สายเปลที่ฟั่นขึ้นจากปอกล้วยบ้าง เศษผ้าบ้าง มัดเกี้ยวกระหวัดกับผ้าขาวม้าที่แม่ทอเพื่อยึดโยงกับโครงเสาเปลไม้เนื้อแข็งที่พ่อทำ แล้วนิทราสถานของทารกก็อบอุ่นและอ่อนโยนเพียงพอกับการนอนหลับของลูกน้อย เสียงขูดขันโลหะกับพื้นไม้สลับกับเสียงเพลงขับกล่อมจากมารดาผู้คอยถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงทารกน้อย ค่อยกล่อมให้แพนขนตาทั้งคู่นั้นค่อยกระหยับจนหับลงในที่สุด สำเนียงแห่งสำนวนเพลงกล่อมนั้นล้วนบรรจุเรื่องราวคำสอนต่าง ๆ เอาไว้อย่างวิจิตรบรรจง เนื้อทำนองในภาษาอีสานคล้ายกับเสียงสะท้อนจากแผ่นดินอีสาน แผ่นดินแห่งชาติภูมิของทารกน้อย--ภาพโดยผู้เขียน--เพลงกล่อมลูกของภาคอีสานมีมาต้ังแต่โบราณกาล แม้จะมีหลากสำเนียงหลายภาษาตามแต่ละท้องถิ่น แต่ก็มีวัตถุประสงค์ในการใช้กล่อมให้เด็กนอนหลับเหมือนกัน สำหรับเพลงกล่อมลูกของภาคอีสานที่ผู้เขียนเคยได้ยินมามีเนื้อหาและสามารถถอดความได้ดังนี้ “ นอนสาหล่าหลับตาแม่สิกล่อม นอนอ้อมล้อมในผ้าอู่แพคันแทโค้งพ่อเจ้าป้านผู้เดียว เหนียวข้าวเหนียวติบนี้แม่นึ่งไปก่นบึ้งมาป่นกินกับ เจ้าบ่หลับบ่ให้กินกล้วยแม่ไปห้วยหาส่อนปลาซิว เก็บผักติ้วมาใส่แกงเห็ดไปใส่เบ็ดเอาปลาข่อใหญ่ ไปเลี้ยงไก่อยู่ป่าสวนมอนคันบ่นอนแมวโพงกัดก้น ไก่บักโจ้นโตนฮ่านตอดหำอื้อ ฮือ อื่อ ฮือ อื่อ ฮือ อือ ๆ ”ภาพจากพานิสิต เอราวัณถอดความได้ว่าให้ลูกจงนอนหลับให้สบายในเปลผ้าขาวม้า( ผ้าแพ ) คันนาที่คดโค้งนั้นพ่อของลูกเป็นคนทำ(ป้าน)คนเดียว ส่วนข้าวเหนียวกระติบนี้แม่ก็เป็นคนนึ่งเช่นกัน ความนี้มีนัยยะว่าครอบครัวเรามีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบกัน โดยพ่อเป็นผู้รับผิดชอบงานนา แม่รับผิดชอบงานครัวเรือน ส่วนเจ้ายังเป็นเด็กอยู่ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อลูกนอนหลับแล้วแม่จะไปหาขุดแมงมุมยักษ์(บึ้ง)มาป่น ไปหาช้อน(ส่อน)ปลาซิว ไปหาเก็บผักติ้ว ไปหาวางเบ็ดดักปลาช่อน(ปลาข่อ)ใหญ่ และก็ต้องไปเลี้ยงไก่ด้วย หากเจ้าไม่นอนเจ้าจะไม่ได้กินกล้วย อีกทั้งแมวป่า(แมวโพง)และไก่ชนตัวใหญ่(ไก่บักโจ้น)จะมากัดก้นของเจ้า ข้อความนี้แม่มีจุดประสงค์จะให้ลูกหลับโดยบอกลูกกราย ๆ ว่าแม่มีงานเยอะนะภาพจากพานิสิต เอราวัณเพลงกล่อมเด็กถือเป็นความฉลาดในการดูแลลูกของแม่ชาวอีสาน ที่พัฒนาการเรียนรู้ของลูกน้อยด้วยบทเพลงที่มีท่วงทำนองเนิบช้า ทำให้เกิดการพัฒนาสมองและความฉลาดทางอารมณ์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังทำให้เด็กที่เติบโตมามีความรักในเสียงเพลง รักในศิลปะ ตลอดจนรักในภาษาและแผ่นดินมาตุภูมิของตนภาพปกจากพานิสิต เอราวัณ