หากวันหนึ่งฉันตาย ความตายฉันจะมีความหมายอย่างไรเราทุกคนล้วนเคยคิดอยากหายไปจากโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์... จริงแค่ไหนก็ขอให้นึกถึงวันวานที่ผ่านมาทั้งหมดของชีวิตเราดูย้อนมองกลับไปถึงวันที่เราต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดเพียงลำพัง แล้วนึกดูให้ดีว่าในวันนั้น ตอนนั้น เรารู้สึกอย่างไร เรารู้สึกว่า..อยากหายไปเลยไหม หนังสือเรื่อง ถ้าวันหนึ่งนั้น....ฉันตาย เป็นวรรณกรรมแปลจากเกาหลีขนาดยาวกำลังพอดีที่ 176 หน้า มันคือหนังสือที่สะท้อนปัญหาสังคมครอบครัวของเกาหลี ภาคการศึกษา และความเป็นวัยรุ่น ดั่งเช่นหนังสือ เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด ที่ออกมาวิพากษ์ระบบการศึกษาเกาหลี ได้ตรงจริงเอาซะผู้ใหญ่ที่คิดระบบนี้โดยที่ไม่เคยลงมาสอนใครซักคนในชีวิตถึงกับหน้าชาเลยทีเดียวแต่เล่มนี้เองไม่ได้ขีดเขียนประเด็นเหล่านั้นเสียขนาดหรอก สิ่งที่หนังสือมันตั้งคำถามแก่เรามากที่สุดก็คือ ชีวิตเรามีความหมายอะไร หากเมื่อตายไปทุกอย่างก็จบอยู่ดี วันนี้ข้าพเจ้าเองขอนำเรื่องราวรำพึงรำพันของความหายชีวิตกับหนังสือเรื่อง ถ้าหากวันหนึ่งนั้น...ฉันตาย มาเล่าให้ฟังกัน*สารภาพตรงนี้เลยว่า อ่านชื่อหนังสือครั้งแรกนึกถึงเพลง ฉันมีค่าแค่ไหน ของ Peacemaker จริงเชียวเรื่องราวของ... ยูมีสาวน้อยวัย 15 และพึ่งจะอายุได้ 16 มาไม่นาน เธอตื่นขึ้นมาในเช้าปกติ ไปเรียนตามปกติ แต่เธอก็ได้พบกับข่าวว่า เพื่อนรักของเธอ เจจุน ได้ตายไปแล้ว...ด้วยอุบัติเหตุทางถนน เจจุนแอบไปขี่มอเตอร์ไซค์โดยไม่บอกพ่อกับแม่ แม่ของเจจุนจึงได้นำไดอารี่ของลูกชายตัวเอง ส่งต่อให้กับยูมีซึ่งเป็นเพื่อนรัก แล้วเมื่อเธอเปิดสมุดไปหน้าแรกก็พบกับตัวหนังสือเด่นชัดเขียนไว้ว่า หากวันหนึ่งฉันตาย ความตายฉันจะมีความหมายอย่างไรตลอดทั้งเรื่องราวในไดอารี่ของเจจุน เขาจะชอบเล่นอย่างหนึ่งกับเพื่อนฝูง เขาเรียกมันว่า "การเล่นเป็นศพ" ทุกคนหลับตานอนแน่นิ่ง นานที่สุดใครลุกขึ้นมาก่อนคนนั้นแพ้ และเจจุน ทำได้เหมือนจนทุกคนคิดว่าเขาตายไปแล้วจริง ๆ หากมองเผิน ๆ ก็คงเป็นการเล่นของเด็ก หากมองเชิงไสยศาสตร์ก็คงต้องตีก้นซักทีแล้วบอกว่ามันเป็นลางร้าย แต่หากมองเข้าไปข้างในของเจจุน เราจะได้รู้ได้ว่า เขากำลังต้องเผชิญกับบางสิ่ง เขากำลังเคว้ง กรีดร้องอยู่ภายใน ตามหาใครซักคนที่จะช่วยดึงเขาขึ้นไปจากหลุมมืด แต่เขาบอกตรง ๆ ไม่ได้ เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่า...เขาเป็นอะไรเรารู้ได้ว่าที่เขากลายเป็นแบบนี้เพราะปัญหาครอบครัว ปัญหาสารพัดที่ประดังเข้ามาในชีวิตเขา แต่เราไม่มีทางเข้าใจเขาได้อย่างถ่องแท้เลยว่า เขาเป็นอะไรกันแน่ เว้นเสียแต่ว่า...เราจะเหมือนเขา นั้นแหละเราถึงจะเข้าใจเขาได้จริงที่สุดตรงนี้อาจกล่าวได้ว่า หนังสือกำลังบอกเราอยู่หรือเปล่าว่า ปัญหาทางจิตนั้น มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ การพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เป็นสิ่งที่ควรพึงกระทำ สำคัญที่สุดก็คือ คนรอบข้างนั้นเองที่จะกล้าพอยอมรับปัญหาเหล่านี้ ที่ยังไม่ได้กลายมาเป็น "โรคที่ดูอันตรายในสายตา" กันอยู่หรือเปล่าโปรดอย่าคิดว่า "โรค" ต้องหมายที่การเจ็บป่วยทางกาย เพราะทางจิตใจเราเอง มันก็ลึกลับมากเกินกว่าจะหยั่งถึงด้วยซ้ำไป หนังสือจึงได้สะท้อนปัญหาอีกปัจจัยของคนคิดที่จะฆ่าตัวตาย นั้นคือ สถาบันครอบครัวนั้นเอง ครอบครัวทำร้ายเราโดยไม่ได้ตั้งใจนักต่อนักพ่อแม่นั้น จึงสำคัญยิ่งที่จะต้องหยุด และย้ำคิดก่อนจะทำ ก่อนจะพูด เพราะการกระทำของเรานั้น มันส่งผลใหญ่หลวงแก่ลูกของเราสืบไปมากอย่างแน่นอนความหมายของการมีชีวิตเพราะมีความตาย จึงมีความหมายของชีวิต ไม่ว่านั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์อุปโลกน์มาหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าจะบอกว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่อตื่นขึ้นมากินข้าว หลับแล้วตื่นมาในเช้าวันใหม่ มันก็คงเป็นอะไรที่บ้าบอเกินไปหน่อย เพราะฉะนั้นเองเราจึงเริ่มตามหาความหมายให้แก่ชีวิตของใครของมัน ล้วนแล้วแต่เหตุผลนานับประการที่แตกต่างกันไปของปัจเจกบุคคล ไม่ว่าเมื่อเราเจอเหตุผลแล้ว มันจะดูเป็นเพียงปรัชญาที่ไม่ได้มีมูลฐานของเหตุผลมารองรับ หรือเป็นสิ่งที่อุปโลกน์ขึ้นมาเองหรือไม่ก็ตาม แต่มันจะสำคัญตรงไหนละ ก็นี้มันชีวิตเรานิ นายอาจจะคุมร่างกายเราได้ แต่นายจะมาควบคุมความคิด และจิตวิญญาณของเราไม่ได้หรอก เจจุนต้องถูกกดขี่จากครอบครัวตัวเองอย่างหนัก และเขาไม่สามารถสู้กลับได้ เมื่อมันทำไม่ได้ มันเก็บเอาไว้ภายในใจจนจุกอกอ้ำอึ้ง สิ่งเดียวที่เขาระบายออกมาคือการไปขี่มอเตอร์ไซค์กับเพื่อนในห้องเรียนที่เป็นแกงค์มอไซค์ นั้นแหละคือความหมายของการไม่เป็นทาสทางจิตวิญญาณแก่ใคร ๆ เรามีชีวิตอยู่เพื่อใครซักคนหรือเรียกว่ากำลังใจหรือเปล่า เรียกว่าความรักหรือเปล่า ฟังเพลงพี่ตูนในบทเพลงก็กล่าวถึงชีวิตและความรักอยู่บ่อย ๆ สิ่งนั้นหรือเปล่าที่ยังทำให้เรามีชีวิตอยู่ เพราะเราได้เกิดมาบนโลกกลม ๆ ใบนี้ และได้มีโอกาสรักใครซักคน เราจึงอยากมีชีวิตต่อ เพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างคนที่เรารักไปอีกยาว ๆ ~เรามีชีวิตอยู่เพื่อความฝันนอกจากความรัก คนเราเกิดมามีสิ่งที่ชอบและเกลียด และนั้นเป็นสิ่งที่ชี้ให้เรารู้ว่า เราอยากเป็นอะไรในอนาคต เราอยากมีชีวิตแบบไหนในอีก 10 ปี ข้างหน้านี้ ไม่ผิดเลยหากจะบอกว่า เรานั้นมีชีวิตอยู่เพื่อนความฝัน เพราะมีความฝันจึงเจ็บปวด แต่เพราะเจ็บปวดจึงเติบโต และเพราะเติบโต เราจึงทำเป็น และเพราะทำเป็น เราจึงอยู่กับความฝันที่กลายมาเป็นความจริงในที่สุด เรามีชีวิตอยู่เพื่อความทรงจำ เมื่อบั้นปลายชีวิตมาถึง เราจะมองย้อนกลับไปในอดีตที่ผ่านมา กับคนรัก กับความฝัน คนมิตรสหาย กับครอบครัว กับอาจารย์ กับพี่น้อง กับทุก ๆ คน ที่เรามีความสัมพันธ์ด้วย เราจึงยิ้มทุกครั้งที่มองย้อนกลับไปยังเรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้นแก่เรา และเราก็จะมีชีวิตต่อไปเพื่อความทรงจำนั้น และส่งต่อทอดพลังจากความทรงจำเหล่านั้น ผ่านบทสนทนา และบทเรียนแก่คนรุ่นต่อ ๆ ไปและเมื่อถึงเวลาอันควร เราก็จะกลายเป็นความทรงจำต่อทอดแก่รุ่นต่อ ๆ ไป ให้สืบเล่าขานชื่อเราตลอดไปล้วนแล้วเหล่านั้นประกอบมาเป็นคำว่า เรามีชีวิตอยู่เพื่อความสุขไงละการตายของเจจุน ทำให้เราได้รู้ว่า สิ่งที่ควรทำ ที่ยังไม่ได้ทำ ก็รีบทำมันก่อนจะสายเกินไป ส่วนเธอ ยูมี....เธอรู้ตัวว่ารักเขาก็เมื่อเขาจากไปแล้ว แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่สายไปเลยหรอกนะ ก็ยังดีที่เธอซื่อสัตย์กับตัวเอง ว่าเธอรักเขาเข้าแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่อยู่กับเราแล้วก็ตาม เพราะเมื่อเรามีความรัก เราจึงยังมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อสืบความทรงจำที่ฉันเคยได้รักเขาให้ยาวนานยิ่งขึ้น สืบสานการมีอยู่ของคนที่จากไปแล้ว ผ่านตัวฉันนี้เอง หรือกล่าวโดยง่าย ยูมี มีชีวิตต่อไปเพื่อ เจจุน เพื่อแจ็กกะโรสใน Titanic เช่นเดียวกัน สุดท้ายความหมายของการตายของเธอนั้น มันไม่ได้มีความหมายชัดเจนอะไร แต่เธอนั้น จะเป็นเด็กหนุ่มวัย 15 ตลอดไปในความทรงจำของฉันตลอดมาติดตามข้าพเจ้าเองได้ที่ยูทูป Funfrom production และได้ที่ Blockditภาพโดย : ข้าพเจ้าเอง หนังสือหาได้ตามร้านหนังสือทั่วไป Se-ed, Readeny, naiin