกว่า อยากได้บ้านลักษณะอย่างไรขนาดกี่ห้องนอน เป็นต้น “สรุป ใบสั่งซื้อ ของคุณก็คือ บ้านเดี่ยวติดทะเลขนาด 3 ห้องนอน” พอให้รายละเอียดกับนายหน้าไปแล้ว ก็เป็นอันสบายใจได้ หลังจากนั้นไม่กี่วัน นายหน้าก็โทร มาส่งข่าวว่าหาบ้านในฝันของคุณได้แล้วและขวนคุณไปดูระหว่างทางที่คุณขับรถไปดูบ้านนฝันนั้น ทุกอย่างช่างงดงามถูกใจ ท้องทะเลสีครามขนานคู่กับหาดทรายเห็นหมู่แมกไม่พัดไหวไปกับสายลมทะเล จิตใจของคุณพองลอยฟ่องคู่กับนกนางนวลบนท้องฟ้า รถยังคงไต่สูงขึ้นไปกว่าที่คุณคาดหวังเล็กน้อยแต่ความสุขในใจคุณยังเหมือนเดิม จวบจวนกระทั่งมาถึงจุดที่คุณไม่ได้ยินเสียงคลื่นซัดสาดกระทบทรายอีกแล้ว ตรงนั้นแหละที่นายหน้าหันมาบอกคุณว่า “ถึงแล้วค่ะ” รถจอดสนิท ดึงเบรกมือ คุณก็เปิดประตูรถออกไป บ้านเดี่ยวติดทะเลขนาด 3 ห้องนอนทอดตัวอยู่เบื้องหน้าคุณจะตาม “ใบสั่ง” อย่างถูกต้อง แต่มันอยู่บนหน้าผา แม้มันจะถูกต้องตามรายละเอียดที่คุณให้เขาไป แต่คุณก็คงพยายามจะโยนความผิดใส่คนอื่น “เดี๋ยวก่อน” นี่มันบ้านบนหน้าผาชัด ๆ นายหน้าก็คงต่อบคุณว่า “ใช่ค่ะ... ก็ติดทะเลอย่างที่คุณต้องการไงคะ คุณอยากได้บ้านติดทะเลไม่ใช่หรอ” สมองของคุณก็ทำงานแบบเดียวกันนี่แหละ หากคุณให้รายละเอียดไว้ไม่ชัดเจนพอ ก็อย่าคาดหวังว่าสมองจะทำงานได้ถูกใจคุณต้องให้รายละเอียดกับสมองอย่างชัดเจนว่า จะไปไหน จะทำอะไร และจะไปยังไงเพราะมันจะทำงานตามคำสั่งที่คุณให้ ด้วยวิธีการทำงานของภาษา ทุกครั้งที่คุณพูดกับตัวเอง มันคือการสั่งงานไปให้สมองตอบสนอง ด้วยเหตุนี้เองหากเราบอกสมองของเราเพียงว่า “ฉันแค่อยากมีความสุข” ก็ควรถามตัวเองด้วยว่ามันละเอียดพอที่สมองจะจัดการให้คุณได้หรือยัง สมองของเราไม่น่าจะรู้ว่า “ความสุข” หน้าตาเป็นอย่างไร หรือมีเสียงแบบไหนหรือแม้แต่เป็นความรู้สึกอย่างไร กรณีนี้คุณไม่ได้ให้รายละเอียดกับสมองมากเพียงพอที่จะช่วยให้มันบันดาลสิ่งที่คุณปรารถนาได้ ขอบคุณภาพปกจาก unsplash.comขอบคุณภาพประกอบเนื้อหา ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3