วันนี้พาไปรู้จักกับวิถีชีวิตของคนยุคสมัยโบราณ กับการสร้างบ้านทรงไทย แม้กาลเวลาจะผ่านมากี่ร้อยปี แต่บ้านทรงไทยก็ยังคงอยู่คู่กับคนไทยคนทุกคนจะอยู่อาศัยในบ้าน และพร้อมที่จะมีความสุขกับครอบครัวในบ้าน บ้านะจึงเป็นที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยและให้ความสุข แต่วันนี้เราจะมาเรียนรู้บ้านทรงไทยในสมัยโบราณ เขาจะสร้างบ้านแบบยกพื้นสูง นิยมปลูกบ้านใกล้แม่น้ำลำคลอง จึงหลีกเลี่ยงเวลาน้ำขึ้นหรือน้ำหลาก เพราะสมัยโบราณในแต่ละช่วงปีจะมีเวลาน้ำขึ้นมาก ๆ จนท่วมที่อยู่อาศัย อีกประโยชน์หนึ่งที่ปลูกบ้านใต้ถุนที่สูงเพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายปีนขึ้นหาลูกสาวได้ง่าย สมัยก่อนโจรผ้าร้ายเยอะบ้านใต้ถุนสูงก็ช่วยป้องกันโจรผู้ร้ายได้ บ้านทรงไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ รับการทอดการสร้างเรือนมาจากอาณาจักรกรุงศรีอยุธยามา แบบที่สร้างเป็นแบบเรือนสามห้องยกใต้ถุนสูงพอเดินรอดได้ บางหลังจะมีบันไดทอดลงสู่ท่าน้ำเพื่อความสะดวกในการเดินทางน้ำ และง่ายต่อการใช้น้ำทั้งดื่มกินและอาบน้ำชำระสิ่งสกปรกที่คนโบราณปลูกบ้านเป็น เพราะในสมัยก่อนป่าไม้ยังอุดมสมบูรณ์ ช่างไม้ชำนาญทางด้านงานไม้กับเทคนิคของงานไม้จึงหาช่างไม้ได้ง่าย ที่สำคัญไม้มีน้ำหนักเบาจึงไม่ต้องทำงานฐานราก เหมือนงานปูนเช่นในสมัยปัจจุบัน และที่สำคัญภูมิประเทศเราเป็นดินอ่อน จึงไม่สามารถที่จะปลูกสร้างบ้านที่มีน้ำหนักมากภาพโดย : ผู้เขียน ภูมิปัญญาของคนยุคเก่า สร้างบ้านไม้โปร่งโล่งทำให้อากาศลอดผ่านภายในตัวบ้านได้ดี จึงสอดคล้องกับการใช้ชีวิต และภูมิประเทศไทยในสมัยโบราณ ภายในเรือนจะจัดแยกเป็น เรือนเอก เรือนโท หอพระ หอเครื่อง หอนั่ง ครัวไฟ โดยแต่ละเรือนจะมีชานบ้านเชื่อมต่อกัน จะมีลักษณะต่ำกว่าพื้นเรือน ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนในครอบครัว ส่วนหลังคาเรือนมีไม้ไขว้กัน เป็นเทคโนโลยีคำ้ยันไม้ ไม่ให้หลังคายุบลงมาเรียกว่า “ กาแล ” ภาพโดย : ผู้เขียนต่อมาในรัชกาลที่ 5 หลังคาปั้นหยาเริ่มเป็นที่นิยมสร้างกัน จนมาถึงยุคสมัยรัตนโกสินทร์ แบบบ้านได้เปลี่ยนตามรสนิยมของคนร่ำรวยที่ไปเรียนเมืองนอกมา การสร้างบ้านแบบประยุกต์ ระหว่างตะวันตกผสานแบบบ้านทรงไทยภาพโดย : ผู้เขียนจนมาในปัจจุบันไม้หายากบ้านทรงไทยจึงไม่เป็นที่นิยม แต่เราสามารถเข้าไปศึกษารูปบ้านไม้ทรงไทยที่อยุธยาได้ โดยเฉพาะ “ คุ้มขุนแผน ” ที่ยังสถานแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เป็นบ้านเรือนไทยหมู่ มีอยู่ 5 หลัง หลังคาจั่วยอดแหลมสูง เพื่อช่วยระบายความร้อน คุ้มขุนแผนประกอบด้วยเรือนหลายหลัง เรียกว่า “ หอ ” โดยมีหอซ้าย หอขวา เชื่อมด้วยชานเรือน สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2437 ในอดีตที่บริเวณแห่งนี้เคยเป็นคุกนครบาลเก่า และเชื่อว่าขุนแผนเคยต้องโทษอยู่ในคุกแห่งนี้ คุ้มขุนแผนเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 08.30 - 16.30 น.