รีวิวหนังสือ “รู้เก็บ รู้ใช้” ในชีวิตประจำวันของคนเราแต่ละคนแต่ครอบครัวบางครั้งก็อาจละเลยในเรื่องของการปลูกฝังวัฒนธรรมในการออมซึ่งการออมถือได้ว่าเป็นการวางแผนการเก็บเงินเบื้องต้นเพื่อที่จะทำให้นำไปสู่การวางแผนทางการเงินที่มั่นคงในอนาคต ถ้าละเลยหรือขาดการปลูกฝังในเรื่องการออมเงินปัญหาในอนาคตก็จะตามมาในเรื่องการใช้เงินการขาดสภาพคล่องทางการเงินหรือการชักหน้าไม่ถึงหลังใช้จ่ายเงินไม่คุ้มค่านำไปใช้ในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์พอเกิดปัญหาต้องการใช้เงินในเรื่องที่จำเป็นก็จะทำให้ไม่มีเพียงพอที่จะนำไปใช้จ่ายและอาจนำไปสู่การเป็นหนี้โดยการกู้หรือเป็นหนี้ในช่องทางอื่นซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นภาระพอสมควร เพื่อเป็นการพัฒนาตนเองให้ตระหนักในเรื่องของการออมผู้เขียนได้นำหนังสือเรื่องสั้นเล่มหนึ่งที่ได้เก็บไว้จากกองหนังสือที่เตรียมจะนำไปชั่งขายเป็นของเก่าก็เลยขอเขาไว้ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็คือ “รู้เก็บ รู้ใช้” ซึ่งเป็นหนังสือของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและบริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด(มหาชน) จัดพิมพ์ครั้งที่ 2 เมื่อเดือน มีนาคม 2549 จากโครงการประกวดเรื่องสั้นและนำเรื่องสั้นที่ชนะเลิศการประกวดที่ผู้เขียนได้ถ่ายทอดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์รวมทั้งประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการออมและการใช้จ่ายอย่างรู้คุณค่าซึ่งผลงานที่ได้เข้าประกวดมีระดับมัธยมศึกษาและในระดับอุดมศึกษาและผลงานที่ได้นำมาพิมพ์ลงในหนังสือเล่มนี้ก็จะมี 20 เรื่องแบ่งเป็นมัธยมศึกษา 10 เรื่อง อุดมศึกษา 10 เรื่อง เป็นรางวัลเรื่องสั้นดีเด่น รางวัลรองชนะเลิศ 2 รางวัลและชมเชยระดับละ 7 รางวัล ผู้เขียนได้อ่านผลงานทุกเรื่องในเล่มนี้แล้วก็ทำให้ได้รู้ถึงความสามาถในการถ่ายทอดเนื้อหาที่เกี่ยวข้องในเรื่องการออมได้อย่างเยี่ยมยอดไม่ว่าจะเป็นการรนำความคิดจินตนาการและประสบการณ์ของผู้เขียนมาถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้เกิดความเพลิดเพลินและได้รู้ถึงประโยชน์ของการออมซึ่งผลงานในแต่ละระดับก็จะมีความแตกต่างกันของภาษาในการถ่ายทอดในระดับมัธยมก็จะถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่เจอในชีวิตประจำวันเช่น การเก็บออมโดยการนำเศษเหรียญที่เหลือใช้ไปหยอดกระปุกส่วนในระดับอุดมศึกษาก็จะมีเนื้อหาในระดับที่สูงขึ้น เช่น การลงทุน การวางแผนในการทำธุรกิจที่มีการจัดการบริหารที่ดีซึ่งจะยกตัวอย่างเรื่องสั้นที่ได้รับรางวัลดีเด่นในระดับมัธยม คือเรื่อง “เศษสตางค์ ความหวัง เสื้อกันหนาว” ก็จะพูดถึงการออมของเด็กชาย 2 คนซึ่งอยู่กับยายชีวิตถือว่าลำบากไม่ว่าจะลำบากเรื่อง อาหาร และ เครื่องใช้ในเรื่องก็คือเสื้อกันหนาวที่เด็ก 2 คนต้องการเลยต้องหยอดกระปุกเพื่อจะซื้อเสื้อกันหนาวซึ่งที่มีอยู่คือมีตัวเดียวต้องเปลี่ยนกันใส่โดยการ “เป่า ยิง ฉุบ” ในตอนสุดท้ายของเรื่องนั้นเงินที่ออมไว้เพียงพอที่จะซื้อเสื้อผ้าได้แต่ต้องนำมาซื้อข้าวให้ยายเพื่อใช้ในการเลี้ยงดูเขาทั้ง 2 นั่นเอง สำหรับเรื่องที่ได้ดีเด่นในระดับอุดมศึกษา เรื่อง อิฐ ก็จะนำเสนอในเรื่องของครอบครัวที่ต่อสู้ดินรนท่ามกลางความแห้งแล้ง ความยากลำบาก ในการประกอบอาชีพก็คือการทำนาที่ไม่ประสบผลสำเร็จ ปลูกข้าวไม่มีน้ำดินแห้งแตกระแหง เมื่อการทำนาไม่ได้ผลสิ่งที่เขาต้องรับภาระก็คือต้องเป็นหนี้ ธ.ก.ส. แต่ด้วยความที่ลูกชายคนโตที่ไม่ชอบการทำเพราะเขามองว่าทำไปก็ไม่ได้ผลซึ่งเขาก็พยายามหาวิธีช่วยครอบครัวหาสิ่งที่ต้องทำทดแทนการทำนาเขามองไปเห็นดินที่แห้งก็เลยเป็นที่มาของการทำ “อิฐ” ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นธุรกิจของครอบครับสามารถปลดภาระหนี้ให้ครอบครัวได้ทำให้ความเป็นอยู่สุขสบายแต่ตอนท้ายพ่อผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ความรู้ความเพลิดเพลินที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ถึงแม้ผลงานจะผ่านมาหลายปีแล้วความรู้ที่ได้สอดแทรกในหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการออมก็ยังมีความทันสมัยอยู่เสมอถ้าหลายคนได้อ่านหรือเด็ก ๆ ที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วนอกจากความเพลิดเพลินแล้วยังได้สาระของการออมเพื่อจะได้เป็นแนวทางในการนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันซึ่งการสร้างนิสัยการออมเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ปก : canva.comภาพที่ 1 โดยนักเขียนภาพที่ 2 pixabay.comภาพที่ 3 โดยนักเขียนภาพที่ 4 pixabay.com