เมื่อครั้งติด ตม.เกาหลี ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะ เราก็เป็นหนึ่งคนที่ชื่นชอบเกาหลี ชอบบ้านเมือง ชอบศิลปิน และนั่นก็คือ เหตุผลที่ทำให้ต้องไปเกาหลีบ่อย ๆ เมื่อมีโอกาส และนี่ก็เป็นอีกครั้งค่ะ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 06.30 น. ณ. สนามบินดอนเมืองค่ะ วันนี้เราเลือกบินกับ AirAsia X ค่ะ ( ก็ตามโปร 0 บาท เขาแหละค่ะ แต่รวม ๆ แล้วก็ 8XXX ) รอบนี้บินเช้าค่ะ เครื่องออกเวลา 08.05 น.ค่ะ และนี่เป็นครั้งแรกของการเดินทางคนเดียวค่ะทุกคน และเดินทางเวลากลางวันครั้งแรกค่ะทุกคน หลังจากหลับ ๆ ตื่น ๆ บนเครื่อง เวลา 15.05น. เราก็เห็นรันเวย์ของสนามบินอินชอนแล้วค่ะ ความตื่นเต้นก็มาค่ะ ด้วยความครั้งนี้คือครั้งแรกค่ะ ครั้งแรก " การเดินทางไกลคนเดียว " ณ.เวลา 15.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของประเทศเกาหลีใต้ ว่าแล้วเครื่องบินของเราลงจอดแล้วค่ะ และเราก็รีบเลยค่ะรีบลงเครื่อง ก่อนที่จะเจอมวลมหาชนค่ะ เมื่อลงเครื่องเเล้วทางที่เราจะไปต่อก็คือ immigration หรือด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือที่พวกเราเรียกกันติดปากว่า ตม.นั่นแหละค่ะ แต่นี่คือ ตม. เกาหลี ! ที่ขึ้นชื่อเรื่อง กักตัวคนไทยเข้าห้องเย็นเก่ง แต่ด้วยความว่าช่วงที่เราไปเริ่มมีโควิดระบาดพอดีแต่ยังไม่มากนะคะ คนที่ immigration ค่อนข้างน้อยค่ะ เรารอประมาณ 4 คิว แต่รอบนี้จากการสังเกตการแล้วนั้นรอบ ๆ ข้างก็เหมือนโดนถามกันบ้างนิดหน่อยนะคะ และนั่นแหละค่ะความตื่นเต้นก็มาทักทายเรา ด้วยความครั้งนี้บินคนเดียวครั้งแรกค่ะ พาสปอร์ตเล่มใหม่ ไม่มีคนคุยด้วยค่ะ ไม่คุยกับใครด้วย เมื่อเวลาผ่านไปก็ถึงคิวเราค่ะ เจ้าหน้าที่ก็ตรวจดู เอกสารสลับมองหน้าเราด้วย สักพักเครื่องสแกนนิ้วก็ส่งเสียง " กรุณาวางนิ้วชี้ค่ะ " ตอนนั้นเหมือนจะดีใจ ( มั่ง ) ว่าเราจะผ่านแล้ว สักพักเจ้าหน้าที่ก็มองอีก พร้อมกับคำถาม เจ้าหน้าที่ ตม.ญ : Are you traveling alone? เรา : Yes. เจ้าหน้าที่ ตม.ญ : return ticket? เรา : Yes. พร้อมค้นเอกสารในกระเป๋ายื่นให้เจ้าหน้าที่ เขามองเอกสารเราเปิดไปมาแล้วก็พับค่ะ ( เห็นชะตาตัวเองค่ะ ) ไม่นานคุณเจ้าหน้าที่ก็ลุกยืนพร้อมกับยกมือค่ะ และนั่นแหละค่ะ คุณลุงก็มา มาผายมือเชิญฉันไปอีกทางค่ะ อย่างที่บอกเราก็มาเกาหลีบ่อยนะ พอจะเห็นเหตุการณ์มาพอสมควร ก็นั่นแหละค่ะ ท่าผายมือเชิญขนาดนั้นก็ต้องเข้าไปค่ะ พอประตูห้องเปิด เจ้าหน้าที่ด้านในก็ลุกยืนทักทายเราแบบหน้าตาเป็นมิตรมาก ( มั่ง ) แต่เราก็ยิ้มค่ะ ใจสู้ ทักทายตอบค่ะ ในเมื่อมี ผู้ชายสองคน และเราเป็นคนเเรกที่เข้ามา งั้นขอเลือกหน่อยแล้วกัน คนที่จะวัดชะตาการเข้าเกาหลีของฉัน เมื่อเราเลือกแล้ว เขาก็เชิญเรานั่ง ให้เราสแกนนิ้วชี้อีกรอบค่ะ นั่งรอสักพัก เจ้าหน้าที่ ผช. : ....... อ่านชื่อเรา เรา ......... : yes. มีแต่ความเงียบ....เเละเสียงคีบอร์ดพิมพ์ ๆ ๆ ข้อมูลมั่ง เดา ๆ เจ้าหน้าที่ ผช. : Are you traveling alone? เรา : Yes,but my friend followed in two days. I have return ticket. พร้อมยื่นหลักฐานการจองตั๋วกลับ ( เราไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษนะคะ ตอบแบบนึกไรออก ) .......เงียบ...มองหน้าเรา..พิมพ์ ๆ ๆ ๆ ... ส่วนเรานั้นจะจ้องมองหน้าเจ้าหน้าที่ตลอดค่ะ ยิ้มให้เขาตลอด พยายามไม่หลบตาเขา เจ้าหน้าที่ ผช. : first time here? เรา............ : no.I've been here. ( พร้อมค้นพาสปอร์ตเล่มเก่ายื่นให้ ) ...เงียบ มองหน้า..ดูพาสปอร์ตก่อนจะสแกนพาสปอร์ตเล่มเก่าของเรา.. เจ้าหน้าที่ ผช. : Tourism? เรา ............... : yes. เจ้าหน้าที่ ผช. : Ok! สแกนพาสปอร์ตอีกครั้ง พร้อมปริ้นเอกสารใบเล็ก ๆ เสียบลงไปในพาสปอร์ตของเรา เจ้าหน้าที่ก็ลุกขึ้นพร้อมกับยื่นพาสปอร์ตคืนเรา และผายมือเชิญเราไปอีกทางคือเขาพาเราไปทางที่เราเข้ามานั้นแหละค่ะ และเจ้าหน้าที่ก็สแกนนิ้วเขาเปิดประตูส่งเราค่ะ เราเลย หัน ไป Thanks You. ใจดีสู้เสือ ยิ้มค่ะ แต่พอประตูเปิดออกมา คือเราเจอ พี่ ป้า น้า อา ที่ยืนรอเพื่อน ๆ สามี ภรรยาของพวกเขา มีผู้หญิงวัยกลางคนเดินมาถามเราว่าเจอสามีเขาไหม เราแบบไม่ค่ะ แล้วก็เดินผ่านไปเลย คือเรามึนและอึนมากค่ะตอนที่ออกมาจากห้องนั้น มันเหมือนฝันค่ะ เราไม่เคยคิดว่าเราจะได้เข้าไปในนั้น และในระหว่างที่เรานั่งรอตอบคำถามในห้องนั้นก็มีคนเข้ามาในห้องนั้นเรื่อย ๆ ซึ่งก็คือ คนที่บินมาลำเดียวกับเรานั่นแหละค่ะ มีผู้หญิงที่เขานั่งข้างเราบนเครื่องด้วย แต่เรารู้สึกดีมากที่เจ้าหน้าที่ของเรา เขายังยอมทนคุยกับเรากับภาษาอังกฤษง่อย ๆ แต่เจ้าหน้าที่อีกคน เขาพูดไทยได้ เขาถามแค่ว่า"มากี่วันครับ" แล้วก็ปริ้นเอกสารเป็นกระดาษA4 ยื่นให้แล้วก็บอกว่า เชิญห้องโน้น ก็มีผู้หญิงอีกคนพาไป นั่นอาจจะเป็นอีกห้องที่เป็นด่านต่อไป แต่สำหรับเรา เรารู้สึกดีที่ไม่ได้ไปต่ออีกห้อง แต่เป็นการได้ออกมาสู่ประตูด้านหน้า หลังจากเราผ่าน ตม.มาแล้ว ด้วยความมึนค่ะ เราเดินเด๋อ ๆ ลงบันไดเลื่อนไป แต่เราไม่ได้มองว่ากระเป๋าเรามาที่หมายเลขอะไร ทำให้เราเดินงงหาจอทีวีเพื่อบอกว่ากระเป๋าเรามา ทางสายพานเลขที่อะไร แต่นั่นแหละค่ะ เหมือนเรายังโดนเจ้าหน้าที่ ตม.ที่อยู่บริเวณนั้นเดินตามเราอยู่ จนเรามายืนมองจอ ที่บอกว่ากระเป๋าเราอยู่ที่สายพานอันไหน เราเดินไปรอกระเป๋า แล้วเจ้าหน้าที่ก็เดินกลับ การมาเกาหลีเราว่ามันมากับดวงจริงๆนะคะ สำหรับเราการมาเกาหลี เราจะรู้สึกดีมากๆเมื่อเราเดินมาตรงประตูทางออกหลังจากผ่านทุกด่านมาแล้วค่ะ เราจะรู้สึกดีมากเมื่อลากกระเป๋าออกมาแล้วเจอผู้คนมารอรับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ของพวกเขา เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา มัวตื่นเต้นค่ะ นี่เป็นการเขียนงานของเราครั้งแรก เราแค่อยากจะแชร์ประสบการณ์ ตม.เกาหลี ที่เราเจอมา ไม่ใช่ทุกคนที่ติด ตม.นะคะ ไม่ใช่ทุกคนที่ติด ตม.แล้วจะไม่ได้ออกมาค่ะ ยังไงเราเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่หลงรักการท่องเที่ยว และหลงรักเกาหลีนะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเดินทาง และค้นหาสิ่งที่ตัวเองจะรักกันต่อไปนะคะ " ทุก ๆ การเดินทางคือประสบการณ์ "