ถ้าเทียบในช่วง 10 ปีถึง 20 ปี ในตอนนั้นที่เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตเข้ามาก็เป็นเรื่องไม่คิดไม่ฝันของใครหลาย ๆ คนแล้ว จนเมื่อวันหนึ่งมีโทรศัพท์เคลื่อนที่เข้ามาอีกก็เป็นเรื่องใหม่สำหรับคนในยุคนั้นและก็เป็นเรื่องตื่นเต้นกับสิ่งประดิษฐ์ที่มีวิวัฒนาการอย่างก้าวกระโดดที่สามารถสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้สามารถเป็นไปได้จนมาปัจจุบันเทคโนโลยี AI ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก อีกทั้งการทำงานของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ประเภทนี้จะให้ผลลัพธ์ที่มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงทำให้มนุษย์ทุกคนหรือแรงงานทุกคนต้องปรับตัว ทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นจึงเริ่มมีบทบาทความสำคัญมากยิ่งขึ้นต่อแรงงานมนุษย์ ดังนั้นถ้าในอนาคตข้างหน้าเทคโนโลยี AI เข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์จริง ๆ คงต้องมีอีกหลายคนที่จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่เพื่อให้เรายังคงสามารถทำงานต่อไปร่วมกับความก้าวล้ำของเทคโนโลยีอย่าง AI“ทักษะที่จำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาและปรับตัวทั้งในปัจจุบันและในอนาคตข้างหน้า”คงเป็นเรื่องคาดการณ์ได้ยากว่าอนาคตข้างหน้าจะมีอาชีพหรือทักษะอะไรที่มนุษย์จะต้องเพิ่มเติมในส่วนที่ขาด ดังนั้นเราจึงต้องปรับตัวและพร้อมรับมือการเข้ามาแทนที่ของ AI ไม่ว่าจะเรื่องภาษา การเขียนโปรแกรม การพัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ รวมไปถึงทักษะต่าง ๆ ในอนาคต ที่เราทุกคนอาจจะต้องปรับตัวเพื่อให้ทันกับโลก ดังนั้นก็ไม่แปลกอะไรที่ในอนาคตจะมีคนเก่งและเชี่ยวชาญมาทำงานอยู่แนวหน้ามากยิ่งขึ้น แต่หลายคนต้องพัฒนาฝีมือให้สามารถทำงานได้มากกว่าหนึ่งอย่างและทำงานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือต่อรองในการเปลี่ยนแปลงที่ต้องก้าวเข้าสู่เทคโนโลยียุคใหม่“AI กับมนุษย์จะสามารถสื่อสารและทำความเข้าใจกันได้จริงหรือ ? ”แน่นอนว่าเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นมานั้น ต้องมีการป้อนข้อมูลจำนวนมหาศาลซึ่งก็เป็นข้อมูลที่มนุษย์ได้ป้อนไว้ให้เทคโนโลยีนี้ได้เรียนรู้และทำตามจุดมุ่งหมายหรือจุดประสงค์ที่เราได้สร้างเอาไว้ แต่เราก็ไม่อาจรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วมนุษย์กับหุ่นยนต์จะสามารถทำความเข้าใจหรือสื่อสารกันได้มากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่นอนคือ AI จะสามารถช่วยเรื่องการตรวจสอบหรือคัดกรองข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ในเวลาที่รวดเร็วมากกว่าที่มนุษย์ทำ ซึ่งนี่ก็อาจจะเป็นผลเสียในอนาคตของแรงงานมนุษย์ที่ไม่ใช่เพียงแค่ต้องต่อสู้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองแต่รวมไปถึงการต่อสู้เพื่อแย่งงานกับหุ่นยนต์ด้วย“AI ไม่มีวันพักสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงและสามารถฝึกฝนตัวเองได้ตลอดเวลา”ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นข้อเสียเปรียบของมนุษย์ที่จะต้องต่อสู้กับเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่สามารถใช้งานได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีวันพักผ่อนเหมือนกับมนุษย์ อีกทั้งยังสามารถฝึกฝนและพัฒนาตัวเองได้อยู่ตลอดเวลาตามคำสั่งที่มนุษย์ป้อนเอาไว้แล้วที่สำคัญ AI ไม่มีความรู้สึกเราจึงจะไม่เห็นถึงอารมณ์หรือสีหน้าแววตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกได้ไม่ว่าจะได้รับคำชมหรือการตำหนิแค่ไหนก็ตาม AI ก็ยังทำงานต่อไปและแก้ไขประมวลผลเชื่อมโยงปัญหาต่างๆได้อย่างรวดเร็วและเมื่อวันนั้นมาถึงเราอาจจะต้องถึงเวลาที่จะต้องปรับตัวและเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังต้องพัฒนาศักยภาพของตัวเองเพื่อต่อสู้ให้เท่าเทียมกับเทคโนโลยี AI ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า ดังนั้นมนุษย์ทุกคนไม่ควรอยู่นิ่งเฉยแล้วรอให้หุ่นยนต์มาแย่งงานแต่จงลุกขึ้นสร้างทักษะรอบด้านเพื่อให้มีความรู้มากพอที่จะสู้ในอนาคตได้ และเพื่อให้เห็นความสำคัญของมนุษย์ว่าแท้ที่จริงแล้วมนุษย์มีสิ่งที่หุ่นยนต์ไม่มีนั่นคือหัวใจและความรู้สึก ที่จะทำให้มนุษย์อยู่เหนือกว่าหุ่นยนต์ ขอบคุณภาพหน้าปกโดย www.pixabay.com ภาพประกอบจาก pixabay ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3เขียนบทความโดยผู้เขียนเอง