ที่นำเรื่องราวนี้มาแบ่งปัน เนื่องจากซิสเคยพบคนที่มีอาการป่วยคล้ายๆกัน โดยเป็นมานานราว 4-5 ปี ซึ่งใช้การรักษาโดยการทานยาแผนปัจจุบัน และสมุนไพรแต่ก็ไม่หาย และรู้สึกทรมานจนเกือบจะตัดสินใจรักษาโดยการผ่าตัด เมื่อซิสได้เล่าเรื่องราวการรักษาของตนเองให้ฟัง ท่านนั้นได้ตัดสินใจไปรักษาด้านจิตเวช และพบว่าอาการดีขึ้น ซิสหวังว่าเรื่องราวนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่มีอาการคล้ายกัน จะได้หาแนวทางในการรักษาได้ถูกวิธีค่ะ หมายเหตุ : ช่วงเวลาและบทสนทนาที่เกิดขึ้น ไม่ได้ลงรายละเอียด เน้นเฉพาะใจความสำคัญ จึงอาจมีความคลาดเคลื่อนบ้าง แนะนำตัวก่อนว่า ซิสเป็นพวกชอบอยู่บ้านไม่ชอบเข้าสังคม ก็ไม่น่าจะมีเรื่องวุ่นวายใจเท่าไร แต่มันก็มีเรื่องเครียดมาทักทายโดยไม่รู้ตัว อยู่มาวันหนึ่งซิสมีอาการปวดท้อง 1 เดือนต่อมาจึงไปพบแพทย์เป็นอาการปวดแบบรอบทิศ แพทย์วินิจฉัยว่าน่าจะเป็นโรคกระเพาะ หลังทานยารักษาโรคกระเพาะอาการก็ไม่ดีขึ้นจึงไปพบแพทย์อีกครั้ง คุณหมอจึงส่งตัวไปตรวจเพิ่มในช่องท้องส่วนบน (Ultrasound Upper Abdomen) ซึ่งเป็นการตรวจดูอวัยวะของช่องท้องส่วนบน ได้แก่ ตับ ตับอ่อน ม้าม ถุงน้ำดี ท่อน้ำดี ไต และช่องท้องทั่วไป ตลอดจนเส้นเลือดต่างๆ ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น มีก้อนที่ผิดปกติ นิ่วในไต หรือนิ่วที่ถุงน้ำดี เป็นต้น ตรวจอัลตร้าซาวช่องท้องส่วนล่าง เป็นการตรวจดูอวัยวะของช่องท้องส่วนล่างต่ำกว่าระดับสะดือลงไป ได้แก่ มดลูก รังไข่ (หญิง) ขนาดของต่อมลูกหมาก (ชาย) กระเพาะปัสสาวะ ไส้ติ่ง และบริเวณช่องท้องส่วนล่างอื่นๆ ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น ถุงน้ำในรังไข่ ก้อนเนื้อในมดลูก เป็นต้น 1 เดือนต่อมา อาการปวดท้องยังไม่หายไป ในขณะที่ผลตรวจอัลตร้าซาวช่องท้องส่วนบนและส่วนล่างออกมาปกติ คุณหมอเลยให้ตรวจ CT scan ซึ่งเป็นการตรวจที่ละเอียดยิ่งขึ้น แต่มีขั้นตอนยุ่งยากและค่อนข้างทรมาน แต่ก็เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่ความผิดปกติของร่างกาย โดย CT scan (Computerized Tomography Scan) เป็นการตรวจวินิจฉัยโรคด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ซึ่งแพทย์จะฉายรังสีเอกซเรย์ตามร่างกายบริเวณที่ต้องการตรวจแล้วใช้คอมพิวเตอร์สร้างเป็นภาพฉายลักษณะและอวัยวะภายในร่างกาย เพื่อประกอบการวินิจฉัยหาความผิดปกติของร่างกายต่อไป โดยวิธีการนี้จะได้ภาพที่มีความละเอียดสูงกว่าการเอกซเรย์แบบธรรมดาและสามารถใช้ตรวจอวัยวะภายในร่างกายได้เกือบทุกส่วน ซึ่งผลตรวจทางร่างกายไม่พบความผิดปกติ คุณหมอจึงได้ส่งต่อไปยังแผนกจิตเวช คุณหมอจิตเวชได้สอบถามอาการและสรุปได้ว่าเกิดจากความเครียดสะสม จึงให้ทานยาคลายเครียดและปรับสารสื่อประสาท ซึ่งหลังจากเริ่มทานยา อาการปวดท้องก็ทุเลา แต่ผลข้างเคียงจากการทานยาคือจะง่วงทั้งวัน 1 เดือนต่อมา หมอเห็นว่าแนวโน้มอาการดีขึ้น จึงให้ทานยาต่อ จนกระทั่งกินยาเกือบ 1 ปี หมอจึงให้หยุดยาได้ ตอนนี้ซิสพยายามปรับตัวเพื่ออยู่กับความเครียด ที่แม้จะคิดว่าไม่มี...แต่มันก็แอบแฝงตัวอยู่อย่างเงียบๆ ซึ่งก็อาจเกิดขึ้นกับหลายคนโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่มีครอบครัวที่เข้าใจ ทั้งที่คิดว่าตัวเองรับมือกับความเครียดได้ หวังว่าเรื่องราวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีอาการแบบเดียวกัน เพื่อจะหาวิธีการรักษาที่ถูกทาง ภาพประกอบ : SISIDEA ขอบคุณข้อมูล : https://www.phyathai.com/article_detail/2937/th/“ตรวจอัลตร้าซาวด์”_เจาะลึกได้ถึงสุขภาพ_ https://www.pobpad.com/ct-scan #sisidea #mentalhealth #โรคเครียด #ความเครียด #กรมสุขภาพจิต