กิจกรรมในวันสงกรานต์นอกจากจะมีการทำบุญตักบาตร รดน้ำดำหัวหรือเล่นสาดน้ำกันแล้ว ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่เมื่อคนในครอบครัวมาพบปะกันหรือรวมตัวกันก็จะเกิดกิจกรรมขึ้นมาคือการทำขนมไทยรับประทานกันนั่นเอง ขนมไทยที่นิยมทำกันก็จะมี ข้าวเหนียวแดง ข้าวเหนียวแก้ว กาละแม เนื่องจากเป็นขนมที่ต้องใช้แรงคนเยอะจึงนิยมทำกันในช่วงเวลานี้ และนอกจากทำไว้รับประทานกันเองในครอบครัวแล้วยังนำไปฝากผู้เฒ่าผู้แก่ในการไปรดน้ำดำหัว รวมทั้งยังนำไปแจกจ่ายให้บ้านใกล้เรือนเคียงอีกด้วยกัน แต่ในปัจจุบันนี้การรวมตัวกันทำขนมไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็ลดน้อยลง แต่ก็ยังคงมีให้เห็นบ้างในบางพื้นที่ ดังนั้นวันนี้จะพาไปทำความรู้จัก ถือเป็นการช่วยอนุรักษ์ขนมไทยให้รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป วันนี้จึงมีเมนูขนมไทยที่จะนำเสนอ คือ ข้าวเหนียวแก้ว ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ข้าวเหนียวแก้วนอกจากจะนิยมทำในเทศกาลสงกรานต์แล้วยังทำในพิธีงานต่าง ๆ อีกด้วยเนื่ิองจากเป็นขนมที่มีความหมายที่ดี ด้วยความหมายว่า เป็นขนมที่เหนียวแน่น แน่นแฟ้น สามัคคีกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังนั้นคนไทยจึงนิยมที่จะทำและเสิร์ฟเมนูนี้กันในงานพิธีสำคัญด้วย อีกทั้งเป็นเมนูที่ทำได้ง่ายและยังใช้วัตถุดิบที่ไม่มากและเป็นสิ่งที่ทุกคนมีติดบ้านหรือปลูกไว้อยู่แล้ว ทั้งข้าวเหนียว กะทิ น้ำตาล งา และสีแต่งกลิ่นที่มาจากธรรมชาติอย่างใบเตยและเพิ่มความหอมด้วยน้ำลอยดอกมะลิหน้าบ้านที่คนไทยนิยมปลูกกันแทบจะทุกบ้าน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน มีขั้นตอนการทำอย่างง่ายมาฝาก 6 ขั้นตอนด้วยกัน ขั้นที่ 1 เริ่มจากการเตรียมภาชนะสำหรับใส่ขนมทั้งแบบถ้วยพลาสติกที่ในปัจจุบันนิยมใช้หรือจะใช้ใบเตยมาพับเป็นกระทง (สามารถดูวิธีการพับกระทงได้เว็บไซต์ต่าง ๆ) ขั้นที่ 2 ก่อนจะทำขนมหนึ่งคืน ก็แช่ข้าวเหนียวไว้ก่อนเพื่อให้ข้าวเหนียวนิ่มไม่แข็ง จากนั้นก็นำไปนึ่งประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ขั้นที่ 3 ขณะนึ่งข้าวเหนียวก็ทำน้ำผสมกะทิไว้รอ ซึ่งจะมีกะทิ น้ำตาล และเกลือ คนผสมกันให้ละลายดี จากนั้นเมื่อข้าวนึ่งสุกก็นำน้ำกะทิที่ผสมไว้ไปราดให้ทั่วข้าวเหนียวผสมกันให้เข้าเนื้อและพักทิ้งไว้ให้น้ำกะทิดูดซึมเข้าไปในข้าวเหนียว ขั้นที่ 4 การเตรียมสีและกลิ่นธรรมชาติจากใบเตยและน้ำลอยดอกมะลิ(สามารถใช้สีและกลิ่นอื่น ๆ ตามชอบได้)โดยนำใบเตยไปปั่นและแยกกากออก ส่วนน้ำลอยดอกมะลิก็ทำไว้ตั้งแต่เย็นของวันก่อนที่จะทำโดยนำดอกมะลิตูมล้างให้สะอาดและนำไปใส่ในน้ำดื่มในภาชนะที่มีฝาและปิดฝาให้สนิท พรุ่งนี้เช้าก่อนทำขนมน้ำลอยก็สามารถนำมาใช้ได้แล้ว ขั้นที่ 5 นำข้าวลงไปกวนในกระทองเหลืองหรือกระทะเทฟลอนก็ได้ โดยนำข้าวที่พักไว้ลงไปในกระทะและใส่สี กลิ่นธรรมชาติที่เราเตรียมไว้ลงไปที่ละสี และกวนจนเนื้อข้าวเหนียวจับตัวกันดี ประมาณ 10-15 นาที โดยใช้ไฟอ่อน ๆ และกวนตลอดห้ามหยุดกวนเพราะอาจทำให้ขนมไหม้ได้ ขั้นที่ 6 เสิร์ฟโดยการตักตัวขนมลงในภาชนะที่เตรียมไว้และโรยด้วยงาขาวค่ั่วก็เป็นอันเสร็จสิ้น ภาพถ่ายโดยผู้เขียน เมื่อทำขนมเสร็จแล้วก็นำไปแจกจ่ายให้ทุกคนได้รับประทาน ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อคนใกล้เคียง เห็นไหมว่าจากขนมธรรมดาที่เราเห็นกันทั่วไป เป็นขนมที่สร้างประโยชน์ให้หลากหลายด้าน ทั้งการที่ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันสร้างความสัมพันธ์กันจากกิจกรรมการทำขนมไทยที่สืบทอดมาจากรุ่นปู่ย่าตายายแล้ว ยังช่วยให้มีเวลาอยู่ร่วมกัน นอกจากจะอิ่มอร่อยท้องแล้ว ยังอิ่มเอมใจอีกด้วย ภาพถ่ายโดยผู้เขียน (สามารถเข้าไปดูวัตถุดิบและวิธีการทำอย่างละเอียดได้ที่ช่องYoutube: Sasitorn Lakornsri)