เยอรมนี หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ประกอบด้วยรัฐทั้งหมด 16 รัฐ (Constituent States) มีพื้นที่ 357,021 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรประมาณ 83 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในสหภาพยุโรป และเป็นที่สองในภูมิภาคยุโรปรองจากรัสเซีย ถึงแม้ว่าเยอรมนีจะเป็นผู้แพ้ในสงครามโลกถึงสองครั้ง และเคยถูกแบ่งแยกประเทศมาแล้วก็ตาม แต่ในปัจจุบันเยอรมนีกลับกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับสี่ของโลกและเป็นอันดับหนึ่งของสหภาพยุโรป และยังเป็นสมาชิกที่มีบทบาทสำคัญของหลายองค์การระหว่างประเทศในภูมิภาค เห็นได้จากตามช่วงเวลาประวัติศาสตร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เยอรมนีเป็นหนึ่งในตัวตั้งตัวตีและเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการบูรณาการภูมิภาคยุโรปตลอดมา จากที่กล่าวมาข้างต้นถือได้ว่าประเทศนี้มีความน่าสนใจยิ่งที่จะศึกษา และอาจนำไปต่อยอดสำหรับการศึกษาทิศทางการบูรณาการสหภาพยุโรปในอนาคตได้โดยในที่นี้ผู้เขียนจะมุ่งชี้ให้เห็นถึงบริบทของประเทศเยอรมนีทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่ส่งผลต่อการบูรณาการสหภาพยุโรปเป็นหลัก เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นภาพบริบทของเยอรมนีหลังเป็นผู้แพ้สงครามสู่การก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในภูมิภาคยุโรปกำแพงเบอร์ลิน ที่ครั้งหนึ่งในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กำแพงนี้ได้แบ่งแยกคนเยอรมนีตะวันออกและตะวันตกออกจากกันหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เยอรมนีซึ่งเป็นผู้แพ้สงครามได้ถูกแบ่งแยกเป็นสองประเทศ คือ เยอรมนีตะวันออกและตะวันตก โดยเยอรมนีตะวันออกอยู่ในการควบคุมของสหภาพโซเวียด ส่วนเยอรมนีตะวันตกอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายพันธมิตร ประเทศที่ถูกก่อตั้งใหม่นี้ไม่ได้มีอำนาจการตัดสินใจในหลายด้านทั้งการต่างประเทศ การค้าระหว่างประเทศ รวมถึงการป้องกันตนเอง ดังนั้นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศเยอรมนีตะวันตก คอนราด อาเดเนาเออร์ จึงมีแนวคิดในการมีอำนาจอธิปไตยของประเทศอย่างสมบูรณ์การที่เยอรมนีจะมีอำนาจอธิปไตยสมบูรณ์อย่างแท้จริงได้ เยอรมนีจะต้องเข้าร่วมในระบบพันธมิตรตะวันตกและเป็นส่วนหนึ่งของยุโรปที่มีเอกภาพ ดังนั้นเยอรมนีจึงยอมรับข้อตกลงที่ทำกับฝรั่งเศสในการเข้าร่วมประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้า (ECSC) ที่ฝรั่งเศสเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจมากที่สุดก็ตาม แต่เยอรมันก็ยอมแลกเพราะเงื่อนไขที่เยอรมันจะได้เริ่มต้นใหม่ในฐานะรัฐอธิปไตยอิสระที่มีอำนาจอย่างสมบูรณ์จากที่กล่าวมาเป็นบริบทของการบูรณาการสหภาพยุโรปของเยอรมันในด้านการเมือง แต่ถ้ากล่าวให้ถึงที่สุดในบริบทด้านการเมืองนอกจากประเด็นสำคัญที่เยอรมนีต้องการอำนาจอธิปไตยกลับคืนมาแล้ว ยังมีอีกหลายประเด็นปลีกย่อยที่ส่งผลต่อการบูรณาการสหภาพยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านความหวาดกลัวต่อภัยคุกคามของสหภาพโซเวียด และประเด็นเรื่องการปรองดองเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามและความขัดแย้งในอดีตนอกจากบริบทด้านการเมืองข้างต้นยังมีบริบทในด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อบริบทการบูรณาการสหภาพยุโรปของเยอรมนีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กล่าวคือ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายประเทศล้วนมีความต้องการในการฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจในประเทศของตน เยอรมนีเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งจากขีดความสามารถสูงในด้านการแข่งขันและพัฒนาอุตสาหกรรมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เยอรมนีจึงมีความต้องการให้เปิดเสรีในด้านอุตสาหกรรมพร้อมกับการเปิดเสรีการค้าในระดับภูมิภาค ซึ่งนำมาสู่การลงนามในสนธิสัญญาโรมในการก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจยุโรป และจะพัฒนาการมาสู่การก่อตั้งสหภาพยุโรปในเวลาต่อมาจากที่กล่าวมาทั้งหมด การบูรณาการสหภาพยุโรป นอกจากบริบทด้านการเมืองและเศรษฐกิจแล้ว การบูรณาการนี้ยังส่งผลต่อสังคมในหลาย ๆ ประเทศรวมถึงเยอรมนีเองด้วย โดยเริ่มต้นจากประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้าที่ถึงแม้จะล้มเหลวในด้านภารกิจหลักก็ตาม แต่องค์กรนี้มีส่วนอย่างมากในการช่วยฝึกบุคลากรของแต่ละประเทศให้ทำงานร่วมกัน ซึ่งจะมีผลสำคัญยิ่งต่อการบูรณาการในภูมิภาคและสามารถเสริมสร้างจิตสำนึกความเป็นพลเมืองยุโรปได้อย่างยั่งยืนจนถึงปัจจุบันNote:ตามพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ แนวคิดเรื่องการบูรณาการยุโรปหรือข้อเสนอการรวมยุโรปเพื่อสร้างสันติภาพระหว่างกันได้มีมานานแล้ว แต่ทว่าแนวคิดดังกล่าวกลับไม่รับความสนใจเท่าใดนัก เนื่องจากข้อเสนอการรวมยุโรปในอดีตมักมีลักษณะเป็นแบบยูโทเปีย รัฐชาติทั้งหลายจึงไม่อาจยอมรับการที่ตนเองจะเสียอำนาจอธิปไตยสูงสุดได้ ประกอบกับในขณะนั้นสาธารณชนส่วนใหญ่ยังมีแนวคิดว่ารัฐชาติยังคงมีความสำคัญอยู่ ดังนั้นแนวคิดเรื่องการบูรณาการยุโรปจึงไม่มีทางเกิดขึ้นจริงได้เลย จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การบูรณาการยุโรปได้ก่อกำเนิดเกิดขึ้น ถึงแม้จะห่างไกลจากแนวคิดการรวมยุโรปในอดีตก็ตาม แต่การบูรณาการยุโรปครั้งนี้ได้ถูกพัฒนาจนเกิดขึ้นจริงและมีความยั่งยืนจนถึงปัจจุบัน และท้ายสุดหากผู้อ่านสนใจในประเด็นการบูรณาการยุโรปหรือแม้กระทั่งบทบาทของเยอรมนีภายในสหภาพยุโรป ผู้เขียนขอแนะนำหนังสือประวัติศาสตร์สหภาพยุโรป ของอาจารย์จุฬาพร เอื้อรักสกุล ถึงแม้หนังสือนี้จะเป็นหนังสือที่เขียนขึ้นมาเพื่อใช้ในการประกอบการเรียนการสอนเป็นหลัก แต่เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ก็สามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยาก อีกทั้งยังมีความครบถ้วนทางด้านเนื้อหาสาระและแง่มุมต่าง ๆ ในสหภาพยุโรปที่ผู้อ่านอาจไม่เคยรู้มาก่อนเครดิตรูปภาพภาพหน้าปกจาก Pixabay ภาพประกอบที่ 1 จาก Pixabayภาพประกอบที่ 2 จาก Pixabay ภาพประกอบที่ 3 จาก Pixabay