แค่หัวข้อของบทความก็อาจทำให้หลาย ๆ คนงงงวยไปกับเราแล้วว่า ในวิกฤตรุนแรงแบบนี้จะยังมีเรื่องราวดี ๆ ให้นึกอยู่อีกเหรอ สำหรับเราแล้ว การพยายามมองหาสิ่งที่เป็นเรื่องราวดี ๆ โอกาสดี ๆ ในความเป็นวิกฤตินั้น มันจะช่วยให้เราเรียนรู้ในเรื่องการจัดการอารมณ์ มุมมองความคิด รวมถึงโอกาสใหม่ ๆ จากวิกฤตินี้อีกด้วย รวมไปถึงการเริ่มธุรกิจใหม่ที่เราได้มาจากการพยายามมองหาโอกาสจากวิกฤต Covid -19 กันด้วย ส่วนอะไรบ้างที่เราได้จากการเรียนรู้ ปรับตัวในช่วงนี้ เราขอสรุปออกมาเป็นข้อ ๆ ให้อ่านกันนะคะ ภาพถ่ายโดย maitree rimthong จาก Pexels 1. มีสติกับการใช้จ่ายที่มากขึ้นรวมไปถึงการคิดถึงเงินออม เมื่อก่อนเราไม่เคยมีคิดถึงเรื่องการซื้อหน้ากาก เจลล้างมือ หรือแม้กระทั่งการดูแลร่างกายตัวเองมากมายนัก สิ่งที่เรามักจะทำเวลาที่ได้เงินเดือนแต่ละเดือนออกมาคือการไปช็อปปิ้ง ซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอางและอาหารอร่อย ๆ แต่ตอนนี้พอเกิดสถานการณ์แบบนี้เข้ามา มันทำให้เราเรียนรู้ในชีวิตว่า โลกนี้ไม่เคยมีอะไรแน่นอน แต่สิ่งที่แน่นอนคือ การที่เรามีเงินเก็บไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉินมากกว่าที่แน่นอนที่สุดในโลก เราเรียนรู้ที่จะตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป และบันทึกรายรับ-รายจ่ายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถมองภาพรวมของรายได้เข้ามาได้ชัดเจนมากขึ้น ว่ารายจ่ายอะไรบ้างที่ควรตัด และรายได้อะไรบ้างที่เราควรเสริมเข้าไปเพื่อเพิ่มกระแสเงินสด ภาพถ่ายโดย Pixabay จาก Pexels 2. ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง ครอบครัว และเพื่อนฝูง ที่มากขึ้นเรื่อย ๆ จะมีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกดีไปกว่าคำว่า “ดูแลตัวเองดี ๆ “ เพราะมันแสดงถึงประโยคที่มีความห่วงใยอยู่ในนั้น การแบกความทุกข์ไว้กับตัวเองแล้วเฝ้ามองเห็นแต่ความทุกข์ของตัวเองยิ่งใหญ่กว่าคนอื่น ไม่ทำให้เราเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจใครได้ แต่เมื่อเกิดวิกฤติแบบนี้ขึ้นมา มันทำให้เราเห็นว่า เราไม่ได้ลำบากและเจอเรื่องนี้หนักหนาสาหัสเพียงคนเดียว ยังมีคนอีกมากมาย และใครบ้างที่พร้อมจะอยู่กับเราในช่วงเวลาที่ลำบากแบบนี้ รวมไปถึงการได้เห็นคนไทยพร้อมจะมาแชร์เรื่องราวข้อมูลดี ๆ ช่วยเหลือกันอย่างมากมายแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนว่าจะเยอะขนาดนี้ เช่นการหาเงินออนไลน์ การทำยูทูปเพื่อสร้างอาชีพ คอร์สสอนขายของออนไลน์ ซึ่งล้วนแต่เป็นวิธีที่จะช่วยให้เราเพิ่มรายได้และรับมือกับวิกฤตทางเศรษฐกิจที่จะเข้ามาอีกมากด้วย ภาพถ่ายโดย Pixabay จาก Pexels 3. ทำให้เราดึงความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาเกิดเป็นไอเดียทางธุรกิจโดยไม่ใช่เงินลงทุนแม้แต่บาทเดียว อาจจะด้วยเพราะเราตั้งโจทย์ว่าเราจะเริ่มทำธุรกิจใหม่โดยที่ไม่ใช่เงินลงทุนเลย เราเลยพยายามหาวิธีการและคำตอบออกมาว่ามีโมเดลทางธุรกิจอะไรบ้างที่สามารเริ่มได้เลยโดยไม่ต้องใช้เงิน แทนที่จะตั้งคำถามว่า ถ้ามีเงิน 3000 บาท จะทำธุรกิจอะไรดี แต่เราจำกัดคำถามให้แคบลงมาอีกด้วยคำว่า ถ้าไม่มีเงินลงทุนเลย จะเริ่มทำธุรกิจอะไรได้บ้าง ซึ่งมันก็ทำให้เราเพิ่มพลังสมองในการหาคำตอบและไอเดียออกมาได้เยอะ จนเกิดเป็นไอเดียทางธุรกิจที่ทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นมาอย่างทุกวันนี้นั้นเอง ภาพถ่ายโดย VisionPic .net จาก Pexels 4. สุขภาพกายและสุขภาพใจเป็นสิ่งที่เงินมาชดเชยไม่ได้แม้แต่บาทเดียว การเกิดวิกฤตครั้งนี้ทำให้เรียนรู้ว่าแม้แต่คนรวยมีเงินมากมายก็ล้วนมีโอกาสเจ็บป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บนี้ได้เช่นกันอย่างไม่มีทางยกเว้น เพราะยังไม่มีวัคซีนในการรักษาโรคนี้ แม้จะหาเงินได้มากมายเพียงใด หากไม่รู้จักดูแลร่างกาย สุขภาพจิตใจให้แข็งแรง เราก็สามารถป่วยได้เช่นเดียวกัน เราเลยตั้งใจว่า ไม่ว่าจะหารายได้มากมายแค่ไหน แต่เราจะต้องแบ่งเวลาออกกำลังกาย นอนหลับให้เพียงพอ และกินอาหารที่มีผักและผลไม้ให้เยอะเท่าที่ทำได้ รวมไปถึงการนั่งสมาธิเพื่อพัฒนาจิตใจของเราให้ดีอยู่เสมอด้วย ภาพถ่ายโดย Startup Stock Photos จาก Pexels 5. เรามีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตัวเองมากขึ้นด้วย เพราะเรารู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน มันมีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และถ้าเราอยากจะรอดในโลกนี้ สิ่งที่เราคิดว่าเราควรมีคือการพัฒนาตัวเองให้พร้อมที่ก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง เรากลัวการไม่มีความรู้จนตกยุคและไม่ทันกับอนาคตที่มันเปลี่ยนไปแทบจะทุก ๆ นาที ดังนั้นสิ่งที่เราได้เรียนรู้นอกจากไอเดียในการทำธุรกิจคือการ พัฒนาตัวเอง เพื่อให้พร้อมเสมอและมีทักษะทั้ง Hard Skill และ Soft Skill ที่จำเป็นต่อการทำงานค่ะ หวังว่าเรื่องราวดี ๆ ที่เราได้เรียนรู้จากเหตุการณ์วิกฤตไวรัสนี้ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อน ๆ ไม่ย่อท้อและลุยไปพร้อม ๆ กันนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้า สวัสดีคะ ภาพถ่ายโดย Two Dreamers จาก Pexels