อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เบื่อเบื่อ ก็หันมาคั่วหัวครก สวัสดีทุกท่านนะคะ วันนี้ LADYGRAZE ขอพักซีรีส์ซากึกไว้ก่อน แล้วขอมารีวิวการคั่วเม็ดมะม่วงหิมพานต์แบบบ้าน ๆ สไตล์ชาวปักษ์ใต้กันนะคะ เพราะว่าปัจจุบันเจ้าเม็ดมะม่วงหิมพานต์แบบดิบ ๆ มาทั้งเปลือกนี้มีพอมีให้เห็นวางขายตามช่องทางออนไลน์พอสมควร หากเพื่อน ๆ คนใดสนใจจะลองคั่วไว้กินเอง ก็เพียงทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ 1. หากคุณได้มาทั้งผลมะม่วงหิมพานต์ ให้คุณเด็ดเอาแต่เมล็ดที่อยู่ท้ายผลไว้ ส่วนผลสุกก็นำไปล้าง จิ้มกินกับพริกเกลือหรือกินเปล่า ๆ ก็อร่อยเหาะ 2. เมื่อคุณได้เมล็ดมาแล้ว ก็เตรียมภาชนะสำหรับการคั่ว ซึ่งจำเป็นต้องใช้ภาชนะที่มีรูตรงท้าย อาจจะเป็นกระทะหรือหม้อเก่า ๆ ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่ที่ LADYGRAZE ใช้จะเป็นถาดพิมพ์ยางนำมาเจาะรูที่ท้ายค่ะ โดยการเจาะรูจะช่วยให้ไฟผ่านไปสัมผัสกับตัวเปลือกมะม่วงหิมพานต์ได้ค่ะ โดยขอแปะเป็นภาพวาดแทนนะคะ เพราะของจริงมันผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนจนเขม่าเกาะเต็มไปหมดเลย 555 3. นำก้อนอิฐมาตั้งไว้ 2 ก้อนเว้นช่องว่างสำหรับจุดไฟ วางภาชนะที่เตรียมไว้ข้างบน จากนั้นก็จุดไฟและเทเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่เตรียมไว้ลงไปค่ะ โดยตัวเปลือกของเมล็ดจะมียางและน้ำมันอยู่ ซึ่งก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง การเผาไฟนอกจากจะเป็นการทำให้เนื้อเม็ดมะม่วงหิมพานต์สุกแล้วยังเป็นการกำจัดยางและน้ำมันที่เปลือกเมล็ดออกไปด้วยค่ะ โดยมีข้อความระวังคือ เมื่อน้ำมันถูกขับออกมาจากผิวเปลือกไฟก็จะติดลุกโชนขึ้น จึงระวังไฟลวกตามมือด้วยนะคะ 4. เมื่อไฟที่ลุกโชนลดลงก็ให้ยกออกจากไฟและเทเมล็ดที่คั่วแล้วออกมาพักไว้ให้เย็นลง 5. กระเทาะเปลือกออกโดยอาจจะใช้ท่อนไม้หรือค้อน ค่อย ๆ ทุบให้เปลือกหลุดออกมาเพื่อให้ไม่เสียรูปทรง พร้อมรับประทานแล้ว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สำหรับมมะม่วงหิมพานต์นี้เป็นพืชเขตร้อนแต่ไม่ใช่พื้นท้องถิ่นในประเทศไทย โดยมีการนำเข้ามาปลูกครั้งในไทยที่ภาคใต้โดย พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี บุคคลเดียวกันกับที่นำต้นยางพาราเข้ามาปลูกครั้งแรกที่จังหวัดตรัง มะม่วงหิมพานต์จึงเป็นพืชที่พบได้ทั่วไปโดยเฉพาะในเขตภาคใต้จะมีรสชาติหวานกว่าถิ่นอื่น ๆ มะม่วงหิมพานต์เป็นพืชที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง ประกอบด้วยโปรตีนที่ย่อยง่าย ไขมันที่พบเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว นอกจานี้ยังให้คาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ, บี, อี เกลือแร่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็กอีกด้วย ส่วยอดอ่อนก็นำมารับประทานกับน้ำพริกหรือทานกับขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ก็ยิ่งอร่อย โดยชื่อเรียกของมะม่วงหิมพานต์จะเรียกแตกต่างกันไปนแต่ละถิ่น เช่นกาหยู หัวครก ท้ายล่อ ยาร่วงเป็นต้น เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะกับวิธีการคั่วเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ อาจจะดูไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเหมือนกันนะคะ เพราะหากกะเวลาการคั่วไม่ดี ก้อาจจะไหม้จนรับประทานไม่ได้เลยละคะ สำหรับครั้งหน้า LADYGRAZE จะนำเรื่องราวใดมาเล่าสู่กันฟังติดตามกันได้นะคะ สำหรับวันนี้ บ๊ายบาย ภาพประกอบบทความโดย LADYGRAZE อ้างอิง จาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี มะม่วงหิมพานต์