"อายุ 30 แล้วเมื่อไหร่จะแต่งงาน.."เบื่อไหมคะ? รวมญาติทีไรต้องเจอคำถามสุดช้ำใจทุกที ทั้งที่ตัวเราเองก็ไม่ได้เดือดร้อนกับการยังไม่แต่งงานขนาดนั้น เพราะไม่ใช่เรื่องที่ต้องรีบ และไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแต่ประการใด เปิด Social Media ทีไร ก็เจอเพื่อนกำลังอวดลูกวัยน่ารัก เพราะค่านิยมของบ้านเราที่ผู้ใหญ่มัดคาดหวังให้ลูกหลาน โดยเฉพาะผู้หญิง แต่งงานออกเรือนให้ได้ก่อนอายุ 30 ปี หลายคนอาจรู้สึกแปลกใจว่าตัวเองผิดแผกแปลกแยกจากสังคมหรือเปล่า? ขอบอกว่าไม่ผิดเลยค่ะที่จะมีแนวคิดแบบนี้ เพราะเทรนด์ความสัมพันธ์ที่ไม่เร่งรีบ ดูกันนาน ๆ เรื่อย ๆ แต่มั่นคง กำลังเป็นเทรนด์มาแรงของคนยุคใหม่ทั่วโลกในตอนนี้!"Waithood" หรือ "ภาวะรอ" คือชื่อของสถานะที่กำลังเป็นเทรนด์ฮิตอยู่ในปัจจุบัน เพราะชีวิตมีอะไรมากกว่าแค่การแต่งงานมีครอบครัว คนยุคใหม่จึงหันไปครองตัวโสดกันมากขึ้น ใช้เวลาไปกับกิจกรรมอื่น ๆ ที่ช่วยสร้างตัวตน (Identity) ตอบสนองความต้องการในส่วนลึกของจิตใจ นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจของสังคมในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ที่ไม่ได้เอื้อต่อการมีครอบครัวมากนัก ประกอบกับค่านิยมที่กกดดันให้คนวัยนี้ต้องสร้างเนื้อสร้างตัว ต้องประสบความสำเร็จให้ได้ก่อนจึงจะพร้อมสำหรับมีความครอบครัว หรืออาจไม่มีเลยก็ได้ เพราะสามารถอยู่ด้วยตัวเองอย่างมีความสุขได้นั่นเองWaithood มักสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายค่ะ เพราะผู้หญิงยุคใหม่สามารถมีสิทธิ์ในหลายอย่างเทียบเท่ากับผู้ชาย สามารถมีการศึกษาที่สูง และทำงานหาเงินเก่ง จนผู้ชายบางคนอาจเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ ต่างจากสมัยก่อนที่ผู้หญิงมักได้เรียนในระดับไม่สูงมาก ต้องออกเรือนเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกและให้ผู้ชายเป็นหัวหน้าครอบครัว การแต่งงานจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ผู้หญิงยุคใหม่ให้คุณค่ากับประสบการณ์ชีวิต การงาน การเงิน การท่องเที่ยวแบบอิสระ มากกว่าการเป็นแม่บ้านเพียงอย่างเดียว รูปแบบของการมีความสัมพันธ์และมีครอบครัวจึงเปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้จำกัดเพียงการแต่งงานแล้วมีลูกเท่านั้น จึงทำให้ Waithood ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้นทั่วโลกเลยล่ะค่ะการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบความสัมพันธ์ในยุคใหม่ ไม่ใช่เพียงการแต่งงานที่ช้าลงเท่านั้นนะคะ แต่รูปแบบของความรักและการคบหาก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน ผลจากการวิจัยของนักมานุษยวิทยาชีวภาพ เปิดเผยว่า คนยุคใหม่เริ่มสนใจความสัมพันธ์น้อยลง ออกเดตและคบหาแบบแฟนน้อยลง และ The Atlantic สำนักข่าวออนไลน์ ได้พูดถึงสถานการณ์นี้ว่า "ภาวะถดถอยทางเพศ" ซึ่งอาจมาจากหลายปัจจัย เช่น สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ความวิตกกังวลในปัญหาความสัมพันธ์ ความอิ่มตัวของยุคดิจิทัล ที่การสื่อสารทำได้ง่ายเหลือเกิน เพื่อน ๆ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความ Why Are Young People Having So Little Sex? เลยค่ะภาวะการเปลี่ยนแปลงรูปแบบความสัมพันธ์นี้เรียกกันว่า "Slow Love" Slow love กับ waithood ก็มีความเกี่ยวเนื่องเป็นเหตุเป็นผลต่อกัน อาจจะบอกได้ว่า เพราะค่านิยม Slow Love จึงทำให้เกิดสถานะ Waithood ขึ้นมานั่นเอง เพราะคนยุคใหม่ใช้เวลาในการคบหาดูใจนานขึ้น เลือกเยอะขึ้น หลายคนก็มีวัฒนธรรมในรูปแบบ Friend with benefit คบหากันแบบไม่ผูกมัด แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอันใดเลย กลับสะท้อนถึงการให้คุณค่ากับชีวิตคู่ที่มากขึ้นต่างหาก เพราะหลายครั้งที่เราพบว่า การให้เวลาในการเรียนรู้กันและกันไม่มากพอ กลับสร้างปัญหาเมื่อไปใช้ชีวิตคู่ด้วยกันจริง ๆ บางคนอาจเลิกกันด้วยเหตุผลที่น่าแปลกใจ อย่างการที่คนรักนอนเร็วเกินไป หรือการทาแป้งในห้องน้ำเลอะเทอะ ก็มีมาแล้วค่ะเพราะการเลือกคู่ชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ การให้เวลาได้ทำหน้าที่ในการกลั่นกรองจึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล หลายคนมองว่าก่อนแต่งงานจำเป็นต้องศึกษาทุกอย่างของคนที่จะมาเป็นคู่ให้ได้มากที่สุดเพื่อให้แน่ใจจริง ๆ ว่าจะใช้ชีวิตต่อไปด้วยกันได้ตลอดรอดฝั่ง ทั้งนิสัยใจคอ Life stye ในการใช้ชีวิต ฐานะความเป็นอยู่ หน้าที่การงาน ทัศนคติทางการเมือง และที่สำคัญมาก ๆ เลยคือ รสนิยมในเรื่องเซ็กส์ ที่เป็นปัญหาใหญ่ทำให้คนเลิกกันมามาก เพราะการแต่งงานไม่ใช่จุดเริ่มต้นของความรักอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นปลายทางของความสัมพันธ์ไปแล้วWaithood - Slow love จึงเป็นการเตรียมพร้อมในการรับมือกับการใช้ชีวิตคู่และเรียนรู้วิธีที่จะรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืน..การค่อยเป็นค่อยไป อาจไม่ได้หมายถึงไม่ให้ความสำคัญตรงกันข้าม กลับเป็นการให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพื่อชีวิตคู่ที่มั่นคงยาวนานค่ะ :) เรื่อง : ดารัณ พันสวะนัด (ผู้เขียน)ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : ภาพปก (1 , 2) / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3