เรือรบอาวุธเต็มอัตรา แมนซิตี้ทำได้เพียงแค่เปิดบ้านเสมอกับ ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซนอลไปแบบสุดตึง 0-0 ผลเสมอนี้ส่งผลให้หงส์แดง ลิเวอร์พูล ได้ยืนจ่าฝูง โดยมีคะแนนห่างจากอันดับ 2 นั่นก็คืออาร์เซนอลอยู่ 2 คะแนน ส่วนทางแมนซิตี้ยังคงอยู่อันดับที่ 3 คะแนนห่างจากจ่าฝูงอยู่ 3 คะแนนมีประเด็นอะไรเกิดขึ้นในเกมนี้บ้าง มาดูกันประเด็นที่ 1: เอดิฮัด นรกทีมเยือนของจริงนับว่าเป็นสนามที่ปราบเซียนสำหรับทีมเยือนที่ต้องการมาคว้าสามคะแนนจากแชมป์เก่า ซึ่งในฤดูกาลนี้ก็เช่นกัน มีเพียงลิเวอร์พูล สเปอร์ส คริสตัล พาเลซ เชลซี ที่สามารถมาแบ่งแต้มติดมือกลับไปจากเอดิฮัด สเตเดี้ยมได้ และล่าสุดเป็นอาร์เซนอลที่สามารถแบ่งแต้มกับแมนซิตี้ได้ นี่จึงเป็นสังเวียนนรกของทีมเยือนที่จะต้องสังเวยแต้มให้กับแมนซิตี้ไปอย่างง่ายดายประเด็นที่ 2: เกมคุณภาพที่สู้ด้วยทุกวิถีทาง นับตั้งแต่มิเกล อาร์เตต้าทำงานเป็นผู้ช่วยโค้ชของเป๊ป กวาร์ดิโอลา จนกระทั่งอาร์เตต้าตัดสินใจรับงานคุมทีมอย่างเป็นทางการกับอาร์เซนอล นี่เป็นฤดูกาลที่เรียกได้ว่า อาจารย์ปะทะศิษย์ของแท้ ก่อนหน้านี้อาร์เตต้ามักถูกแซวและวิจารณ์ว่าเอาแนวทางของเป๊ปมาทั้งยวง แม้แต่นักเตะยังจะดึงของแมนซิตี้มาร่วมทีม ซึ่งก็ไปดึงทั้งกาเบรียล เฆซุสและโอเลกซานเดอร์ ซินเชนโก้ มาปรับจูนให้เข้ากับสไตล์การเล่นของตัวเอง จนกระทั่งฤดูกาลนี้ เขาได้พิสูจน์แล้วว่า เขามีแนวทางเป็นของตัวเองแล้ว ไม่ใช่เอาแผนการเล่น แท็กติคของเป๊ปมาเป็นของตัวเอง และเกมที่ทั้งสองทีมพบเจอกันทั้งเหย้าเยือน เขาก็ได้แสดงแสนยานุภาพทั้งเรื่องแผนการเล่น แท็กติค คุณภาพผู้เล่นที่เรียกว่าเกือบจะสู้แมนซิตี้ได้ จนสามารถยันเสมอแบ่งแต้มมาได้ ทั้งสองเกมที่ผ่านมาถือเป็นเกมที่ตื้อตันก็จริงแต่สู้กันสนุกด้วยแท็กติคและแผนการเล่นจากมันสมองของสองกุนซืออดีตอาจารย์และศิษย์ หากเป๊ปยังคงคุมแมนซิตี้ต่อไปเรื่อยๆ เราอาจได้เห็นเกมคุณภาพแบบนี้ไปอีกนานแสนนานก็เป็นได้ประเด็นที่ 3: เกมรับที่พัฒนาไปอีกขั้นของไอ้ปืนใหญ่ฤดูกาลนี้อาร์เซนอลเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดจากการลงเล่นไปแล้ว 29 นัด พิสูจน์ได้จากความยอดเยี่ยมของแนวรับทั้งสี่คนที่ทำได้ดีอย่างมากในเกมนี้ ในวันที่ขาดซินเชนโก้และโทมิยาสุ พวกเขายังมียาคุบ คิวิออร์ ที่สามารถโยกไปเล่นแบ็คซ้ายจำเป็นได้ และทำหน้าที่ได้ดีมากด้วย จนเป็นที่มาของการลงเป็นตัวจริงในเกมใหญ่เกมนี้ ส่วนคู่เซ็นเตอร์แบ็ค วิลเลี่ยม ซาลิบา และกาเบรียล มากัลเญส ก็ยังคงเป็นคู่หูที่คุณภาพยังดีวันดีคืน การไล่บอลที่ใส่เต็มที่ เซนส์การอ่านจังหวะเกม การเบียดปะทะเลี่ยงการฟาวล์ พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความขยันและพลังงานที่ล้นเหลือของพวกเขาในการเล่นเต็มเกมว่า ยังพร้อมลุยเสมอ ส่วนแบ็คขวา เบน ไวท์ ก็ยังคงเป็นผู้เล่นที่เหนือความคาดหมายในหลายๆเกม การบุกขึ้นไปช่วยบูกาโย่ ซาก้าในเกมรุก การเปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษคู่แข่งยังสร้างความอันตรายได้เสมอ การอ่านจังหวะเกม ปะทะตัวต่อตัว เขายังคงทำได้ดีอยู่ แม้กระแสข่าวเรื่องการปฏิเสธการเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษก่อนหน้านี้จะเป็นเหมือนแรงกดดันให้กับเขา แต่เขาก็ยังคงก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองได้สนามได้ดีอย่างต่อเนื่อง แถมด้วยการมีส่วนร่วมในการเล่นเกมรับของแดนกลางและแดนรุกที่ช่วยเสริมให้เกมรับของทีมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วยเช่นกันประเด็นที่ 4: ดีแคลน ไรซ์ ผู้ยกระดับแดนกลางของอาร์เซนอลค่าตัวระดับร้อยล้านปอนด์อาจจะน้อยไปเสียแล้วสำหรับดีแคลน ไรซ์ กับอีกเกมหนึ่งที่ได้เห็นถึงความสามารถของเขาในฐานะกองกลางที่สามารถเล่นได้ทั้งเกมรุกและเกมรับ ซึ่งเกมนี้พอมีการเปลี่ยนเอาโทมัส ปาร์เตย์ลงมาในสนามแทนที่ของจอร์จินโญ่ ทำให้ไรซ์มีความอิสระในการเล่นมากยิ่งขึ้น การขึ้นไปช่วยทำเกมรุก และการช่วยเกมรับที่ช่วยทั้งตัดบอล การแกะเกมเพรซซิ่งหนีผู้เล่นแมนซิตี้ ยิ่งตอกย้ำความเป็นนักเตะฝีเท้าระดับโลกของเขาได้อย่างชัดเจน หากฤดูกาลนี้อาร์เซนอลมีแชมป์ติดมือ เขาสมควรได้รับเครดิตอย่างมากประเด็นที่ 5: เกมนี้ฮาแลนด์ยังคงกระสุนบอดอยู่ตามเคยเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ศูนย์หน้าที่เรียกได้ว่าเป็นสตาร์คนต่อไปของยุคใหม่ กลับไม่สามารถเค้นฟอร์มที่ดีช่วยเหลือทีมให้สามารถคว้าสามคะแนนให้กับทีมได้ การถูกประกบจากกาเบรียล มากัลเญส ทั้งจังหวะเก็บบอลและเบียดแย่งโหม่ง ทำให้เขาไม่สามารถหาจังหวะยิงแบบเฉียบคมได้เลย อีกทั้งเหมือนถูกตัดออกจากเกมนี้ไปโดยปริยาย แม้จะมีจังหวะที่เควิน เดอ บรอย พยายามเปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ฮาแลนด์ได้กระโดดโหม่งทำประตู ก็ยังไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสได้เลย เขายังคงต้องพัฒนาและพิสูจน์ตัวเองต่อไป หากยังต้องการที่จะเป็นสตาร์แห่งยุคนี้ประเด็นที่ 6: เมษายน เดือนนรกของอาร์เซนอลและแมนซิตี้เดือนเมษายนถือว่าเป็นเดือนที่หนักหน่วงทั้งกับอาร์เซนอลและแมนซิตี้ เพราะเป็นเดือนที่มีเกมกลางสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง โดยทั้งสองทีมยังคงอยู่ในเส้นทางของการลุ้นเข้ารอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ทางฝั่งอาร์เซนอลมีเกมกลางสัปดาห์ที่จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของลูตัน ทาวน์ ในช่วงต้นเดือนและเชลซี ในช่วงปลายเดือน ส่วนเกมยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก พวกเขาต้องเจอกับบาเยิร์น มิวนิค ซึ่งถ้าให้พูดตามตรง ทุกๆเกมที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่ง พวกเขาต้องเก็บแต้มให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และหากพวกเขาสามารถผ่านบาเยิร์น มิวนิคเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ ก็จะเป็นการสร้างความมั่นใจมากยิ่งขึ้นในการต่อสู้ลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้เพื่อคว้าความสำเร็จให้กับทีมผู้เล่นชุดนี้ที่สมควรจะมีความสำเร็จติดมือเสียทีส่วนทางฝั่งแมนซิตี้ เกมกลางสัปดาห์ในลีกพวกเขาจะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของแอสตัน วิลล่าในช่วงต้นเดือนและเกมที่จะต้องออกไปเยือนไบรตันในปลายเดือน ซึ่งเมื่อเทียบทางฝั่งอาร์เซนอลแล้ว พวกเขาดูจะสบายตัวกว่า รวมไปถึงพวกเขามีเกมยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีกที่จะต้องไปเจอกับศัตรูคู่แค้นอย่างเรอัล มาดริด และเกมเอฟเอ คัพที่จะต้องเจอกับก้างชิ้นใหญ่อย่างเชลซีที่สามารถยันเสมอพวกเขาได้ทั้งเกมเหย้าและเยือนในลีก ทุกแต้มก็สำคัญสำหรับแมนซิตี้เช่นกัน เพื่อที่พวกเขาจะได้พิสูจน์ตัวเองกันต่อว่า พวกเขามีดีพอที่จะสามารถป้องกันแชมป์และสร้างสถิติใหม่ๆให้กับทีมชุดนี้ได้อีกขอขอบคุณภาพประกอบบทความภาพที่ 2,3,4,6 และ 8 จาก Facebook Manchester City ภาพที่ 1,3,5,7 และภาพปกบทความ จาก Facebook Arsenal