สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกคน เราเชื่อว่าผู้อ่านหลายคนรักการท่องเที่ยว เพราะการท่องเที่ยวเปิดโอกาสให้เราได้พบเจอกับวัฒนธรรม สถานที่ และผู้คนมากมาย ซึ่งจุดนี้เปรียบเหมือนกับการเปิดหน้าต่างให้ชีวิตของเราได้พบเจอสิ่งต่าง ๆ ในโลกมากขึ้น และเมื่อพูดถึงการท่องที่ยว “ประเทศอังกฤษ” ก็คงเป็นหนึ่งในประเทศในฝันของใครหลาย ๆ คน วันนี้เราก็เลยอยากจะมาแนะนำเมือง ๆ หนึ่งในประเทศอังกฤษซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่คนไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตา แต่ว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ น่ารัก ที่สำคัญยังเป็นเมืองติดทะเลอีกด้วย ถ้าใครอยากรู้ว่าเป็นเมืองอะไร ตามเรามาดูกันเลยค่ะ เมืองที่เราจะมาแนะนำในวันนี้มีชื่อว่าเมือง Whitby ค่ะ เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษหรือที่เรียกกันว่าแทบ North Yorkshire ค่ะ โดยที่เมืองนี้เป็นเมืองทางเหนือที่ติดทะเลของประเทศอังกฤษ คนพื้นเมืองในแทบนี้จึงชอบเดินทางมาที่เมืองนี้กันเพื่อพักผ่อนและรับลมทะเลค่ะ ในเรื่องของการเดินทางนั้น ถ้าใครที่เดินทางจาก London อาจจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควร ประมาณ 5 ชั่วโมงได้ค่ะ เพราะต้องมีการเปลี่ยนสายรถไฟถึง 2 – 3 ครั้ง โดยส่วนใหญ่มักจะต่อรถไฟที่เมือง Middlesbrough หรือไม่ก็เมือง Darlington แต่ถ้าใครที่เดินทางจากเมืองที่อยู่ทางเหนืออยู่แล้วก็สามารถนั่งรถบัสมาได้ค่ะ โดยส่วนตัวเราเดินทางจากเมือง Leeds ซึ่งเป็นเมืองในโซน Yorkshire อยู่แล้วว จึงนั่งรถบัสอย่างเดียว ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ แต่ถึงแม้จะเป็นเมืองที่เดินทางไกล แต่เราก็อยากแนะนำให้ทุกคนลองมาสัมผัสด้วยตาตนเองค่ะ เพราะเมืองมีนี้เสน่ห์อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เมื่อเรามาถึงเมือง Whitby สิ่งแรกที่เราเห็นเลยคือน้ำทะเลไหลผ่านตัวเมืองตัดกับบ้านเรือนลักษณะเก่าแก่ มีหลังคาสีส้มและแดงตัดกันอันมีเอกลักษณ์ ลักษณะของบ้านเมืองเหล่านี้จะค่อย ๆ ตั้งเรียงรายสูงขึ้นไปตามสักษณะของเมืองที่พื้นที่ส่วนใหญ่มักจะเป็นหุบเขา เมืองมองไปรอบ ๆ ตัวก็พบเจอกับเรือน้อยใหญ่มากมายที่จอดเทียบฝั่งไว้เพื่อรอนักท่องเที่ยว และบ้านเมืองอันน่ารักรวมไปถึงร้านขายของต่าง ๆ ที่ทำให้เมืองดูมีความครึกครื้นมากยิ่งขึ้น ประกอบกับวันที่เรามาเป็นวันเสาร์ จึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวพอสมควร ยิ่งทำให้เมืองดูมีความมีเสน่ห์มากชึ้นค่ะ เมือง Whitby สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ฝั่งหลัก ๆ ได้คือฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก โดยฝั่งตะวันออกจะเป็นเขตเมืองเก่าที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญตั้งแต่เมื่อครั้งอดีต ส่วนในฝั่งตะวันตกจะเป็นฝั่งเมืองใหม่ที่มีบ้านเรือนอยู่อาศัย ร้านค้า และร้านอาหารต่าง ๆ สำหรับในทริปนี้เราจะเริ่มออกเดินทางกันไปฝั่งตะวันออกซึ่งเป็นเขตเมืองเก่าก่อน ซึ่งใครที่มา Whitby ควรจะต้องมาเที่ยวที่จุดนี้ให้ได้ เพราะจุดนี้ถือ่าเป็นจุดที่ Highlight ของเมือง Whitby เลยค่ะ ซึ่งที่ ๆ เรากำลังจะไปก็คือ Whitby Abbey นั่นเอง โดยการเดินทางไปก็ไม่ยากเพียงแค่เดินไปเท่านั้นค่ะ ความยากคือ Whitby Abbey นั้นตั้งอยู่บนเนินเขาที่ค่อนข้างสูง เราจึงจำเป็นต้องเดินขึ้นบันไดไปจำนวน 199 ขั้น หรือที่เขาเรียกกันว่า The 199 steps ถึงแม้จะเหนื่อยแต่การเดินขึ้นบันไดในครั้งนี้จะทำให้เราสามารถเก็บรูปตัวเมือง Whitby ได้จากมุมสูง ซึ่งเราจะสามารถมองเห็นวิวของน้ำทะเลที่ตัดกับตัวเมืองได้อย่างชัดเจนค่ะ ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่าเป็นวิวที่สวยมาก ๆ และก็เป็นหนึ่งในจุดที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดค่ะเมืองเดินขึ้นมาแล้ว เราจะพบกับ Saint Mary Parish Church ก่อน ซึ่งโบสถ์นี้เป็นหนึ่งฉากในนิยายชื่อดังเรื่อง Dracula’ ของ Bram Stoker ด้วย จะสังเกตุได้ว่าข้าง ๆ โบสถ์จะมีหลุดศพตั้งอยู่มากมายจึงไม่น่าแปลกใจเลยค่ะว่าทำไมสถานที่แห่งนี้จึงถูกนำไปเป็นแรงบันดาลใจของผู้เขียนเรื่อง Dracula รูปภาพ Saint Mary Parish Churchโดย Emphyrio from Pixabay เมื่อเราเดินสูงขึ้นไปอีกเราก็จะพบกับ Whitby Abbey ค่ะ โดย Whitby Abbey เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในแทบ North Yorkshire ค่ะ ในอดีตนั้น Whitby Abbey เป็นสถานที่สำคัญในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแห่งหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 657 ค่ะ แต่เมื่อนานวันเขาก็ได้ถูกน้ำฝนและลมกัดเซาะและเกิดการถล่มลงในบางส่วน ส่งผลให้เหลือเป็นเพียงซากของอารยธรรมอันเก่าแก่และยิ่งใหญ่ไว้ให้ผู้คนในเยี่ยมชมในปัจจุบันค่ะ ซึ่งสถานที่ตรงบริเวณนี้ที่นอกเหนือจากตัว Whitby Abbey จะเป็นพื้นที่โล่งกว้าง สามารถถ่ายรูปเล่น นั่งปิคนิคเพื่อรับลม และชมวิวตัวเมืองจากด้านบนได้ค่ะ เมืองเราชม Whitby Abbey เสร็จเราก็ทำการเดินทางไปฝั่งตะวันตกเพื่อไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านชื่อดังอย่าง Magpie Café ซึ่งควรจะต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย 30 นาที – 1 ชั่วโมงเพราะคิวค่อนข้างยาว ก่อนที่จะเดินทางไป Whitby Pier ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทุกคนที่มา Whitby ควรมาค่ะ Whitby Pier จะเป็นสะพานขนาดใหญ่ที่ยื่นลงไปในทะเล ซึ่งเป็นสะพานที่มีความกว้าง และสามารถเห็นวิวของทะเลได้อย่างชัดเจน เมื่ออยู่บนตัวสะพานแล้วสามารถหันหน้ากลับเข้ามาเพื่อมองวิวของเมืองได้อีกด้วยค่ะ ซึ่งตรงนี้ถ้าใครชอบถ่ายรูปก็จะสามารถได้รูปสวย ๆ มากมายเลยค่ะ หลังจากนั้นถ้าใครยังมีแรงเหลือก็สามารถเดินขึ้นไปที่จุดชมวิวด้านบนของฝั่งตะวันออกได้ โดยด้านบนก็จะมีรูปปั้นของ Captain Cook นักเดินเรือชาวอังกฤษและรูปปั้น Whalebone Arch ไว้ให้เราได้ถ่ายรูปกันค่ะ ที่สำคัญเลยคือเมื่อขึ้นมาที่จุดนี้เราจะพบกับวิวที่สามารถมองเห็น Whitby จากมุมสูงได้อีกมุมหนึ่ง และยังสามารถมองเห็น Whitby Abbey ที่อยู่ฝั่งตะวันตกได้อีกด้วยค่ะเป็นยังไงกันบ้างคะกับเมือง Whitby เมืองเล็ก ๆ ติดทะเลเหนืออันมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนอยากจะกลับไปอีกหลาย ๆ รอบเลยล่ะค่ะ ถ้าใครที่แวะไปเที่ยวประเทศอังกฤษก็อย่าพลาดที่จะแวะพักชมเมืองนี้นะคะ รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังค่ะ สำหรับวันนี้เราต้องขอตัวเราไปก่อน เจอกันใหม่บทความหน้า สวัสดีค่ะ พิกัด: Whitby, England อ้างอิงข้อมูล: https://www.english-heritage.org.uk/visit/places/whitby-abbey/history-and-stories/history/ รูปภาพโดย: ผู้เขียน **(ยกเว้นรูปภาพ Saint Mary Parish Church ที่มาจาก Emphyrio from Pixabay