ตั้งแต่โควิดระบาดไปทั่วโลก หลาย ๆ ประเทศประกาศใช้นโยบายอย่างรัดกุม บางประเทศประกาศล็อคดาวน์ ทำให้การใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนไป คนทำงานเปลี่ยนมาทำงานที่บ้านผ่านทางอินเทอร์เน็ต เด็กนักเรียน นักศึกษาก็ถูกปรับเปลี่ยนให้เรียนออนไลน์ พ่อแม่ผู้ปกครองที่จากเดิมแค่รับส่งลูกไปโรงเรียน ตอนนี้ต้องเปลี่ยนหน้าที่เป็นครูช่วยสอนหนังสือลูกแทนคุณครู ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะกลัวลูกจะเรียนไม่ทันคนอื่น เด็กเล็กการจะให้เค้านั่งเรียนออนไลน์นิ่ง ๆ ผ่านจอสี่เหลี่ยมมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะด้วยวัยของเค้าที่ต้องการการเล่น ใจเด็กก็อาจจะคิดถึงการ์ตูน หรือเกมส์ที่อยู่ตรงหน้า มากกว่าจะคิดถึงวิชาคณิตศาสตร์ ที่มีทั้งสแควรูท ทั้งยกกำลังที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย เอาเป็นว่าการจะสอนเด็กเล็กให้เรียนออนไลน์ คุณครูต้องใช้ทั้งศาสตร์ ความอดทน อดกลั้น และศิลปะการสอน และดึงความสนใจเด็ก ซึ่งผู้เขียนก็ไม่ขอกล่าวถึงในที่นี้ การเรียนการสอนในประเทศสวีเดน ใช้เทคโนโลยีช่วยมากกว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ก่อนโควิดระบาด เพราะฉะนั้นสื่อการเรียนการสอนแบบออนไลน์พัฒนาไปค่อนข้างไกล โดยเฉพาะการเรียนการสอนระดับมหาวิทยาลัย ผู้เขียนมีโอกาสเรียนหลายคอร์ส ในหลากหลายสาขาวิชา หลายมหาวิทยาลัย เพราะต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย เพราะฉะนั้นเวลาเรียนจึงมีจำกัดแค่หลังเลิกงาน และวันเสาร์ อาทิตย์ ผู้เขียนจะขอสรุปสไตล์การเรียนในระดับอุดมศึกษาแบบคร่าว ๆ คือ ตัวอย่างเว็บที่ใช้เข้าเรียน เว็บที่ใช้เข้าเรียน เว็บที่ใช้เข้าเรียน จะมีรายละเอียดทั้งเป้าหมายการเรียน ว่าเค้าคาดหวังอะไรจากเนื้อหาของหลักสูตร จำนวนงานที่ต้องส่ง จำนวนครั้งของการสัมนนา และหนังสือ หรือเอกสารอ้างอิง ที่นักศึกษาสามารถไปค้นคว้าเพิ่มเติมได้ โดยในเว็บเหล่านี้สามารถติดต่อสื่อสารผ่านทางแชท หรือทางอีเมลกับอาจารย์ผู้สอน หรือนักศึกษาคนอื่น ๆ ได้ ผู้เขียนได้ใช้เว็บการเรียนเหล่านี้ ตั้งแต่สมัยเรียนครั้งแรก ๆ เมื่อ 5 ปีก่อน และปัจจุบันการเรียนการสอนในระบบอุดมศึกษา ก็ใช้เว็บในการเรียนการสอน และสื่อสารเป็นหลักเช่นเดิมลักษณะการเรียนของหลักสูตร ทุกหลักสูตรที่ผู้เขียนเคยเรียนผ่านมา 8 หลักสูตร มี 7 หลักสูตรที่ต้องเขียนงานส่ง 2-3 งานต่อหลักสูตร และแต่ละงานจะประกอบด้วยงานเขียนแนววิเคราะห์ วิจารณ์เป็นหลัก นั่นก็คือ เราต้องอ่านทำความเข้าใจก่อน ถึงจะสามารถเขียนออกมาได้ ถ้าหากเราลอกงานเขียนคนอื่นหรือไปก๊อปข้อมูลตามอินเทอร์เน็ต เวลาส่งงานเข้าไปก็จะถูกเตือนว่ามีการคัดลอก หรือก๊อปปี้งานคนอื่น เราก็อาจจะต้องถูกปรับตกในบางครั้งที่เราอ้างอิงข้อมูลจากหนังสือ แต่เราลืมใส่ข้อมูลอ้างอิง ก็ถือว่าเราคัดลอกงานเขียนคนอื่นเช่นกัน ซึ่งที่สวีเดนจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ส่วนใหญ่ที่ผู้เขียนเรียนผ่านมา เมื่อมีการเขียนงานส่ง ก็จะตามมาด้วยการพรีเซนต์ และสัมมนา ซึ่งการสัมมนาหรือพรีเซนต์งาน เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการเรียนที่ต่างประเทศการสอบ เท่าที่ผู้เขียนเรียนผ่านมาทั้งหมด 8 หลักสูตร ทุกหลักสูตรเป็นข้อสอบแบบอัตนัย นั่นก็คือ เขียน เขียน เขียน เขียน ไม่เคยมีสักวิชา ที่สามารถใช้ความสามารถพิเศษเฉพาะ ด้วยการหลับตาจิ้มหาคำตอบ แม้แต่วิชาที่เกี่ยวกับการคำนวณ ก็ต้องเขียนคำตอบลงไป ไม่มีตัวเลือกให้เฉกเช่นบ้านเราก่อนโควิดจะมีการจัดสอบที่สถานศึกษาตามปกติ แต่หลัง ๆ มานี้ใช้วิธีการสอบออนไลน์ หลาย ๆ วิชาให้นักศึกษาเปิดหนังสือได้ แต่ด้วยเวลากระชั้นชิด บางครั้งแม้แต่เวลาจะเปิดหนังสือก็ไม่มี หรือถึงมีเวลาเปิดหนังสือ เราก็ต้องรู้ว่าเนื้อหาตรงนั้นอยู่ประมาณหน้าไหน เพราะหนังหนังสือแต่ละเล่ม 500 หน้าขึ้นไป สำหรับผู้เขียนมองว่าการเรียนแบบนี้ช่วยให้เราใช้สมองในการคิด และไตร่ตรอง และจะทำให้เราสามารถใช้งานได้จริง อุปสรรคในการเรียนอุปสรรคในการเรียนที่ต่างประเทศสำหรับผู้เขียนคือ ภาษา เพราะผู้เขียนก็ได้ระดับที่พอจะเขียนและพูดได้ แต่หากเป็นภาษาไทย ก็อาจจะแล่นปรึ๊ดดดดกว่านั้น ถึงแม้จะมีอุปสรรคในเรื่องภาษา แต่ผู้เขียนก็ยังชอบเรียนอยู่ดี เพราะรู้สึกว่าการเรียนมันช่วยเปิดมุมมอง และโอกาสของเรา ผู้เขียนเคยไปลงเรียนวิชาของคณะเศรษฐศาสตร์ทั้งแบบมหภาค และจุลภาค ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่เรียนจบระดับปริญญาตรีแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ได้ ทำให้เราเข้าใจสถานการณ์โลก แถมช่วยพัฒนามุมมองการวิเคราะห์บริษัทเพื่อการลงทุนให้ดีขึ้นด้วย การเรียนรู้เอง ก็ไม่ใช่มีแค่ในห้องเรียน เราสามารถเรียนรู้ได้ทุก ๆ ที่ ทุก ๆ เวลา ขอแค่มีความสนใจเราก็สามารถรู้ได้ตลอดเวลา เครดิตภาพปก ภาพที่ 1 -4 โดยผู้เขียน บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง My articles | TrueID In-Trendอัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !