ในสังคมปัจจุบันของเราอาหารถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากในปัจจัยทั้งสี่ อาหารคือของกินที่ถูกพัฒนารูปแบบจากสิ่งต่าง ๆ ออกมาให้เป็นสิ่งที่เรารู้สึกได้ถึงรสชาติที่อร่อยและกินได้อิ่มท้อง และเช่นกันวันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับสารคดีซีรี่ส์ที่เล่าเรื่องราวของอาหาร สารคดี Street food อิ่มริมทางฉบับเอเชีย คือหนึ่งในสารคดีของ Netflix ที่ทำการเล่าเรื่องราวอาหารริมทางแต่ละประเทศในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น ประเทศไทย , ญี่ปุ่น , เกาหลีใต้ , ไต้หวัน , เวียดนาม , สิงคโปร์ , อินเดีย , ฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย เรื่องราวอาหาร Street foodสารคดี Street food อิ่มริมทางฉบับเอเชียมีทั้งหมด 9 ตอน โดยแต่ละตอนจะเล่าถึงอาหาร Street food ของแต่ละประเทศที่เป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของประเทศนั้น ๆ จุดเริ่มต้นของอาหารข้างทางว่าเป็นมาอย่างไร รวมไปถึงเอกลักษณ์ของอาหารข้างทางแต่ละประเทศที่จะมีจุดเด่นต่างกัน อย่างเช่น ขนมจาจันปาซาร์ ของประเทศอินโดนีเซีย ที่เป็นขนมเก่าแก่มายาวนาน โดยเจ้าของร้านอาหารริมทางอย่าง 'ซาตีเนิม' ได้เล่าว่าเขาเริ่มต้นทำขนมจาจันปาซาร์จากการดูคุณแม่ของเขาที่ทำขาย ทำให้เขาสืบทอดการทำขนมและยึดเป็นอาชีพที่สร้างให้เขามีรายได้ มีคนรู้จักขนมของเขามากขึ้น เรื่องราวของคนสร้างอาหารนอกจากสารคดีเรื่องนี้จะเล่าผ่านในมุมมองของอาหารข้างทางแล้ว ยังนำเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่าสนใจจากคนสร้างอาหารมาเล่าเรื่องราวในแต่ละตอน ยกตัวอย่างจากตอนของ ขนมปูตูปีริง จากสิงคโปร์ ที่เล่าเรื่องราวของหญิงสาว 'ไอชา' ลูกเจ้าของร้านขนมปูตูปีริง ที่เธอมีความฝันอยากที่จะเป็นเชฟขนมหวานชื่อดังของโลก เธอเดินหน้าสานต่อความฝันของเธอด้วยการเรียนต่อที่อเมริกาด้วยความขัดแย้งที่พ่อแม่ไม่เห็นด้วย แต่เธอก็เลือกที่จะมุ่งมั่นเรียนต่อไปจนจบและได้ทำงานในโรงแรมชื่อดัง เธอได้เดินหน้าเป็นเชฟขนมหวานอย่างเต็มตัว แต่สุดท้ายความฝันของเธอก็ต้องจบลงเมื่อครอบครัวขอร้องเธอให้มาสานต่อการทำขนมปูตูปีริง เธอเล่าว่าทุกอย่างเหมือนฝันร้าย เธอต้องกลับมาอยู่ในจุด ๆ เดิม ทำทุกอย่างที่ไม่ใช่ความฝัน แต่ทุกอย่างของเธอก็พลิกกลับไปหมดเมื่อเธอได้เจอกับหนทางใหม่ที่จะสามารถนำความฝันของเธอมาผสมผสานเข้ากับขนมปูตูปีริงได้อย่างดีเช่นเดียวกับตอนของคุณลุง 'โทโยะ' พ่อค้าร้านอาหารข้างทางจากโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ที่ค้าขายอาหารทะเลโดยคุณลุงเล่าถึงประวัติของร้านว่าตัวเขามีเป้าหมายอยากมีร้านอาหารตั้งแต่สมัยวัยรุ่น โดยเขาเริ่มต้นจากการเป็นลูกน้องร้านอาหารดัง ๆ ก่อนจะผลันตัวมาเปิดร้านเป็นของตัวเอง"อย่าเป็นหางเสือ แต่จงเป็นหัวหมา" นี่คือคำพูดของลุงโทโยะที่พูดจากในตอนนี้ ความหมายของคุณลุงก็คือ เขาจะไม่อยากทำงานเป็นแค่ลูกน้องร้านอาหารดัง ๆ แต่เขาจะออกมาสร้างธุรกิจที่เริ่มจากเล็ก ๆ ให้ได้ นอกจากข้างต้นที่เราได้กล่าวถึงไปแล้วยังมีอีกหลากหลายประเทศในเอเชียที่ยังมีเรื่องราวของอาหารข้างทางและผู้สร้างอาหารข้างทางอีกมากมายที่คุณดูแล้วจะต้องรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจกับอาหารข้างทางมากยิ่งขึ้น และเมื่อคุณได้ดูและรู้จักกับอาหารข้างทางมากขึ้น คุณจะรู้ว่าอาหารข้างทางน่ามหัศจรรย์และสร้างรอยยิ้ม รายได้ ความสุขให้กับพวกเขาเหล่านี้ได้มากแค่ไหน เพราะอาหารข้างทางไม่ใช่แค่อาหาร แต่มันคือสิ่งมหัศจรรย์ที่ผู้สร้างอาหารสร้างมันขึ้นมา ความรู้สึกที่มีต่อเรื่องราวของสารคดี Street foodตอนที่เราได้ดูเราไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายจากการได้ดูอาหารที่น่ากินของแต่ละประเทศนั้น ๆ แต่ระหว่างที่ดูไปทุกตอน ทุกประเทศมีการสอดแทรกความเป็นมาของเรื่องราวอาหาร วัฒนธรรม ทำให้เราที่ดูได้รู้สึกไปในสิ่งเดียวกับเรื่องราวนั้น นอกจากเราจะได้รู้วิธีการทำอาหารเราก็ยังได้สัมผัสกับเรื่องราวหลาย ๆ อย่าง ส่วนตัวประทับใจในตอนของคุณลุงที่ญี่ปุ่น ที่เราดูและมีอารมณ์ร่วมไปกับเขา คุณลุงมีอารมณ์ขันสามารถทำทุกคนหัวเราะได้และเราที่ดูก็หัวเราะตาม และประทับใจในเรื่องราวของคุณลุงที่กว่าจะมีวันนี้เขาล้มและลุกขึ้นมามากมาย มันกลายเป็นว่าเป็นสิ่งที่ให้กำลังใจใครหลาย ๆ คนได้ดีทีเดียว นอกจากนี้ในสารคดีเรื่องอาหารริมทางแล้วยังมีหลายอย่างที่ประทับใจมาก ๆ เช่นกัน เรื่องราวของสารคดีนี้อย่างที่กล่าวไปดำเนินเรื่องได้ดี เล่าผ่านอาหารของแต่ละประเทศ ในประเทศนั้น ๆ ก็จะดึงเอาอาหารที่ทุกคนรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างมาเล่าสลับกันไปมาให้น่าติดตามรวมทั้งยังสอดแทรกข้อคิดต่าง ๆ ลงไปในอาหารด้วยเช่นกัน สารคดี Street food สามารถรับชมได้ที่ Netflix และสามารถรับชมผ่านกล่อง True ID TV ได้แล้ววันนี้ ขอบคุณภาพจาก Netfilx เขียนโดย MtotheKei