จากวิกฤตการณ์ Covid 2019 ได้มีมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม Social distancing เคือการให้อยู่ห่างกัน งดปะพบเจอกัน เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโรคไม่ให้จำนวณของผู้ป่วยเพิ่มมากเกินที่ระบบสาธารณสุขจะรับไหว ทำให้เกิด New Normal ที่ทุกคนต้องเว้นระยะห่างกัน แล้วทำไมถึงต้องจ่ายให้พื้นที่หรือระยะห่าง เมื่อมาตรการล็อคดาวน์เริ่มคลายล็อค พอเราไปสถานที่ต่างๆ ในอานาคตสิ่งที่เราอาจได้เห็นอย่างร้านในห้างก็มีให้นั่งห่างกันหรือมีฉากกั้นเช่น จากแต่ก่อนร้านอาจจุได้ 20 คน เมื่อมี Social distancing จะทำให้มีพื้นที่ลดลงอาจจะเหลือ 10 ที่ รายได้อาจหายไปถึงครึ่งนึงเลยทีเดียว หรือร้านอาหารบุฟเฟ่ต์เองแต่ก่อนให้เราตักอาหารบริการตัวเองแต่เมื่อเกิด Covid 2019 สิ่งที่เราจะได้เห็นการปรับตัวคือเวลาตักอาหารทางร้านอาจจะให้เราต่อแถวยืนตักห่างๆ กันหรืออาจจะยกเลิกการตักอาหารเองเลยก็ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านนี้มีต้นทุนในอานาคตเราอาจะได้เห็นการขึ้นราคาของร้านอาหาร อย่างราคาของตั๋วเครื่องบินเองอาจจะแพงขึ้น เพราะมาตรการ Social distancing ยังมีอยู่ซึ่งจะทำให้ที่นั่งบนเครื่องห่างกัน ลองนึกดูถ้าจะให้เรานั่งติดกับใครก็ไม่รู้แล้วอยู่ๆ เขาเกิดจามหรือไอเพียงเล็กน้อยหรือ mask ที่สวมใส่อยู่ของเขาหลวมปิดไม่สนิทก็ทำให้เราวิตกกังวลได้ เพื่อความปลอดภัยทางสายการบินก็จะนั่งห่างกันทำให้ความจุของเครื่องบินลดลดอาจมากถึง 30%-50% ซึ่งทำให้รายได้ลดลง เพื่อความอยู่รอดทางสายการบินก็อาจเพิ่มราคาขึ้น ซึ่งระยะห่างนี้เองคือราคาที่เราต้องจ่ายเพิ่ม สถานที่ท่องเที่ยวก็เหมือนกันในอนาคตหลังจากเริ่มเปิดเมืองให้สามารถท่องเที่ยวได้แต่ก็อาจจะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ให้จองตั๋วล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นที่เตรียมไว้รวมถึงจำกัดเวลาเข้าชมสถานที่ด้วย เพื่อความปลอดภัยเราเองก็ต้องยอมจ่ายเพิ่มถึงแม้ในอานาคตจะมียารักษาเราก็คงไม่อยากไปเที่ยวไปกินแบบระแวงว่าตัวเองจะป่วยไหม ถ้าให้มองอีกมุมนึงคือการเว้นระยะห่างทำให้เรามีพื้นที่มีความเป็นส่วนตัวไม่เบียดเสียดอึดอัดกัน ทำให้เราเกิดความสบายใจ นอกจากราคา ความสะดวก ปลอดภัยแล้ว สิ่งที่เป็น Check List ที่เพิ่มขึ้นมานั่นก็คือระยะห่าง และพื้นที่นั้นเองคือราคาที่เราต้องจ่าย ขอขอบคุณ ภาพปก pixabay.com/ภาพประกอบที่ 1 pixabay.com/ ภาพประกอบที่ 2 unsplash.com/ ภาพประกอบที่ 3 pixabay.com