ผู้ป่วยโดยทั่วไปต้องเน้นอาหารที่มีรสชาติไม่จัดจ้าน เพราะระบบร่างกายอาจยังไม่พร้อมในการรับประทานอาหารที่มีรสจัดเกิน และต้องเป็นอาหารที่มีคุณค่าของสารอาหารครบถ้วน เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง เมนูปรุงน้อยวันนี้ มาดามจึงขอนำเสนอ “ผัดกะหล่ำปลี” ซึ่งใช้เครื่องปรุงรสให้น้อยที่สุด เน้นความสด สะอาด และคุณค่าทางสารอาหาร จะเป็นอย่างไรมาตามไปดูกันเลย ส่วนประกอบ/เครื่องปรุง กะหล่ำปลี ¼ หัว พริกหวานเขียว เหลือง แดง อย่างละ ¼ หัว มะเขือเทศ 2 ลูก แครอท ½ หัว ผักชี 3 ก้าน กระเทียมทุบ 1 กำมือ (สำหรับผู้ป่วยเน้นกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ใส่มากหน่อย) วุ้นเส้น ½ ถุง นำมันรำข้าว 1 ช้อนชา (พอให้เจียวกระเทียมให้มีกลิ่นหอมได้) ซีอิ๊วขาว/ซอสโซเดียมต่ำ 1 ช้อนโต๊ะ เกลือชมพู ½ ช้อนชา หมูสับ ใส่ตามความต้องการ สำหรับผู้ไม่ทานหมูไม่ต้องใส่ก็ได้ ขั้นตอนการเตรียม การล้างผัก ขั้นตอนนี้มาดามได้เน้นย้ำตลอด โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็ง ผักทุกชนิดที่ซื้อมาต้องแช่ เบกกิ้งโซดาประมาณ 15-20 นาที และล้างออกให้สะอาดโดย โดยการเปิดก๊อกน้ำ ให้น้ำไหลผ่านอย่างน้อย 1-2 นาที เพื่อให้ลดยาฆ่าแมลงที่มากับผักให้เหลือน้อยที่สุด วิธีนี้เป็นวิธีที่ล้างผักให้ได้ผลประมาณ 90-95 % เลยทีเดียว ล้างหมูให้สะอาดก่อนนำมาสับ ส่วนกระเทียมก่อเช่นกัน ต้องล้างให้สะอาดก่อนนำมาทุบ ป้องกันเชื้อราที่มักปนเปื้อนมากับกระเทียม วุ้นเส้นแช่น้ำไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นก็ต้องล้างให้สะอาด แล้วจึงตัดให้สั้นลง หั่นกะหล่ำปลีให้เป็นเส้นฝอย (สำหรับผู้ป่วย บางทีลิ้นไม่รับรส หรือ บางทีก็ไม่อยากเคี้ยวอาหาร ทำให้เคี้ยวง่ายหน่อยจะดีที่สุด) สำหรับพริกหวาน มะเขือเทศ และ แครอทให้หั่นพอดีคำ ผักชีหั่นประมาณ 1 ข้อนิ้ว เพื่อโรยหน้า ขั้นการปรุง ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป อย่าให้ไหม้ ใส่กระเทียมลงไป เจียวให้พอหอม ระวังอย่าให้ไหม้ ใส่พริกหวาน แครอท ผัดต่อประมาณ 1 นาที ใส่หมูผัดพอให้หมูสุก ปรุงรสด้วยเกลือชมพู และซีอิ๊วขาวโซเดียมต่ำ จากนั้นใส่กะหล่ำปลี ผัดต่ออีกประมาณ 2 นาที 3. ใส่วุ้นเส้น ผัดต่อจนวุ้นเส้นอ่อนตัว ตักใส่จาน ตกแต่งให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟคู่กับผลไม้ ข้าวกล้อง และน้ำผักผลไม้ปั่น จะช่วยเสริมคุณค่าโภชนาการให้ผู้ป่วยได้มากขึ้น ความรู้คู่ผู้ป่วยมะเร็ง การผัดต้องผัดอย่างรวดเร็วและใช้เวลาให้น้อยที่สุด เพื่อคงคุณค่าของสารอาหารไว้ให้มากที่สุด เนื่องจากหากผักเหล่านี้ ถูกความร้อนมากไป วิตามิน หรือ สารอาหารบางตัวอาจหายไป ทำให้ได้รับประโยชน์ไม่เต็มที่ ผักกะหล่ำปลี ไม่ควรทานดิบในปริมาณมาก และต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เนื่องจากมีสารกอยโตรเจน ที่ขัดขวางการดูดซึมไอโอดีน อาจทำให้เป็นคอหอยพอกเป็นพิษได้ แต่หากผ่านความร้อนแม้เพียงเล็กน้อย สารตัวนี้จะสลายตัว และสามารถทานได้ตามปกติ คุณประโยชน์ที่ได้จากเมนูนี้ ขอแนะนำในส่วนของประโยชน์จาก กะหล่ำปลี มะเขือเทศ พริกหวาน แครอท และกระเทียม กะหล่ำปลี มีกรดทาร์ทาริก ที่ช่วยขัดขวางการเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลให้กลายเป็นไขมัน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วน ในกระหล่ำปลีดิบจะมีวิตามินซีสูง แต่ไม่ควรทานในปริมาณมาก มีสารเอสเมธิลเมโธโอนินรักษาโรคกระเพาะอาหาร มีสรรพคุณในการต่อต้าน มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ และมะเร็งต่อมลูกหมาก เนื่องจากมีสาร Sulforaphane ที่ลดความเสียหายของ DNA ที่เป็นต้นเหตุการณ์เกิดมะเร็งหลายชนิด นอกจากนั้นยังมี ซัลเฟอร์ช่วยในการคลายเครียดและทำให้นอนหลับได้ดี มะเขือเทศ มีวิตามินสูง มีไลโคปีนสูง โดยเฉพาะเมื่อทำให้สุกและรับประทานร่วมกับ ไขมันจะดูดซึมได้ดี มะเขือเทศช่วยในเรื่องความสดใสของผิวพรรณ และไลโคปีนมีส่วนช่วยต้านมะเร็งต่อมลูกหมากได้ นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระจำพวก แคโรทีนอยด์ เบตาแคโรทีน และกรดอะมิโนหลายชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย พริกหวาน มีสาร Capsaisin ที่ช่วยกระตุ้นการเต้นของหัวใจ แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ ไม่ควรทานในปริมาณมาก และสารตัวนี้ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำลายได้ดี อุดมไปด้วยวิตามินสูง โดยเฉพาะวิตามินซี พริกหวานสีเหลือง จะมีวิตามินสูงกว่าพริกหวานสีส้ม และสีสันของพริกหวานยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีผลต่อต้านเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย แครอท ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ชื่อว่า แคโรทีนอยด์ ที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิตวิตามินเอ รวมไปถึงต้านมะเร็ง และมีวิตามินแร่ธาตุ รวมถึงสารอาหารที่ปริมาณใกล้เคียงกับน้ำนมแม่ ผู้ป่วยที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ควรทานแครอทเป็นประจำเพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน กระเทียม มีสารต้านการเจริญเติบโตของเนื้องอก และเซลล์มะเร็ง ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน มีธาตุซีลีเนียมสูง มีงานวิจัยหลายงานที่รองรับคุณสมบัติการต้านเซลล์มะเร็งในห้องปฏิบัติการ แต่ก็มีข้อควรระวังสำหรับบางคนที่อาจแพ้กลิ่นกระเทียม หรือมีแผลผุพองจากการสัมผัสกับกระเทียมโดยตรง การทานอาหารรสจืด บางครั้งลำบากเหลือเกิน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่คุ้นชินกับการทานรสจัดมาแต่แรกเริ่มเดิมที อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัว ปรับลิ้น ปรับกาย รวมถึงปรับใจสักระยะหนึ่ง เพื่อสุขภาพของตัวผู้ป่วยเอง การเปลี่ยนพฤติกรรมสำคัญอย่างยิ่ง อย่างไรเสีย คำกล่าวที่ว่า “กินดี มีสุข” มาดามขอคอนเฟิร์มว่ามันเป็นเรื่องจริง สนใจอาหารสูตรปรุงน้อย เน้นคุณค่าทางโภชนาการ ติดตามอ่านผลงานของมาดามที่จะทยอยเขียนให้อ่านกันเรื่อย ๆ นะค่ะ แต่เบื้องต้นฝากบทความอาหารสูตรปรุงน้อยที่เขียนแล้วด้านล่างนี้ค่ะ นมถั่วหลากสี กับคุณประโยชน์ที่หลากหลาย ยำผักกูด สูตรปรุงน้อยแต่อร่อยเวอร์ เครดิตภายถ่าย ถ่ายโดยผู้เขียนเอง ขอบคุณข้อมูลจาก medthai เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !