เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่นี่ หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านม่วง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรีแห่งนี้ ยังคงมีชาวไทยเชื้อสายของมอญที่สืบทอดมาจนทุกวันนี้อาศัยอยู่ เมื่ออย่างเข้าสู่ฤดูร้อนในเดือนเมษายน คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณป้า หรือผู้อาวุโสที่สุดของแต่ละบ้านก็จะเริ่มตระเตรียมวัตถุดิบในการประกอบอาหาร เพื่อใช้ในการทำบุญตักบาตรข้าวแช่เป็นประจำกันทุกปีโดยแต่ดั้งเดิมผู้เฒ่าผู้แก่ชาวมอญมักจะใช้การทำข้าวแช่ ที่ต้องแช่ในน้ำเย็นและโรยกลีบดอกไม้ เพื่อให้ข้าวแช่นั้นเย็นและหอมกลิ่นดอกไม้อ่อน ๆ เวลารับประทานคู่กับเครื่องเคียงต่าง ๆ ก็จะหอมรัญจวนใจ ช่วยคลายความร้อนในเดือนเมษานี้ได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องด้วยสมัยปัจจุบันนี้ การทำข้าวแช่นั้นไม่ค่อยเป็นที่นิยมเสียเท่าไหร่แล้ว อาจจะมีเพียงบางครัวเรือนที่ยังพอหาทำหาทานกันอยู่บ้าง แต่กับที่บ้านผู้เขียนเอง ผู้ใหญ่ที่บ้านที่พอจะทำอาหารมอญได้ เพราะสืบทอดต่อยอดมาจากคุณยายอีกทีหนึ่งก็ไม่ได้ทำข้าวแช่แบบแต่ก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนมาเป็นข้าวต้มปกติ แต่การทำเครื่องเคียงแบบมอญก็ยังคงทำอยู่แบบดั้งเดิมทว่าความเป็นมาทำไมจึงต้อง ตักบาตรข้าวแช่ จริง ๆ แล้วตักบาตรข้าวแช่ เรียกในอีกชื่อว่า เปิงสงกรานต์ เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาเป็นเวลายาวนานของชาวรามัญจนกระทั่งทุกวันนี้ มักจะเริ่มในเดือนเมษาซึ่งตรงกับช่วงสงกรานต์ของไทยพอดี ตามขนบธรรมเนียมเดิมก็คือ ต้องทำข้าวแช่ลอยน้ำดอกมะลิ และกับข้าวไปถวายพระที่วัดส่วนหนึ่ง ถวายนางสงกรานต์ที่บ้านส่วนหนึ่ง และให้ญาติผู้ใหญ่ส่วนหนึ่ง ในส่วนของการไหว้นางสงกรานต์ ก็ต้องมีแท่นสำหรับไหว้นางสงกรานต์โดยเฉพาะ ปัจจุบันนี้นิยมทำเป็นแท่นเหล็กเพราะง่ายต่อการจัดวางและจัดเก็บ ต้องมีผ้าขาวสำหรับห่มแท่นเหล็กด้วย และต้องกางร่มไว้ 1คัน ต้องเตรียมดอกไม้ที่นิยมคือดอกคูน กระจก หวี และเครื่องหอมจำพวกน้ำอบน้ำปรุง เพื่อให้นางสงกรานต์ได้ใช้แต่งตัวตามความเชื่อ การไหว้ก็คือมีการสวดมนต์และถวายอาหารตามปกติ ทั้งหมดก็เพื่อแสดงความเคารพนับถือต่อศาสนา ความเชื่อเรื่องนางสงกรานต์และความเคารพต่อญาติผู้ใหญ่ และก็จะมีการปล่อยปลา มีขบวนแห่ปลา มีการสรงน้ำพระในตอนบ่าย ซึ่งในปี 2563 นี้ประสบปัญหาโรคระบาดโควิด-19 พอดี ประเพณีบางส่วนจึงต้องลดทอนไปเพื่อไม่ให้ผู้คนหลั่งไหลมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก จึงมีแต่การตักบาตรข้าวแช่เพียงเท่านั้นผู้เขียนขอเล่าให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย ๆ สไตล์บ้าน ๆ แบบที่ญาติผู้ใหญ่ที่บ้านทำแล้วกันนะคะ เริ่มแรกเลยก็จะเป็นการเตรียมทำกับข้าว 4 – 5 อย่างที่จะใช้รับประทานคู่กับข้าวต้มหรือข้าวแช่ โดยเฉพาะก๊ะเจีย เป็นอาหารที่มีกรรมวิธี ค่อนข้างทำยากที่สุดแล้วต้องเตรียมหลายขั้นตอน ต้องทำล่วงหน้าก่อน 1 วันการทำก๊ะเจีย (ปลาหวาน)นำปลาช่อนทะเลตากแห้งมาต้ม พักให้เย็นและนำมาเลาะก้างออก หลังจากนั้นจะเลือกใช้วิธรการใดก็ได้ จะนำไปตำ ไปปั่น ไปบด อย่างไรก็ได้ตามที่แต่ละบ้านสะดวก แค่ให้เนื้อปลาออกมามีลักษณะป่นพอหยาบ เป็นอันว่าใช้ได้นำปลาป่นที่ได้ มาทำการขั้วให้แห้งจนมีกลิ่นหอมเติมหัวกะทิ ประมาณ 1 กิโลกรัม ปริมาณของเนื้อปลาและน้ำกะทิต้องเท่ากันเขี้ยวจนน้ำกะทิงวด และเติมน้ำตาลปี๊บลงไปประมาณ 3 ขีดพอส่วนผสมเริ่มเข้ากันดี ให้ใส่ใบมะกรูดหั่นฝอยตามลงไปเป็นอันเสร็จกระบวนการหัวไชโป๊ต้มกะทินำหัวไชโป๊ ปริมาณ 1 กิโลกรัม ล้างน้ำให้สะอาด และใส่ลงหม้อนำหัวหอมแดงไปขั้วในกระทะ ให้มีกลิ่นหอมแกะเปลือกออก และใส่ลงในหม้อหัวไชโป๊ใส่หัวกะทิลงในหม้อ ประมาณ 1 กิโลกรัม เขี้ยวหัวไชโป๊และนำกะทิให้งวด หลังจากนั้นเติมน้ำตาลปี๊บเล็กน้อย เป็นอันเสร็จกระบวนการยำขนุนนำขนุนดิบมาต้มให้นิ่ม พักให้เย็น นำมาปลอกเปลือก และแกะไส้ข้างในทิ้งเครื่องปรุงในการยำประกอบไปด้วย ถั่วลิสงขั้ว มะพร้าวขูดขั้วแห้ง ปลาย่างป่นละเอียด พริกป่น น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา นำมาขยำด้วยมือ ขยำจนเนื้อขนุนและเครื่องยำผสมเข้ากันดี รสชาติ เผ็ด หวาน เค็ม เท่ากันยำมะม่วงนำมะม่วงดิบที่มีรสออกเปรี้ยวมาสับให้เป็นฝอยเครื่องปรุงในการยำประกอบไปด้วย ถั่วลิสงขั้ว มะพร้าวขูดขั้วแห้ง ปลาย่างป่นละเอียด พริกป่น น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา นำมาขยำด้วยมือ ขยำจนเนื้อมะม่วงและเครื่องยำผสมเข้ากันดี รสชาติ เปรี้ยวนำ เผ็ด หวาน เค็ม เท่ากันผัดเส้น หรือ ผัดไทยเมนูนี้เป็นเมนูเสริมขึ้นมานะคะ แยกทานกับข้าวต้มใส่น้ำมันพอประมาณ ตามด้วยหอมแดง เต้าหู้เหลือง พริกป่น หัวไชโป๊สับน้ำส้มสายชูและน้ำปลาอย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ และใส่น้ำเปล่าตามไปเล็กน้อย คนส่วนผสมให้เข้ากัน จนเดือดใส่เส้นเล็กลงไป ผัดจนน้ำงวดเข้ากับเส้น พอสุกได้ที่ปิดเตาแก็ส และใส่ถั่วงอกกับต้นหอมลงไป เป็นอันเสร็จรสชาติอาหารทุกเมนูที่ทานคู่กับข้าวแช่หรือข้าวต้มนั้น รสชาติจะออกหวาน มัน เค็ม จะมีรสเผ็ดบางเมนู เช่น ยำและผัดเส้น เป็นอาหารของชาวมอญที่มีมาแต่โบราณกินคู่กับข้าวแช่แล้วเข้ากันดี เราจะใช้เวลาการทำกับข้าวกันวันต่อวัน เพราะอย่างเมนูยำขนุน ยำมะม่วง บูดง่าย ถ้ากินไม่หมด เหลือก็ต้องทิ้ง และทำใหม่ทั้งหมด ยกเว้นเมนูก๊ะเจียสามารถเก็บใส่ตู้เย็นได้ เมนูก๊ะเจียไม่ค่อยอยากทำใหม่นัก เพราะทำยากมาก ใช้เวลาทำนานกว่าจะเสร็จเมื่อผู้ใหญ่ที่บ้านเตรียมของให้เสร็จ เด็ก ๆ ในบ้านอย่างเรากับพี่ชาย ก็มีหน้าที่จัดใส่สำรับ โดยการตักกับข้าวทั้ง 5 อย่างใส่ในถ้วย ข้าวต้ม 1 ถ้วย และขนมหวาน 1 อย่าง ที่นิยมที่สุด คือ กาละแม วางใส่ถาด 1 ถาดต่อ 1 วัด เราจะเริ่มตักบาตรข้าวแช่กันวันที่ 13 เมษาเป็นต้นไป วันแรกเรากับพี่ชายวางแพลนกันว่าคงไปส่งได้แค่ประมาณ 3 วัด เพราะพี่ชายต้องไปทำงานต่อด้วย ก็เลยนัดกันออกจากบ้านไปตักบาตรข้าวแช่ประมาณ ตีห้าครึ่งวันแรกของการตักบาตร เรากับพี่ชายไปถึงคนแรกเลย ภาพเลยออกมาดูของน้อย ๆ หน่อยนะคะ เพราะยังไม่มีใครมาเลย ทางวัดเขาก็จะเตรียมหม้อเป็นภาชนะไว้สำหรับให้คนที่มาใส่บาตร ได้ถ่ายของที่เตรียมมาลงไปในหม้อ 1 หม้อต่อ 1 อย่าง แยกกันเป็นสัดส่วน บางวัดก็มีป้ายกำกับไว้ให้เลยว่าหม้อไหนใส่อะไร มีหลวงพี่มาคอยช่วยดูความถูกต้องให้ด้วย และในสถานการณ์โควิด - 19 แบบนี้ ทางวัดก็เตรียมเจลแอลกอฮอล์ไว้ให้ล้างมือด้วยนะคะ ตัวเราเองก็ใส่แมสไปด้วยทุกวัดเลยเหมือนกัน วันต่อมาก็ทำเหมือนวันแรกเลยค่ะ ตื่นแต่เช้า ผู้ใหญ่เตรียมของไว้ให้ แต่ไปใส่ได้แค่ 2 วัด เพราะกับข้าวมีพอดีแค่นั้น เราไปตักบาตรข้าวแช่แค่ 2 วันคือวันที่ 13 – 14 เมษายนนี่ก็คือประเพณีของชาวมอญที่นี่ ที่ทำกันเป็นประจำทุกปี แต่ปีนี้มีแค่การตักบาตรข้าวแช่เท่านั้น เป็นที่น่าเสียดายเพราะเจ้าโควิด - 19 แท้ ๆ ถ้าหากปีหน้า 2564 สถานการณ์เป็นปกติดี ผู้เขียนคงได้กลับมาเขียนเรื่องราวประเพณีนี้ใหม่อีกครั้ง แบบเต็มรูปแบบ จะได้ถ่ายภาพขบวนแห่ปลา และการสรงน้ำพระแบบมอญให้คุณผู้อ่านได้เห็นประเพณีของชาวมอญที่นี่กันนะคะ สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ คุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาติดตามและอ่านบทความของเราค่ะ ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน