การมีสภาพบุคคลตามกฎหมายนั้น จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคลอดและอยู่รอดเป็นทารก แต่การจะเป็นทารกที่อยู่รอดและเติบโตเป็นผู้ใหญ่จนเข้าสู่วัยชราบนโลกที่เกิดมาในยุคนี้นั้นแสนจะยากเย็น เพราะนอกจากจะต้องเผชิญกับมลภาวะที่ย่ำแย่บั่นทอนสุขภาพแล้ว ยังต้องเผชิญกับโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจากเชื้อโรคชนิดใหม่ ๆ รวมถึงอาหารการกินที่ปนเปื้อนสารพิษชนิดต่าง ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภัยและเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตให้อยู่รอดตลอดอายุขัย ภาพจาก : http://pixabay.com/ หากย้อนเวลาไปประมาณสามสิบปี ในยุคที่ผู้เขียนเกิดและอยู่รอดเป็นทารกและค่อย ๆเติบโตขึ้นมานั้น เท่าที่จำความได้ในวัยเด็กโรคที่ใกล้ตัวตอนนั้นน่าจะเป็นโรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่น่ากลัวมากสำหรับเด็กในยุคนั้น พาหะของโรคมาจากยุงลาย ภาครัฐและหลายภาคส่วนได้มีการรณรงค์ให้ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายโดยวิธีการต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดของโรค แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มียาต้านเชื้อไวรัสสำหรับโรคไข้เลือดออกได้แต่อย่างใด การรักษาเป็นการรักษาตามอาการเพื่อประคับประคองให้ร่างกายของผู้ป่วยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งในรายที่อาการไม่รุนแรงจะหายได้เองภายใน 2 - 7 วัน จึงทำให้รู้สึกว่าโรคนี้มันธรรมดาไปแล้วในยุคนี้ ภาพจาก : http://pixabay.com/ เด็กที่เกิดมาในยุคนี้ โดยเฉพาะเด็กที่เกิดในปี 2563 สิ่งแรกที่พวกเขาต้องลืมตาขึ้นมาเจอก็คือ แววตาเป็นประกายที่ปราศจากรอยยิ้มของพ่อแม่รวมถึงคุณหมอ พยาบาล และบรรดาญาติ ๆ ที่มาเยี่ยม แล้วทำไมถึงปราศจากรอยยิ้มล่ะ ที่ปราศจากรอยยิ้มก็เป็นเพราะรอยยิ้มของทุกคนถูกปิดด้วยหน้ากากอนามัยไงล่ะครับ ภาพจาก : http://pixabay.com/ ทุกคนที่มาโรงพยาบาลล้วนต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคภัยที่มาจาก 2 สาเหตุที่กำลังสร้างปัญหาสุขภาพและเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจเป็นอย่างมากในยุคนี้ นั่นก็คือ 1. “ไวรัสโคโรน่า”สายพันธุ์ใหม่ 2019 (Covid-19) เป็นเชื้อไวรัสที่กำลังมาแรงในขณะนี้ และกำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกเพราะเจ้าไวรัสตัวนี้ติดต่อได้ง่ายมาก ข้อมูลจากวารสารโรคติดเชื้อของสหรัฐฯ พบว่าติดง่ายกว่าไข้หวัดใหญ่ 2-3 เท่าหากมีคนติดเชื้อ 2 คน อีก 4 วันมันสามารถจะเพิ่มอัตราการติดเชื้อคูณ 2 ไปได้เรื่อย ๆ ด้วยเหตุที่มันติดต่อกันได้ง่ายแม้จะไม่ได้ไปสัมผัสกับผู้ป่วย แต่เพียงแค่ยืนใกล้ ๆ ก็สามารถหายใจรับเชื้อที่ลอยอยู่ในอากาศได้ จึงทำให้ทุกคนหันมาสวมหน้ากากอนามัยกันอย่างถ้วนหน้าจนหน้ากากอนามัยขาดตลาดเลยทีเดียว ภาพจาก : http://pixabay.com/ 2. (PM 2.5) Particulate Matters 2.5 หรือแปลเป็นภาษาไทยก็คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน ที่เป็นสิ่งที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศและส่งผลให้สภาพอากาศปัจจุบันนี้ย่ำแย่ลงมาก ๆ โดยเจ้าฝุ่น PM 2.5 นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแต่อย่างใด แต่เกิดจากฝีมือของคนที่เกิดก่อนเด็กทารกที่เกิดในปี 2563 นั่นเอง เจ้าฝุ่น PM 2.5 นี้เป็นฝุ่นละอองที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราได้มากที่สุด การที่เราต้องสวมใส่หน้ากากก็เพราะเจ้าฝุ่นชนิดนี้มันมีอนุภาคที่เล็ก สามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายเราได้ง่ายผ่านทางระบบหายใจ และก่อให้เกิดโรคมากมาย เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือดในสมอง โรคหัวใจขาดเลือด โรคมะเร็งปอด และโรคติดเชื้อเฉียบพลันในระบบหายใจส่วนล่าง ภาพถ่าย : โดยผู้เขียน น่าเห็นใจจริง ๆ นะครับ สำหรับเด็กน้อยที่คลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารกบนโลกที่มีแต่โรครออยู่ เรียกได้ว่าเป็นการลืมตามาดูโรค พร้อม ๆ กับการลืมตามาดูโลกในคราวเดียวกัน ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทุกคน ให้ผ่านพ้นอุปสรรคอันจะเกิดจากโรคภัยไข้เจ็บที่ลูกน้อยต้องพบเจอในยุคนี้ด้วยนะครับ ต้องพึงระวังและหาทางป้องกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเตรียมตั้งรับกับโรคภัยไข้เจ็บรูปแบบใหม่ ๆ ที่กำลังจะเข้ามาในอนาคตกันด้วยนะครับ...